นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ของรัฐบาลว่า เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่สำคัญคือนายกฯ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้นการปรับต้องให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวมมากที่สุด การจะประเมินว่าปรับแล้วจะดีหรือไม่ดี ก็อยู่ที่ตรงนี้ แต่ตนไม่ทราบว่ามีความเร่งด่วนอะไรที่ต้องปรับตอนนี้หรือไม่
ทั้งนี้จากการบริหารกว่า 1 ปีที่ผ่านมา เห็นว่ามีหลายเรื่องที่เกิดปัญหาในการบริหาร เช่น นโยบายปรองดอง พืชผลทางการเกษตรในหลายจุด ความจริงรัฐบาลรอการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนตัดสินใจปรับ ครม.ก็ได้ แต่ถ้ามีการปรับครม.ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีผลต่อการอภิปรายของฝ่ายค้านหรือไม่นั้นก็คงขึ้นอยู่กับว่าปรับใคร และตรงกับคนที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่าเมื่อมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว คงไม่มีการปรับรัฐมนตรีที่อยู่ในญัตติออก แต่ถ้าปรับก่อนโดยมีรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจรวมอยู่ด้วย ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล คงทำอะไรไม่ได้ ซึ่งก็งต้องรอดูอาจไม่มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นก็ได้
สำหรับความคืบหน้าในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ได้หารือกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้านแล้วว่า เป็นไปตามกำหนดการทุกอย่าง คือประมาณวันที่ 31 ตุลาคม 2555 เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงใกล้ปิดสมัยประชุมน่าจะเหมาะสมที่สุด และหลังจากนั้นรัฐบาลก็มีเวลาในช่วงปิดสมัยประชุม ไปปรับปรุงหลังการอภิปราย ซึ่งทางวิปก็รายงานว่ามีความพร้อมสำหรับการอภิปรายแล้ว โดยนายจุรินทร์ หารือกับคนที่จะอภิปรายทุกวัน เพื่อรวบรวมข้อมูลตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ รัฐบาลจะใช้ความเป็นผู้หญิงของนายกฯ มาเป็นเกราะกำบังเพื่อเบี่ยงเบนให้เกิดคะแนนสงสารหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราอภิปรายตามเนื้อหาสาระ ไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวของนายกฯ แต่เป็นการบริหารราชการแผ่นดินที่มีผลกระทบกับคนทั้งประเทศ เราก็ต้องทำหน้าที่ของเรา ยันว่าการอภิปรายจะเป็นไปตามเนื้อหาและข้อเท็จจริง ซึ่งรัฐบาลในวิถีทางประชาธิปไตยก็ต้องพร้อมรับการตรวจสอบ แต่จะมีการอภิปรายใครบ้างนั้น ทางวิปกำลังสรุปอยู่
ส่วนที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ระบุในรายการสายล่อฟ้าว่า อาจมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมนั้น ตนไม่ทราบว่า นายศิริโชค มีข้อมูลอย่างไร เพราะนายศิริโชค ก็ยังไม่ได้รายงานข้อมูลต่อประธานวิปฝ่ายค้าน ที่จะเป็นผู้ตรวจสอบกลั่นกรองและรายงานมาที่ตน ซึ่งหลังจากการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ก็จะมีความชัดเจนและสามารถอธิบายอภิปรายไปตามระบบ
นายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการอภิปรายแถลงผลงาน 1 ปีของรัฐบาล และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยขณะนี้กำลังมีการรวบรวมข้อมูลและรายชื่อของทั้งสองกรณี ซึ่งก็ได้ให้สมาชิกลงชื่อพร้อมประเด็นที่จะอภิปรายด้วย ซึ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจหลักๆ จะเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการติดตามตรวจสอบ เช่น ครม.เงา ที่จะมีผู้รับผิดชอบโดยตรงในรายกระทรวง ส่วนการอภิปรายแถลงผลงาน อาจจะมีผู้อภิปรายมากกว่า เนื่องจากมีรายละเอียดปลีกย่อย
