xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ยุคสีกากีเสื่อม ตร.ตั้งแก๊งปล้นทรัพย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชูพงษ์ สระทองยอด อายุ 47 ปี, นายเอกลักษณ์ ชุ่มเชื้อ อายุ 25 ปี และนายอนิวัตต์ รอเดช อายุ 25 ปี 3 ผู้ต้องหาพลเรือนซึ่งถูกจับได้ตั้งแต่วันแรก
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-คดีสีกากีนอกรีตที่ตั้งแก๊งอุ้มผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแล้วปล้นทรัพย์เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งหลายครา สร้างความเสื่อมเสียแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่เว้นแต่ละวัน

ย้อนไปเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ด.ต.วีระพงศ์ แซมสีม่วง อายุ 46 ปี ผบ.หมู่ งานป้องกันและปราบปราม สน.สามเสน และพวกรวม 3 ราย ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลา จับกุมได้คาเครื่องแบบ หลังแอบอ้างเป็นตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)ก่อเหตุอุ้ม นายสมหมาย ลุงยี อายุ 35 ปี อาชีพรับเหมาทาสี จากย่านบางซื่อ ขึ้นรถกระบะ โดยหาว่าเกี่ยวข้องกับยานรก ก่อนรีดเงินแล้วหลบหนีไป

ล่าสุดก็เกิดเรื่องงามหน้าวงการสีกากีอีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการ สืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บก.สส.บช.ภ.1) จับกุม ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ที่ร่วมกับพวกตั้งแก๊งปล้นทรัพย์ชาวบ้าน

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา ขณะที่ นายประจักษ์ โชคศิริ อายุ 28 ปี และ น.ส.สมิตานัน ชยะโยธินกุล อายุ 25 ปี สองสามีภรรยา กำลังพักผ่อนอยู่ในบ้านเลขที่ 96/251 หมู่บ้านร่วมทางฝัน เสนาวิลล่า หมู่ 6 ถนนเลียบคลองสอง ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จู่ๆก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ 5 คนอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) บุกเข้ามาขอตรวจค้น

จากนั้นชายกลุ่มดังกล่าวได้ช่วยกันจับสองสามีภรรยามัดมือและปิดตา แล้วพากันรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้านได้เงินสดไป 200,000 บาท ก่อนอุ้มผู้เสียหายขึ้นรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ ของผู้เสียหาย พร้อมทั้งขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลิ๊ก ของผู้เสียหาย นำตัวไปข่มขู่ให้บอกรหัสบัตรเอทีเอ็ม ก่อนกดเงินไป 1400,000 บาท และฉกโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ไอโฟน 4 นาฬิกาข้อมือ 4 เรือน อาวุธปืนขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก รวมทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 2 ล้านบาท

เมื่อได้ทรัพย์สินจนพออกพอใจแล้ว กลุ่มผู้ต้องหาก็ได้นำตัวสองสามีภรรยาไปปล่อยไว้ที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวสองพี่น้อง คลอง 7 ถนนรังสิต-องครักษ์ ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เมื่อพ้นเงื้อมมือโจรมาได้ทั้งคู่ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่อย่างใด จึงรีบเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.คูคต เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายแก๊งนี้มาดำเนินคดี

พล.ต.ต.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผู้บังคับการ สืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 ( ผบก.สส.ภ.1 ) เปิดเผยถึงเบื้องหลังพิชิตแก๊งตำรวจนอกรีตกับทีมข่าวอาชญากรรมเอเอสทีวี-ผู้จัดการ ว่า หลังได้รับแจ้งความจากผู้เสียหายตนก็ได้ระดมกำลังเข้าสืบสวนสอบสวน โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบประวัติแก๊งปล้นทรัพย์ รีดทรัพย์ ในพื้นที่ภาค 1 และพื้นที่ใกล้เคียงที่มีพฤติกรรมดังกล่าว กระทั่งพบข้อมูลแก๊งคนร้ายต้องสงสัยกลุ่มหนึ่ง

พล.ต.ต.ทวิชชาติ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบรายชื่อผู้ต้องสงสัย พบว่า นายศราวุทธ จุ้ยม่วงศรี วัย 44 ปี ได้ถูกพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ออกหมายจับในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ และมีพฤติกรรมตั้งแก๊งก่อเหตุคล้ายคลึงกันกับคนร้ายที่ก่อเหตุปล้นสองสามีภรรยา

