ศูนย์ข่าวศรีราชา - บีโอไอ ชลบุรี สรุปตัวเลขอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออก ช่วง 9 เดือนของปี 55 มีเกือบ 3 แสนล้านบาท และกว่าครึ่งของเม็ดเงินลงทุนอยู่ในระยอง ส่วนชลบุรี มีจำนวนโครงการมากสุด ขณะที่ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา พบการลงทุนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับยานยนต์
ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 (บีโอไอ ชลบุรี) ได้เปิดเผยตัวเลขการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 กันยายน 2555 ว่าในภาพรวมมีจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมในพื้นที่ 8 จังหวัด ทั้งสิ้น 553 โครงการ และมีมูลค่าการลงทุนรวม 280,317.40 ล้านบาท มีการจ้างงาน 63,017 คน
ทั้งนี้ จังหวัดที่มีจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติมากเป็นอันดับ 1 ยังคงเป็นจังหวัดชลบุรี ที่มี 231 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 41.77 ของจำนวนโครงการทั้งหมด รองลงมาคือ จังหวัดระยอง 199 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 35.98 ของจำนวนโครงการทั้งหมด
ส่วนจังหวัดที่มีมูลค่าการลงทุนมากที่สุด คือ จังหวัดระยอง มีการลงทุนรวม 151,940 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54.20 ของมูลค่าเงินลงทุนรวม รองลงมาเป็นจังหวัดชลบุรี มีการลงทุนรวม 74,180 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26.46 ของมูลค่าเงินลงทุนรวม
ขณะที่จังหวัดปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา ยังคงมีนักลงทุนสนใจในลงทุนเพิ่มมากขึ้นโดยตลอด ซึ่งมูลค่าการลงทุนรวมของทั้ง 2 จังหวัดมีประมาณ 52,190 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงลงทุนด้านชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ผลิตชิ้นส่วนจากโลหะ และชิ้นส่วนจากพลาสติก รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับยานยนต์ เช่น ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางสำหรับการเกษตร Agricultural Tire, Solid-Tire, Rubber การผลิตแม่พิมพ์สำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ ฯลฯ
เฉพาะ ก.ย.มูลค่าการลงทุนกว่า 4.5 หมื่นล้าน
นอกจากนั้น ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 (บีโอไอ ชลบุรี) ยังเผยถึงการลงทุนในภาคตะวันออก ประจำเดือนกันยายน 2555 ว่า ภาพรวมมีจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริม จำนวน 71 โครงการ มีมูลค่าการลงทุนรวม 45,697.20 ล้านบาท มีการจ้างงาน 7,236 คน ซึ่งโครงการที่ได้รับอนุมัติเป็นอันดับ 1 ยังคงอยู่ในจังหวัดชลบุรี จำนวน 32 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 45.07 ของจำนวนโครงการทั้งหมด จำนวนเงินลงทุน 7,295.70 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.96 ของมูลค่าเงินลงทุนในเดือนกันยายน 2555
อันดับ 2 ได้แก่ จังหวัดระยอง จำนวน 23 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 32.39 ของจำนวนโครงการทั้งหมด และมีเงินลงทุน 29,162.50 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 63.82
ขณะที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และสระแก้ว มีความเคลื่อนไหวทางการลงทุนที่น่าสนใจ กล่าวคือ ฉะเชิงเทรา มี 10 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 7,262.80 ล้านบาท ปราจีนบุรี มี 5 โครงการ เม็ดเงินลงทุน 1,966.20 ล้านบาท และสระแก้ว มี 1 โครงการ มูลค่าลงทุน 10 ล้านบาท
ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 (บีโอไอ ชลบุรี) ได้เปิดเผยตัวเลขการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 กันยายน 2555 ว่าในภาพรวมมีจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมในพื้นที่ 8 จังหวัด ทั้งสิ้น 553 โครงการ และมีมูลค่าการลงทุนรวม 280,317.40 ล้านบาท มีการจ้างงาน 63,017 คน
ทั้งนี้ จังหวัดที่มีจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติมากเป็นอันดับ 1 ยังคงเป็นจังหวัดชลบุรี ที่มี 231 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 41.77 ของจำนวนโครงการทั้งหมด รองลงมาคือ จังหวัดระยอง 199 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 35.98 ของจำนวนโครงการทั้งหมด
ส่วนจังหวัดที่มีมูลค่าการลงทุนมากที่สุด คือ จังหวัดระยอง มีการลงทุนรวม 151,940 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54.20 ของมูลค่าเงินลงทุนรวม รองลงมาเป็นจังหวัดชลบุรี มีการลงทุนรวม 74,180 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26.46 ของมูลค่าเงินลงทุนรวม
ขณะที่จังหวัดปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา ยังคงมีนักลงทุนสนใจในลงทุนเพิ่มมากขึ้นโดยตลอด ซึ่งมูลค่าการลงทุนรวมของทั้ง 2 จังหวัดมีประมาณ 52,190 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงลงทุนด้านชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ผลิตชิ้นส่วนจากโลหะ และชิ้นส่วนจากพลาสติก รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับยานยนต์ เช่น ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางสำหรับการเกษตร Agricultural Tire, Solid-Tire, Rubber การผลิตแม่พิมพ์สำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ ฯลฯ
เฉพาะ ก.ย.มูลค่าการลงทุนกว่า 4.5 หมื่นล้าน
นอกจากนั้น ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 (บีโอไอ ชลบุรี) ยังเผยถึงการลงทุนในภาคตะวันออก ประจำเดือนกันยายน 2555 ว่า ภาพรวมมีจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริม จำนวน 71 โครงการ มีมูลค่าการลงทุนรวม 45,697.20 ล้านบาท มีการจ้างงาน 7,236 คน ซึ่งโครงการที่ได้รับอนุมัติเป็นอันดับ 1 ยังคงอยู่ในจังหวัดชลบุรี จำนวน 32 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 45.07 ของจำนวนโครงการทั้งหมด จำนวนเงินลงทุน 7,295.70 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.96 ของมูลค่าเงินลงทุนในเดือนกันยายน 2555
อันดับ 2 ได้แก่ จังหวัดระยอง จำนวน 23 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 32.39 ของจำนวนโครงการทั้งหมด และมีเงินลงทุน 29,162.50 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 63.82
ขณะที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และสระแก้ว มีความเคลื่อนไหวทางการลงทุนที่น่าสนใจ กล่าวคือ ฉะเชิงเทรา มี 10 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 7,262.80 ล้านบาท ปราจีนบุรี มี 5 โครงการ เม็ดเงินลงทุน 1,966.20 ล้านบาท และสระแก้ว มี 1 โครงการ มูลค่าลงทุน 10 ล้านบาท
