ศูนย์ข่าวศรีราชา - เผยตัวเลขการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งปีแรก 2555 ในพื้นที่ภาคตะวันออก มีโครงการที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริมถึง 337 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท โดยจังหวัดชลบุรี ยังครองแชมป์จังหวัดที่ได้รับการส่งเสริมลงทุนสูงสุด แต่เม็ดเงินรวมทางการลงทุนสูงสุด กลับอยู่ในพื้นที่จังหวัดระยอง
ศูนย์เศรษฐกิจการลงุทนภาคที่ 4 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนภาคตะวันออก สรูปตัวเลขการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก 2555 (ตั้งแต่ 1 มกราคม-30 มิถุนายน. 2555) ว่ามีจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมในพื้นที่ 8 จังหวัด ภาคตะวันออก จำนวน 337 โครงการ และมีมูลค่าการลงทุนรวมถึง 109,989.90 ล้านบาท มีการจ้างงาน 27,794 คน โดยจังหวัดที่มีจำนวนโครงการได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนมากเป็นอันดับ 1 คือ จังหวัดชลบุรี ที่มีจำนวน 140 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 41.54 ของจำนวนโครงการทั้งหมด
รองลงมาคือ จังหวัดระยอง จำนวน 124 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 36.79 ของจำนวนโครงการทั้งหมด อย่างไรก็ดี แม้จังหวัดระยอง จะมีโครงการได้รับส่งเสริมการลงทุนมากเป็นอันดับ 2 รองจากชลบุรี แต่มูลค่าการลงทุนกลับมากเป็นอันดับ 1 คือ มีมูลค่การลงทุนรวมถึง 59,830 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 54.35 ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด ส่วนจังหวัดชลบุรี มีการลงทุนรวม 25,290 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 22.97 ของมูลค่าเงินลงทุน
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้มูลค่าการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออก ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องมาจากความเชื่อมั่นในศักยภาพของพื้นที่ และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ทั้งถนนหนทาง และการมีท่าเรือน้ำลึกของทั้งนักลงทุนในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งการลงทุนในภาคตะวันออกช่วงไตรมาสที่ 1-2 ของปี มีโครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริม จำนวน 337 โครงการ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีจำนวน 285 โครงการ ถือว่าสูงขึ้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จะอยู่ในจังหวัดชลบุรี และระยอง โดยเป็นการขยายตัวของอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ รองลงมา อยู่ในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ กระดาษ และการฉีดพลาสติกสำหรับผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งกิจการที่น่าสนใจลงทุนอันดับต่อมา คือ อุตสาหกรรมด้านการบริการ และสาธารณูปโภค เช่น กิจการเขตนิคมอุตสาหกรรม และกิจการ Flatted Factory เพื่อรองรับการย้ายฐานการลงทุน ศูนย์จัดหาจัดซื้อชิ้นส่วน และผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ (International Procurement Office)
และแนวโน้มการลงทุนในภาคตะวันออกคาดว่า จะมีการขยายตัวโดยเฉพาะอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์
อย่างไรก็ดี การลงทุนในภาคตะวันออกประจำเดือนมิถุนายน 2555 เพียงเดือนเดียวพบว่า มีโครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมถึง 71 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 16,326.90 ล้านบาท มีการจ้างงาน 4,375 คน ซึงโครงการที่ได้รับอนุมัติ เป็นอันดับ 1 ยังคงเป็นจังหวัดชลบุรี ที่มีมาก จำนวน 36 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 50.70 ของจำนวนโครงการทั้งหมด เม็ดเงินลงทุน 5,466.60 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 33.48 ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดในเดือนมิถุนายน 2555
อันดับ 2 ได้แก่ จังหวัดระยอง จำนวน 20 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 28.16 ของจำนวนโครงการทั้งหมด และมีเงินลงทุน 7,880.90 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 48.27
ศูนย์เศรษฐกิจการลงุทนภาคที่ 4 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนภาคตะวันออก สรูปตัวเลขการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก 2555 (ตั้งแต่ 1 มกราคม-30 มิถุนายน. 2555) ว่ามีจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมในพื้นที่ 8 จังหวัด ภาคตะวันออก จำนวน 337 โครงการ และมีมูลค่าการลงทุนรวมถึง 109,989.90 ล้านบาท มีการจ้างงาน 27,794 คน โดยจังหวัดที่มีจำนวนโครงการได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนมากเป็นอันดับ 1 คือ จังหวัดชลบุรี ที่มีจำนวน 140 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 41.54 ของจำนวนโครงการทั้งหมด
รองลงมาคือ จังหวัดระยอง จำนวน 124 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 36.79 ของจำนวนโครงการทั้งหมด อย่างไรก็ดี แม้จังหวัดระยอง จะมีโครงการได้รับส่งเสริมการลงทุนมากเป็นอันดับ 2 รองจากชลบุรี แต่มูลค่าการลงทุนกลับมากเป็นอันดับ 1 คือ มีมูลค่การลงทุนรวมถึง 59,830 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 54.35 ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด ส่วนจังหวัดชลบุรี มีการลงทุนรวม 25,290 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 22.97 ของมูลค่าเงินลงทุน
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้มูลค่าการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออก ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องมาจากความเชื่อมั่นในศักยภาพของพื้นที่ และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ทั้งถนนหนทาง และการมีท่าเรือน้ำลึกของทั้งนักลงทุนในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งการลงทุนในภาคตะวันออกช่วงไตรมาสที่ 1-2 ของปี มีโครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริม จำนวน 337 โครงการ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีจำนวน 285 โครงการ ถือว่าสูงขึ้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จะอยู่ในจังหวัดชลบุรี และระยอง โดยเป็นการขยายตัวของอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ รองลงมา อยู่ในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ กระดาษ และการฉีดพลาสติกสำหรับผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งกิจการที่น่าสนใจลงทุนอันดับต่อมา คือ อุตสาหกรรมด้านการบริการ และสาธารณูปโภค เช่น กิจการเขตนิคมอุตสาหกรรม และกิจการ Flatted Factory เพื่อรองรับการย้ายฐานการลงทุน ศูนย์จัดหาจัดซื้อชิ้นส่วน และผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ (International Procurement Office)
และแนวโน้มการลงทุนในภาคตะวันออกคาดว่า จะมีการขยายตัวโดยเฉพาะอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์
อย่างไรก็ดี การลงทุนในภาคตะวันออกประจำเดือนมิถุนายน 2555 เพียงเดือนเดียวพบว่า มีโครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมถึง 71 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 16,326.90 ล้านบาท มีการจ้างงาน 4,375 คน ซึงโครงการที่ได้รับอนุมัติ เป็นอันดับ 1 ยังคงเป็นจังหวัดชลบุรี ที่มีมาก จำนวน 36 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 50.70 ของจำนวนโครงการทั้งหมด เม็ดเงินลงทุน 5,466.60 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 33.48 ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดในเดือนมิถุนายน 2555
อันดับ 2 ได้แก่ จังหวัดระยอง จำนวน 20 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 28.16 ของจำนวนโครงการทั้งหมด และมีเงินลงทุน 7,880.90 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 48.27