จากนั้นฝ่ายสืบสวน บก.สส.ภ.1 ได้ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของ นายศราวุทธ พบว่าก่อนมีการปล้นสองสามีภรรยาที่ จ.ปทุมธานี นายสราวุทธ ได้โทรศัพท์หา นายชูพงษ์ สระทองยอด อายุ 47 ปี หลายครั้ง จึงนำกำลังไปเชิญตัว นายชูพงษ์ จาก จ.พิษณุโลก มาสอบสวน เบื้องต้นเจ้าตัวปฏิเสธ และพยายามบ่ายเบี่ยงแต่เมื่อถูกสอบเครียดจึงยอมคายความลับออกมาจนหมดว่ามีใครร่วมขบวนการบ้าง ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนถึงกับตะลึงเมื่อพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมขบวนการนี้ด้วย

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมตัว ร.ต.อ.ธีรรัตม์ สุวรรณวาส์น อายุ 38 ปี รอง สวป. สน.บางยี่ขัน ได้ที่บริเวณหน้าบ้านแฟนสาว หมู่บ้านพฤกษา ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จับกุมนายเอกลักษณ์ ชุ่มเชื้อ อายุ 25 ปี ได้ที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ส่วน นายอนิวัตต์ รอเดช อายุ 25 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภาค 2จับกุมได้ที่ จ.ระยอง พร้อมของกลางรถโตโยต้า คัมรี่ สีดำ ทะเบียน ชฐ 7017 กรุงเทพฯ นาฬิกาคาสิโอ รุ่นจีช็อก 2 เรือน กางเกงยีน เสื้อยืดคอปกสีแดงลายปืนบาร์เร็ตต้า และหมวกแก๊ป ที่ใส่ในวันก่อเหตุมาให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.ภ.1 แถลงข่าว

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะร่วมกันตั้งแก๊งแอบอ้างเป็นตำรวจ บช.ปส. โดยเลือกเหยื่อเป็นบุคคลมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพราะคิดว่าผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความ โดยหาข่าวจากวงการพนันและวงการยาเสพติด หลังก่อเหตุจะแบ่งทรัพย์สินกันแล้วเอาเงินไปเที่ยวเตร่

“ร.ต.อ.ธีรรัตม์ มีฉายาว่า “นาย” ทำหน้าที่วางแผนควบคุมการทำงานของลูกน้องและแบ่งทรัพย์สิน รวมทั้งเป็นคนขับรถของผู้เสียหายไปรีดเงิน ส่วน นายศราวุทธที่ยังหลบหนีอยู่มีหน้าที่ขับรถเข้าไปก่อเหตุ จัดหาเหยื่อ และกดเงินจากบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหาย ส่วนคนที่เหลือคอยควบคุมตัวผู้เสียหายและกวาดทรัพย์สิน” รอง ผบ.ตร.กล่าว

พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ประสานข้อมูลกับ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เพราะมีเหตุเกิดในลักษณะเดียวกันจนได้ข้อมูลว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ก่อเหตุในพื้นที่ภาค 1 โดยคนร้ายมีพฤติกรรมอ้างตัวเป็นตำรวจ บช.ปส.เข้าค้นบ้านแล้วจับเจ้าของบ้านก่อนปล้นเอาทรัพย์สินไป เบื้องต้นคาดว่ากลุ่มผู้ต้องหาน่าจะก่อคดีมามากกว่านี้ ซึ่งได้สั่งการให้ชุดสืบสวนขยายผลและจับกุม นายศราวุทธ จุ้ยม่วงศรี ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.ทวิชชาติ พละศักดิ์ เล่าย้อนรอยไปถึงที่มาที่ไปของคนร้ายแก๊งนี้ว่า ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.ธีรรัตม์ สุวรรณวาส์น เคยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด และได้รู้จักมักคุ้นกับ นายศราวุทธ จุ้ยม่วงศรี มานานหลายปี เนื่องจาก นายศราวุทธ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและทำงานเป็นสายลับให้กับร.ต.อ.ธีรรัตม์

ต่อมา นายศราวุทธ ได้เห็นช่องทางว่า หากก่อเหตุรีดทรัพย์ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จะไม่มีใครกล้าเข้าแจ้งความเนื่องจากเกรงว่าจะถูกดำเนินคดียาเสพติดด้วย นายศราวุทธจึงชักชวน ร.ต.อ.ธีรรัตม์ ซึ่งมีข้อมูลแก๊งยาเสพติดอยู่ในมือจำนวนมาก รวมทั้งมีเครื่องแบบรับประกันความน่าเชื่อถืออีกด้วย จากนั้น นายศราวุทธ ได้ทำการชักชวนเพื่อนที่รู้จักกันประกอบด้วย นายชูพงษ์ สระทองยอด นายเอกลักษณ์ ชุ่มเชื้อ และนายอนิวัตต์ รอเดช มาร่วมแก๊งก่อเหตุมาหลายครั้ง

