xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อยอดขาย&ผลิตรถพุ่ง ปีทองอุตฯชิ้นส่วนยานยนต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

    แม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว จากปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และปัญหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยูโรโซน ที่ยังไม่คลี่คลาย สร้างผลกระทบไปยังประเทศต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก รวมถึงประเทศไทย แต่ นโยบายประชานิยมในเรื่องรถคันแรกของภาครัฐ และด้วยมหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 ที่สร้างความเสียหายใหญ่หลวงกับอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งกว่าจะฟื้นฟูกว่าจะเดินเครื่องจักรอีกรอบ ก็ทำให้ออเดอร์คำสั่งซื้อในหลายๆบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งจากออดเอร์เก่าค้างส่ง และออเดอร์ใหม่ที่รับเข้ามา ...

    สิ่งเหล่านับเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ปี 2555 กลายเป็นปีทองของอุตสาหกรรมชิ้นยานยนต์ในประเทศไทย ตั้งแต่รายเล็กจนถึงรายใหญ่ สวนทางตัวเลขการส่งออกของประเทศ ที่ไม่เป็นไปตามคำคุยของผู้บริหารภาครัฐในช่วงต้นปี

    เมื่อเร็วๆนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ได้เปิดเผยข้อมูล กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ว่า โดยรวมยอดการผลิตรถยนต์เดือน ก.ย. 2555 อยู่ที่ 228,500 คัน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 31.16% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในประวัติการณ์รอบ 51 ปี นับตั้งแต่เกิดโรงงานในปี 2504 และเมื่อรวมยอดผลิต 9 เดือน (ม.ค.- ก.ย. ) อยู่ที่ 1.7 ล้านคัน ทำให้ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 1 ใน 10 ของโลกเป็นการชั่วคราว

        “ ยอดผลิตรถยนต์ไทยปีก่อนที่อยู่ในอันดับที่ 14 แซงหน้า สเปน, ฝรั่งเศส, รัฐเซีย, อิหร่าน เนื่องจากประเทศดังกล่าวได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตหนี้สินยูโรโซน แต่หากศก.ยุโรปฟื้นตัวเร็วบางประเทศก็จะกลับมาแซงหน้าไทยได้เหมือนเดิม เว้นแต่ไทยจะผลิตรถยนต์ให้ได้ 3 ล้านคันก็จะอยู่อันดับ 10 ได้ถาวร ซึ่งไทยวางแผนไว้ว่าจะไปสู่เป้าหมายดังกล่าวอีก 5 ปีหรือในปี 2560”นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท.กล่าว

    ทั้งนี้ ส.อ.ท.เชื่อว่า ทั้งปี 2555 ประเทศจะสามารถผลิตรถยนต์ได้ในระดับ 2.2-2.3 ล้านคันแน่นอน และในปี 2556 เชื่อว่ายอดผลิตก็ยังมีเพิ่มต่อเนื่องจากเพราะยอดจองรถยนต์ในโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนของรถยนต์อีโคคาร์ที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคอย่างมาก

    โดย ยอดผลิตรถยนต์รวม 1.7 ล้านคัน จะเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 974,210 คัน เพิ่ม 54.87% และผลิตเพื่อการส่งออกอยู่ที่ 732,179 คันเพิ่ม 11.58%  ซึ่งในด้านการส่งออกเฉพาะรถยนต์สำเร็จรูป ยังพบว่าในเดือน ก.ย. มีจำนวนสูงถึง 98,268 คัน สูงสุดในประวัติการณ์รอบ 24 ปีตั้งแต่มีการส่งออกรถยนต์ไทยในปี 2531
    
    บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เกียรตินาคิน ได้จัดทำบทวิจัยถึงหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไว้ว่า ยอดการผลิตและขายรถยนต์ในรอบ 9เดือนที่ผ่านมา..ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามข้อมูลของส.อ.ท.นั้น สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการประเทศไทยได้รับผลกระทบจากมหาอุทกภัย

รถคันแรกกระตุ้นยอดผลิตโตจนถึงกลางปี56
    อย่างไรก็ตาม บล.เกียรตินาคิน เชื่อว่า เป้าหมายยอดผลิตรถยนต์ช่วงเดือน ต.ค. - ธ.ค. 2555 ที่คาดโดย ส.อ.ท. มีความเป็นไปได้ ด้วยแรงผลักดันจากความต้องการรถยนต์ภายในประเทศที่กำลังจะสิ้นสุดระยะเวลาจองรถเพื่อรับสิทธิ์การลดภาษีจากนโยบายรถคันแรกภายในปีนี้