ทั้งนี้ในส่วนของข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจตอนนี้ถูกรวบรวมไปอยู่ที่ศูนย์ข้อมูลที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้านเป็นผู้ดูแล แต่ก็ยังไม่มีการระบุตัวผู้ที่จะทำหน้าที่อภิปราย
นายณัฏฐ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ กทม. จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ยังมีวงเงินเหลือ 800 ล้านบาท ว่า กทม.ได้จ่ายเงินทั้งหมดที่ได้รับไปแล้วในรอบแรก 1.2 พันล้าน และจ่ายให้กับผู้ที่ตกค้างอีก 800 ล้าน ซึ่งก็ยังมีเงินที่กทม.ได้ทำเรื่องขอเงินเพิ่มจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อจ่ายให้กับผู้ที่ตกค้างอีก 1.9 พันล้านบาท ซึ่งยังไม่มีการตอบกลับมาแต่อย่างใด ซึ่งในวันนี้จะมีการประชุมสภากทม.ซึ่งจะมีการหารือในเรื่องดังกล่าว เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหา ซึ่งมีอยู่ 3 แนวทางคือ 1.ปภ.จ่ายเงินให้กทม.อีก 1.1 ล้านบาท และไม่ทวงเงิน 800 ล้านบาท ที่จ่ายมาก่อนหน้านี้คืน 2. หากปภ.สรุปจะจ่ายเงินดังกล่าวให้กทม.แต่ยังไม่จ่ายในช่วงนี้ กทม.ก็จะสำรองจ่ายไปก่อนในส่วนที่ตกค้าง และ 3. หากปภ.ไม่อนุมัติเงินดังกล่าว กทม.ก็จะตั้งงบประมาณเองเพื่อจ่ายเงินให้ผู้ที่ตกค้างต่อไป
"ผมคิดว่าประเด็นนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหา หลังจากที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ได้หารือกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.แล้ว คิดว่าความเข้าใจ และการประสานงานของกบอ. และกทม. มีความเข้าใจขึ้นมาก แต่กรณีนายจิรายุ ออกมาให้ข่าวคิดว่าทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้คุยกันเอง"รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ทั้งนี้จากการบริหารกว่า 1 ปีที่ผ่านมา เห็นว่ามีหลายเรื่องที่เกิดปัญหาในการบริหาร เช่น นโยบายปรองดอง พืชผลทางการเกษตรในหลายจุด ความจริงรัฐบาลรอการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนตัดสินใจปรับ ครม.ก็ได้ แต่ถ้ามีการปรับครม.ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีผลต่อการอภิปรายของฝ่ายค้านหรือไม่นั้นก็คงขึ้นอยู่กับว่าปรับใคร และตรงกับคนที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่าเมื่อมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว คงไม่มีการปรับรัฐมนตรีที่อยู่ในญัตติออก แต่ถ้าปรับก่อนโดยมีรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจรวมอยู่ด้วย ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล คงทำอะไรไม่ได้ ซึ่งก็งต้องรอดูอาจไม่มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นก็ได้
สำหรับความคืบหน้าในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ได้หารือกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้านแล้วว่า เป็นไปตามกำหนดการทุกอย่าง คือประมาณวันที่ 31 ตุลาคม 2555 เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงใกล้ปิดสมัยประชุมน่าจะเหมาะสมที่สุด และหลังจากนั้นรัฐบาลก็มีเวลาในช่วงปิดสมัยประชุม ไปปรับปรุงหลังการอภิปราย ซึ่งทางวิปก็รายงานว่ามีความพร้อมสำหรับการอภิปรายแล้ว โดยนายจุรินทร์ หารือกับคนที่จะอภิปรายทุกวัน เพื่อรวบรวมข้อมูลตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ รัฐบาลจะใช้ความเป็นผู้หญิงของนายกฯ มาเป็นเกราะกำบังเพื่อเบี่ยงเบนให้เกิดคะแนนสงสารหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราอภิปรายตามเนื้อหาสาระ ไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวของนายกฯ แต่เป็นการบริหารราชการแผ่นดินที่มีผลกระทบกับคนทั้งประเทศ เราก็ต้องทำหน้าที่ของเรา ยันว่าการอภิปรายจะเป็นไปตามเนื้อหาและข้อเท็จจริง ซึ่งรัฐบาลในวิถีทางประชาธิปไตยก็ต้องพร้อมรับการตรวจสอบ แต่จะมีการอภิปรายใครบ้างนั้น ทางวิปกำลังสรุปอยู่
ส่วนที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ระบุในรายการสายล่อฟ้าว่า อาจมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมนั้น ตนไม่ทราบว่า นายศิริโชค มีข้อมูลอย่างไร เพราะนายศิริโชค ก็ยังไม่ได้รายงานข้อมูลต่อประธานวิปฝ่ายค้าน ที่จะเป็นผู้ตรวจสอบกลั่นกรองและรายงานมาที่ตน ซึ่งหลังจากการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ก็จะมีความชัดเจนและสามารถอธิบายอภิปรายไปตามระบบ
นายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการอภิปรายแถลงผลงาน 1 ปีของรัฐบาล และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยขณะนี้กำลังมีการรวบรวมข้อมูลและรายชื่อของทั้งสองกรณี ซึ่งก็ได้ให้สมาชิกลงชื่อพร้อมประเด็นที่จะอภิปรายด้วย ซึ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจหลักๆ จะเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการติดตามตรวจสอบ เช่น ครม.เงา ที่จะมีผู้รับผิดชอบโดยตรงในรายกระทรวง ส่วนการอภิปรายแถลงผลงาน อาจจะมีผู้อภิปรายมากกว่า เนื่องจากมีรายละเอียดปลีกย่อย
ทั้งนี้ในส่วนของข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจตอนนี้ถูกรวบรวมไปอยู่ที่ศูนย์ข้อมูลที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้านเป็นผู้ดูแล แต่ก็ยังไม่มีการระบุตัวผู้ที่จะทำหน้าที่อภิปราย
นายณัฏฐ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ กทม. จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ยังมีวงเงินเหลือ 800 ล้านบาท ว่า กทม.ได้จ่ายเงินทั้งหมดที่ได้รับไปแล้วในรอบแรก 1.2 พันล้าน และจ่ายให้กับผู้ที่ตกค้างอีก 800 ล้าน ซึ่งก็ยังมีเงินที่กทม.ได้ทำเรื่องขอเงินเพิ่มจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อจ่ายให้กับผู้ที่ตกค้างอีก 1.9 พันล้านบาท ซึ่งยังไม่มีการตอบกลับมาแต่อย่างใด ซึ่งในวันนี้จะมีการประชุมสภากทม.ซึ่งจะมีการหารือในเรื่องดังกล่าว เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหา ซึ่งมีอยู่ 3 แนวทางคือ 1.ปภ.จ่ายเงินให้กทม.อีก 1.1 ล้านบาท และไม่ทวงเงิน 800 ล้านบาท ที่จ่ายมาก่อนหน้านี้คืน 2. หากปภ.สรุปจะจ่ายเงินดังกล่าวให้กทม.แต่ยังไม่จ่ายในช่วงนี้ กทม.ก็จะสำรองจ่ายไปก่อนในส่วนที่ตกค้าง และ 3. หากปภ.ไม่อนุมัติเงินดังกล่าว กทม.ก็จะตั้งงบประมาณเองเพื่อจ่ายเงินให้ผู้ที่ตกค้างต่อไป
"ผมคิดว่าประเด็นนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหา หลังจากที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ได้หารือกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.แล้ว คิดว่าความเข้าใจ และการประสานงานของกบอ. และกทม. มีความเข้าใจขึ้นมาก แต่กรณีนายจิรายุ ออกมาให้ข่าวคิดว่าทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้คุยกันเอง"รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
