ธุรกิจอสังหาฯ เมืองชลไม่มีวันตาย ทุนน้อยใหญ่แห่ขยายพื้นที่ลงทุน

ศูนย์ข่าวศรีราชา - การพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ชลบุรีไม่มีวันซบเซา หลังทุนต่างชาติ และต่างถิ่นแห่ขยายพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาในเขตนิคมฯ ต่างๆ ที่มีอยู่รายล้อม หนีปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 54 เช่นเดียวกับการผุดแหล่งท่องเที่ยวใหม่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลความต้องการที่อยู่อาศัยตั้งแต่ระดับกลาง-บน ยังคงได้รับความสนใจ ทั้งจากกลุ่มคนซึ่งต้องการสร้างครอบครัวใหม่ เรื่อยไปจนถึงการมองหาบ้านหลังที่ 2 และสินทรัพย์เพื่อเก็งกำไร โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2555 มีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ และส่วนกลางต่างทุ่มงบสร้างโครงการคอนโดฯ หรู และบ้านเดียว ช่วงชิงพื้นที่การตลาดอย่างหนัก

เริ่มกันที่ เครือ PORCH LAND กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดจากนักลงทุนของคนในตระกูลโขนแจ่ม คหบดีดังในเขตอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ที่ท่มุงบประมาณหลายพันล้านบาท พัฒนาคอนโดมิเนี่ยมหรูในหลายจุดของเมืองพัทยา และล่าสุด ยังทุ่มทุนอีก 500 ล้านบาท ผุดโครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพ โครงการ 6 ภายใต้ชื่อ “The Feelture” บนเนื้อที่กว่า 4 ไร่ ริมหาดจอมเทียน หวังจับตลาดลูกค้าทุกกลุ่ม

นายชิษณุชา ภักดีเสน่หา ผู้บริหารโครงการ เผยว่า โครงการล่าสุดที่กำลังจะเปิดตัว เป็นอาคารขนาด 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวม 301 ยูนิต รูปทรงอาคารมีส่วนเว้าส่วนค้งในสไตล์โมเดิร์น ที่กลมกลืน และใกล้ชิดกับธรรมชาติ แบ่งการตกแต่งภายในเป็น 3 สไตล์ คือ Type A 1 ขนาด 36-54.5 ตารางเมตร Type B 1 ขนาด 37.5-63 ตารางเมตร และ Type C 2 ขนาด 57.5 และ 59 ตารางเมตร โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 900,000-1.8 ล้านบาท พร้อมเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า

นอกจากนั้น ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก และสระว่ายน้ำขนาด 450 ตารางเมตร ฟิตเนสเซ็นเตอร์ พื้นที่ส่วนกลางฯลฯ และจะเริ่มก่อสร้างในเดือนธันวาคมปีนี้ คาดว่าแล้วเสร็จประมาณธันวาคมปีหน้า ปัจจุบัน มียอดจองแล้วประมาณ 100 ยูนิต หรือคิดเป็นประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของทั้งโครงการ

ขณะที่อิโตะไทย กรุ๊ป ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์ และประกอบธุรกิจภาคอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ ในเขตนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ก็สบช่องตลาดอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงทุ่มงบกว่า 2.2 พันล้าน แตกไลน์ธุรกิจจับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี พร้อมเนรมิต 4 โครงการที่อยู่อาศัยรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น โดยได้เปิดตัวโครงการแรก The Private Paradise Condominium ขึ้นที่กลางเมืองพัทยา หวังจับกลุ่มพนักงานโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียง

โครงการที่ 2 The Family Townhome ตั้งอยู่ในเขตตำบลบ่อวิน-ปลวกแดง อำเภอศรีราชา เป็นโครงการบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น ขนาดประมาณ 122 ตารางเมตร รวม 370 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 450 ล้านบาท

โครงการที่ 3 The Valley Village โครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูย่านสนามกอล์ฟบูรพา ขนาด 200-300 ตารางเมตร และทะเลสาบขนาด 120-400 ตารางเมตร รวม 180 ยูนิต มูลค่าโครงการอยู่ที่ 800-1,000 ล้านบาท โดยมีกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มคนกระเป๋าหนักระดับผู้บริหารธุรกิจอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง

และโครงการที่ 4 The Private Paradise Condominium บ่อวิน คอนโดมิเนียมขนาดเดียวกับโครงการแรกประมาณ 300 ยูนิต มูลค่าโครงการอยู่ที่ 350-400 ล้านบาท

โพวา เอสเตท ขอชิงลางตลาดอสังหาฯ
ด้าน บริษัท โพวา เอสเตท จำกัด ซึ่งเกิดจากการลงทุนของนักธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดชลบุรี ได้ขอชิมลางเปิดตัวโครงการ “เดอเบย์ซีพอร์ท คอนโดมิเนียม” คอนโดมิเนียมหรูสไตล์โมเดิร์น คอนเทมโพรรารี บนเนื้อที่ประมาณ 3 งาน 22 ตารางวา ติดทะเลอ่าวอุดม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ภายใต้งบลงทุนสูงถึง 80 ล้านบาท