    **ประกอบกับช่วงวันที่ 29 พ.ย. - 10 ธ.ค. 2555 จะมีงานมหกรรมยานยนต์ หรือ Motor Expo เข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ในประเทศอีกแรง ซึ่งคาดว่าแนวโน้มยอดจองรถยนต์ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงในช่วงปลายปีนี้จะทำให้ยอดผลิตรถยนต์อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องจนถึงกลางปี 2556  ทำให้บล.เกียรตินาคิน ปรับเพิ่มเป้ายอดผลิตรถยนต์ปี 2555 ขึ้นเป็น 2.31 ล้านคัน (จากเดิม 2.18 ล้านคัน) เพิ่มขึ้น 58%  จากช่วงเดียวกันในปีก่อน  และคาดยอดผลิตรถยนต์ปี 2556 ที่ 2.52 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 9% จากปีนี้**

ความขัดแย้งง “จีน”-“ญี่ปุ่น” แค่ระยะสั้น
    ส่วน กรณีความเสี่ยงจากความขัดแย้งระหว่างประเทศจีนกับประเทศญี่ปุ่นกรณีข้อพิพาทหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก มองว่าเป็นเพียงปัจจัยลบระยะสั้นต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จากที่ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นในประเทศจีนประกาศหยุดการผลิตรถยนต์ชั่วคราวอาจทำให้เกิดความขาดแคลนชิ้นส่วนยานยนต์บางรายการที่นำเข้าจากประเทศจีนในระยะสั้น ก่อนที่ผู้ผลิตรถยนต์จะสามารถหาแหล่งผลิตใหม่เพื่อมาทดแทน

    บล.เกียรตินาคิน คาดว่าผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นจะสามารถหาแหล่งผลิตใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน หากประเมินกรณีดังกล่าวในระยะยาว เรามองเป็นปัจจัยบวกสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเนื่องจากประเทศไทยจะเป็นตัวเลือกในลำดับต้นๆ ในการเป็นฐานการผลิตใหม่เพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตหากผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นตัดสินใจย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน เนื่องด้วยความพร้อมในหลายๆ ด้าน เช่น ฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่หลากหลาย และครอบคลุม ความสามารถของแรงงาน และความพร้อมทางด้านระบบสาธารณูประโภค

    นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเหมาะกับการเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าในกลุ่มอาเซียนอีกด้วย ซึ่งในช่วงปี 2555 ที่ผ่านมา ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นหลายรายมีการขยายกำลังการผลิตในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 1 - 2 แสนคันต่อปี

ตั้งแต่กังวลน้ำท่วม หุ้นชิ้นส่วนรถยังไม่สะท้อนปัจจัยบวก
    ในขณะที่เมื่อพิจารณาการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ (AUTO Index) พบว่าทรงตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 500 จุด มาตั้งแต่ที่เริ่มมีความกังวลสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงเดือน ก.ย. - ต.ค. 2555 ทำให้ยังไม่สะท้อนปัจจัยบวกที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2555 นี้ จากยอดผลิตรถยนต์ที่คาดว่าจะเติบโตเกือบ 300% ในช่วงเดือน ต.ค. - ธ.ค. 2555 และการจัดงานฉลองยอดผลิตครบ 2 ล้านคัน/ปี เป็นครั้งแรกของประเทศไทยในวันที่ 30 พ.ย. 2555

    ทั้งนี้ จากสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดทำให้ บล.เกียรตินาคิน คาดว่าคงไม่เกิดความรุนแรงเหมือนกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้ว ดังนั้น เราจึงยังคงให้นำหนัก มากกว่าตลาด (Overweight) สำหรับการลงทุนในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และเลือก SAT STANLY และ AH เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มและแนะนำ “ซื้อ”

ทยอยปรับใช้มูลค่าเหมาะสมของปี 2556
     “เราอยู่ระหว่างประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2556 ของบริษัทในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่เราศึกษา 5 บริษัท ได้แก่ AH, SAT, STANLY, TSC และ TKT และเราจะทยอยออกบทวิเคราะห์ในลำดับถัดไปพร้อมกับการคาดการณ์ผลประกอบการ 3Q55 เบื้องต้นเราคาดว่ามูลค่าเหมาะสมปี 2556 ของบริษัทในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์จะเพิ่มขึ้นราว 10-20% จากมูลค่าเหมาะสมปี 2555 ตามการเติบโตของยอดผลิตรถยนต์ปี 2556 ที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 9% YoY ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเพียงหุ้น TSC ตัวเดียวที่เราปรับไปใช้มูลค่าเหมาะสมปี 2556 แล้ว”