ส่วนวิธีการนั้น ร.ต.อ.ธีรรัตม์ จะแสดงตัวเป็นตำรวจ บช.ปส. ขอเข้าไปตรวจค้นบ้านเหยื่อที่มีข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส่วนใหญ่เหยื่อไม่กล้าขัดขืนเพราะยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจริงตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง จากนั้นผู้ต้องหาที่เหลือจะช่วยกันจับเหยื่อพันธนาการ ขู่บังคับเรียกเอาเงินและทรัพย์สิน แลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี

สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 10 ครั้ง ในพื้นที่ ภาค 1 และภาค 2 เช่นเมื่อกลางเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ก่อเหตุปล้นบ้านริมคลอง 1 ธัญบุรี จ.ปทุมธานี แต่ไม่ได้ทรัพย์สิน เดือนกันยายนปล้นบ้าน ย่านราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี ได้ทรัพย์สินรวมกว่า 2 ล้านบาท และปล้นบ้านตรงข้ามกรมสรรพาวุธทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้ทรัพย์สินและยาเสพติด มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท กระทั่งย่ามใจบุกปล้นบ้าน นายประจักษ์ และ น.ส.สมิตานัน สองสามีภรรยา ใน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี แต่ผู้เสียหายไม่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจึงเข้าแจ้งความกระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว

ส่วนทรัพย์สินที่ได้นำมาแบ่งกันโดยเฉลี่ยแล้วได้คนละ 25,000 บาท ส่วน ร.ต.อ.ธีรรัตม์ และ นายศราวุทธ จะได้มากกว่าคนอื่น สอบสวน ร.ต.อ.ธีรรัตม์ รับสารภาพว่าก่อเหตุดังกล่าวจริง แต่เงินส่วนแบ่งนั้นยังไม่ได้รับ ก็มาถูกจับกุมเสียก่อน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นจากการจับกุม ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจโดยการขู่เข็ญควบคุมตัวส่ง สภ.คูคต ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับ ร.ต.อ.ธีรรัตม์ สุวรรณวาส์น เดิมชื่อ ร.ต.อ.วิรัตน์ ทองอยู่ ก่อนหน้านี้เป็นตำรวจชั้นประทวนอยู่ที่ บช.ปส.แต่สอบบรรจุเข้าเป็นนายตำรวจได้ กระเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2553 ได้ถูกพักราชการเพราะกรรโชกทรัพย์ จากนั้นได้มีการต่อสู้คดีแล้วศาลยกฟ้อง จึงได้กลับเข้ารับราชการอีกครั้งในตำแหน่ง รอง สวป.สน.ธรรมศาลา ก่อนย้ายไปเป็น รอง สวป.สน.บางยี่ขัน ในฤดูการแต่งตั้งโยกย้ายล่าสุด กระทั่งมาก่อเหตุสร้างความอัปยศแก่วงการสีกากีดังกล่าว อย่างไรก็ตามช่วงที่ ร.ต.อ.ธีรรัตม์ ไปก่อเหตุนั้นอยู่ระหว่างการอบรมสารวัตร

พล.ต.ต.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผบก.สส.ภ.1 เปิดเผยด้วยว่า แก๊งรีดทรัพย์ลักษณะดังกล่าว ก่อเหตุหลายครั้งในพื้นที่ภาค 1 ที่ผ่านมาเหยื่อไม่กล้าเข้าแจ้งความเนื่องจากเกรงว่าจะถูกดำเนินคดีเรื่องยาเสพติด ทำให้แก๊งดังกล่าวได้ใจ ก่อเหตุไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่าในพื้นที่ บช.ภ.1 มีแก๊งลักษณะดังกล่าวจำนวน 2 แก๊ง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกราชการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

หลังทราบข่าวว่าผู้ใต้บังคับบัญชาตั้งแก๊งปล้นทรัพย์ชาวบ้าน ทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)ไม่รอช้าได้สะบัดปากกาเซ็นคำสั่งให้ ร.ต.อ.ธีรรัตม์ ออกจากราชการ พร้อมทั้งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง

“ถ้าตำรวจไม่ดี ต้องไม่เอาไว้ ให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด” ผบช.น.กล่าว

“นิ้วใดร้ายจะต้องตัดทิ้ง” พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.กล่าวผ่าน โฆษก สตช. เข้าตำราปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง


กำลังโหลดความคิดเห็น