โดยนายวารินทร์ สวัสดี กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ กล่าวว่าโครงการดังกล่าวเป็นอาคารสูง ขนาด 8 ชั้น จำนวน 73 ยูนิต มีจุดขายสำคัญอยู่ที่ทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ติดทะเลอ่าวอุดม ล้อมรอบด้วยชุมชนชาวประมง สามารถเดินทางเข้า-ออกถนนสุขุมวิท ได้ถึง 5 เส้นทาง และยังใกล้กับโรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ห้างสรรพสินค้า และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฯ รวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน และการติดตั้งกล้อง CCTV ในทุกจุดของโครงการ รวมทั้งภายในลิฟต์ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ การลงทุนของกลุ่มโพวา เอสเตท ถือเป็นการลงทุนในรูปแบบการพัฒนาอสังหาริม ทรัพย์เพื่อขายโครงการแรก และหลังเปิดขายอย่างเป็นทางการ ขณะนี้มียอดจองแล้วกว่า 50% โดยห้องพักที่มีราคาขายเริ่มต้นที่ 3 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีมุมมองกว้างถึง 360 องศา ได้ถูกจองจนเต็มหมด และคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในอีก 2 เดือนข้างหน้า ส่วนการก่อสร้างโครงการจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้อยู่อาศัยได้ในช่วงกลางปี 2556

“บริษัทฯ จะเดินหน้าพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเขตอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และพื้นที่จังหวัดระยองต่อในทันที่ เพราะเรามีที่ดินที่เตรียมจัดสรรอยู่แล้ว ซึ่งรูปแบบโครงการยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่จะเน้นทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ใกล้ชายทะเล เพื่อสร้างบรรยากาศการเข้าพักให้แก่ผู้อยู่อาศัย ทั้งนี้ ตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และภาคตะวันออกยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว” นายวารินทร์กล่าว

ด้านกลุ่มควอลิตี้ เฮ้าส์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ติดอันดับ 1 ใน 5 บริษัทชั้นนำของตลาดหลักทรัพย์ไทย ได้เดินหน้าบุกตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดชลบุรี หลังสยายปีกครอบคลุมตลาดหัวเมืองท่องเที่ยวใหญ่จนประสบผลสำเร็จ โดยได้ทุ่มงบกว่า 2 พันล้านบาท เปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยสไตล์ Trendy 3 โครงการซ้อน ทั้งบ้าน และคอนโดฯ ทั้งในศรีราชา และพัทยา หวังจับตลาดคนทำงานในนิคมอุตสาหกรรม

นายสมบูรณ์ ชัยวัฒนพันธ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโครงการบ้าน A1 บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัดเผยว่า ในจังหวัดชลบุรี มีโครงการที่เปิดขายอยู่ในขณะนี้ 3 โครงการ คือโครงการแนวราบ อย่างโครงการคาซ่าวิลล์ ศรีราชา บ้านแฝดที่มีราคาขายเริ่มต้นที่ 2.69-5.19 ล้านบาท และโครงการ Casa Legend ศรีราชา บ้านเดี่ยว ราคาขายเริ่มต้นหลังละ 5.19-30 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้เปิดตัวในเขตอำเภอศรีราชาในปีนี้ กลุ่มลูกค้าหลัก คือ คนทำงานในพื้นที่ และพนักงานในเขตนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ

และอีกหนึ่งโครงการคือ The Trust Residence คอนโดฯ Low Rise ขนาด 8 ชั้น 3 อาคาร ตั้งอยู่ย่านพัทยากลาง มีจำนวนทั้งสิ้น 660 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้นที่ 9.79 แสนบาท และมีมูลค่าการลงทุนรวม 750 ล้านบาท

นอกจากนั้น ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ยังมีแผนที่จะขึ้นโครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ โดยใช้ชื่อ The Trust Residence แต่เปลี่ยนรูปแบบเป็น High Rise ขนาด 25 ชั้น 1 อาคาร รวมจำนวน 615 ยูนิต ที่มีราคาขายเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาทต่อยูนิต ชูจุดขายการเป็นคอนโดฯ แต่งครบริมถนนสุขุมวิท

“การแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของชลบุรีว่า ค่อนข้างมีสูง โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนท้องถิ่นที่ค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องของการเป็นแบรนด์พื้นที่ จึงมีข้อดีเรื่องการทำตลาด แต่โครงการของเราชูจุดขายที่การตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนที่ต้องการสินค้าคุณภาพ และงานบริการ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ต้องการความปลอดภัยสูง ซึ่ง 2 โครงการในศรีราชา คาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปี 2557 ส่วนโครงการ The Trust Residence พัทยากลาง มียอดขายแล้วกว่า 60% และคาดว่าจะปิดการขายได้ในช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน” นายสมบูรณ์กล่าว

นอกจากนั้น แหล่งข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์จังหวัดชลบุรี ยังเผยอีกว่า การขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพทย์ในพื้นที่ยังคงเติบโตอีกมาก เห็นได้จากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหญ่หลายโครงการ รวมหลายพันยูนิต ไม่เพียงเท่านั้น ในเร็วๆ นี้ ยังจะมีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมขนาด 6 พันยูนิต ใจกลางเมืองชลบุรี โดยพื้นที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พลาซา

ซึ่งคาดว่าในอนาคต จะมีแรงงานอพยพเข้ามาในจังหวัดอีกจำนวนมาก จากผลกระทบการปิดตัวของโรงงานหลายแห่งที่ถูกน้ำท่วม และขยายพื้นที่ลงทุนเข้ามาในชลบุรี และภาคตะวันออก ปัญหาที่จะตามมา คือ ปัญหาด้านสังคม และความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของคนพื้นที่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องทำงานกันอย่างหนัก