    นายวีระยุทธ กิตะพาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมบูรณ์ แอ็ดวานซ์ เทคโนโลยีจำกัด (มหาชน) หรือSATกล่าวว่า  ไตรมาส3/2555 บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ10%ซึ่งดีกว่าไตรมาส 2 และไตรมาส 1 และเชื่อว่าในไตรมาส 4/2555 จะสามารถเติบโตได้ในระดับเดียวกัน ทั้งนี้ ประเมินว่าภาพรวมทิศทางการเติบโตของรายได้รวมในครึ่งหลังปี 2555 จะเติบโตสูงกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวมอยู่ที่4,543.59 ล้านบาท  เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ส่งผลให้รายได้ทั้งปี2555 จะเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ 47-48% จากปีก่อน ที่ทำไว้ 6,577.64ล้านบาท

    ส่วนทิศทางอุตสาหกรรมในปี2556 คาดว่าจะเติบโต 10%จากปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับแรงส่งจากนโยบายรถยนต์คันแรกที่ได้รับความสนใจสูง โดยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2555 จะมีประชาชนจองรถเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ทันใช้สิทธิ์ดังกล่าว อย่างไรก็ดี แม้จะจองรถในปีนี้ แต่กระบวนการผลิตและส่งมอบรถยนต์จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนในปี 2556 ซึ่งจะทำให้ตลาดรถยนต์ในประเทศยังคงเติบโตต่อเนื่องไปถึงปีหน้า

กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมรับอานิสงส์ด้วย

    ขณะเดียวกัน จากการเติบโตของยอดการผลิต และยอดขายรถยนต์ นอกจากจะส่งผลดีให้กับหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ในตลาดหุ้นแล้ว หุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมก็ได้รับอานิสงส์ในเรื่องดังกล่าวด้วยเช่น จากความกังวลของนักลงทุนต่างชาติต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่เคยเกิดขึ้น  และความต้องการขยายพื้นที่โรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตนั่นเอง

    นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะคอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA  กล่าวว่า สถานการณ์การลงทุนในนิคมฯ อมตะในขณะนี้ยังมีทิศทางที่ดี และมั่นใจว่าจะมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2556 โดยคาดว่าในปี 2555 นี้ อมตะจะสามารถปิดยอดขายพื้นที่ได้เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้อยู่ที่ 3,500 ไร่ จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 3,000 ไร่
    โดย การลงทุนในประเทศ จะมีการขยายการลงทุนไปยังพื้นที่ฝั่งตะวันออกมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนที่มาจากพื้นที่ตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความสะดวกทั้งในด้านการเป็นศูนย์กลางระบบลอจิสติกส์ และมีแหล่งวัตถุดิบที่จะสามารถป้อนส่งให้แก่ภาคอุตสาหกรรมทั้งระบบได้ และคาดว่าจะเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางทางด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วน ที่ยังคงเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายหลัก และคาดว่าในปี 2556 ไทยจะมียอดการผลิต และจำหน่ายกว่า 2,000,000 คัน

    สรุป...การที่ไทยจะก้าวขึ้นไปติดอันดับ  1 ใน 10 ประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก ในเวลานี้ ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ เพราะแค่ข้อมูลตัวเลขรถยนต์ในปีนี้  ...เนื่องจากที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากนโยบายประชานิยมของรัฐบาล ซึ่งนับรอวันหมดอายุโครงการ และคาดการณ์ว่าจะส่งผลดีต่อยอดผลิตและยอดขายในประเทศไปได้เพียงครึ่งปีแรกของปี 2556  อีกทั้งภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เกิดขั้นก็เริ่มส่งผลกระทบกับหลายๆประเทศมากขึ้น ดังนั้น...ก็ต้องตั้งตารอดูว่า เมื่อแรงกระตุ้นภายในหมด ความต้องการภายนอกลดหรือชะลอตัว.....ศักยภาพของผู้ประกอบการไทย จะเยี่ยมยอดจะดันตัวเลขการผลิตขึ้นมา3 ล้านคันได้เมื่อใด
กำลังโหลดความคิดเห็น