“ณัฐวุฒิ” เผยมีภารกิจฮ่องกง ประกอบกับ “จตุพร” ไปท่องเที่ยว ทำให้ได้พบนายใหญ่ ชูมีศักดิ์ศรีไม่คุยขอเก้าอี้ รมต. ยกเพื่อนซี้เหมาะทุกด้าน คุยโดนเพ่งเล็งแต่ยังนิ่ง เผย “แม้ว” เป็นห่วงสาวก ยันไปนอกทำตาม กม. ย้อน ปชป.ไปดูการระบายน้ำ เล่นลิ้นตามฟอร์มชี้พายุแกมีอ่อนกำลัง แต่แกมั่วกำลังมา-เล่นมุกเดิมศาล รธน.รับเรื่องจำนำข้าวไม่เป็น ปชต. โทษผู้ร้องไม่ใช่เสรีภาพทางวิชาการ อ้างชาวนาได้ประโยชน์ถือว่าถูกทาง
วันนี้ (9 ต.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำกลุ่ม นปช. ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่เดินทางไปฮ่องกงโดยมีกระแสข่าวว่ากลุ่มเสื้อแดงวิ่งเต้นขอตำแหน่งกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ไม่มี ตนมีภารกิจที่ฮ่องกง พอดีกับที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.อยากเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อน ก็เลยมีโอกาสไปคารวะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องธรรมดา เพราะไม่ได้เจอนานแล้ว ยืนยันด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรี ว่าการไปเที่ยวนี้ไม่มีการพูดถึงการปรับครม.หรือเรื่องตำแหน่งทางการเมืองของใครเลยแม้แต่น้อย จุดยืนเราชัดเจนว่าในทางการเมืองเราเคารพ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เรื่องการปรับหรือไม่ปรับ ครม.ก็เป็นอำนาจและดุลพินิจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เป็นหลัก ส่วนว่าจะมีชื่อนายจตุพรมาเป็นรัฐมนตรีหรือไม่นั้นไม่ได้อยู่ในสถานะที่ตนจะพูด แต่ยืนยันว่านายจตุพรเหมาะทุกด้าน อยู่ที่นายกฯจะพิจารณาว่าจะเลือกทีมแบบไหนในการทำงานแต่ละสถานการณ์ ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีข่าวคราวอะไรทางการเมืองชื่อนายจตุพรก็มาแรงทั้งนั้น เป็นเรื่องปกติ พวกตนเดินอยู่บนสนามการต่อสู้ เมื่อมีอะไรสายตาทางการเมือง โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้างจะเพ่งเล็งมา แต่เราพยายามจะวางตัวให้นิ่งที่สุด
นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า การพบ พ.ต.ท.ทักษิณได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบและเป็นห่วงเสื้อแดง โดยเฉพาะผู้บาดเจ็บ ทุพพลภาพ ถูกจองจำ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณอยากให้พี่น้องให้กำลังใจและดูแลกันและกัน ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตถึงการเดินทางออกนอกประเทศได้ขออนุญาตศาลหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าการเดินทางออกนอกประเทศเป็นไปขั้นตอนอย่างถูกต้อง นายจตุพรก็ทำทุกอย่างถูกต้องและเดินทางกลับตามกำหนดเวลา ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะเอาเวลาไปจัดการระบบระบายน้ำจะดีกว่า อยากให้อธิบายเรื่องนี้ให้ชัดจะได้บันทึกในประวัติศาสตร์ และนำไปถกในแวดวงนักเชี่ยวชาญจัดการน้ำว่าเป็นหนึ่งในวิธีการที่ได้ผล ตอนนี้พายุแกมีอ่อนกำลังลงแล้ว แต่ตนห่วงพายุแกมั่ว กำลังจะพัดพาให้สภาพการบริหารจัดการน้ำเกิดความสับสนและส่งผลกระทบต่อประชาชน
รมช.เกษตรและสหกรณ์ ยังกล่าวถึงศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องโครงการรับจำนำข้าว ว่า ถ้าบอกว่าศาลรัฐธรรมนูญรับคงไม่ชัดนัก เพราะวันที่ 10 ต.ค.จึงจะประชุมกัน ตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่จะกำหนดนโยบาย และก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ คงไม่ใช่เรื่องที่กลไกศาลรัฐธรรมนูญจะมาชี้ว่าทำได้หรือไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นต่อไปการแถลงนโยบายของรัฐบาลก็ไม่ต้องแถลงต่อรัฐสภา ก็ไปแถลงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมันจะไม่เป็นตามหลักการประชาธิปไตย คนที่ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ใช่เสรีภาพทางวิชาการ เพราะเสรีภาพทางวิชาการต้องศึกษาวิจัยรวบรวมข้อมูล วิพากษ์วิจารณ์ด้วยเหตุผล แต่การยื่นศาลรัฐธรรมนูญที่คนมองว่าผิดฝาผิดตัว อันนี้ก็เป็นอีกลักษณะของพายุแกมั่ว ที่กำลังสร้างผลกระทบต่อสังคมไทยอยู่เวลานี้
“ตราบใดก็ตามที่ชาวนาได้ประโยชน์จากรัฐบาล ถือว่าเรามาถูกทางแล้ว จะมีประโยชน์อะไรถ้าเราเป็นแชมป์การส่งออกข้าวเป็นอันดับ1ของโลกในขณะที่ชาวนาเป็นคนจนที่สุดในประเทศ แต่เรื่องส่งออกเราไม่ได้ยกเลิก ถ้าการเป็นอันดับ1ของโลก โดยลืมหันมองชีวิตของชาวนาที่ทุกข์ยากมานาน ผมคิดว่าน่าจะปรับวิธีคิดใหม่ ไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวมานาน แต่ทำไมเราไม่เป็นผู้กำหนดกลไกราคา” นายณัฐวุฒิกล่าว