xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว’ฉุนถูกป้ายสี ฟ้องรวดเวทีผ่าความจริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (15 ต.ค.) พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) และอดีตผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เข้าพบ พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้ปากคำคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 91 ศพ ระหว่างการชุมนุมทางการเมือง เมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค.2553 โดยระบุว่าเป็นการ เข้าให้ปากคำในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ และหัวหน้าชุดเจรจาต่อรองในขณะนั้น โดยได้ประจำการอยู่หลายจุด
พล.ต.ต.วิชัย ระบุว่า ไม่หนักใจในการเข้าให้ปากคำในวันนี้ เนื่องจากไม่มีเรื่องใดที่ต้องปิดบัง ประกอบกับก่อนหน้านี้ก็เคยให้ข้อมูลกับคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป. ไปแล้ว

**“ปชป.”ยุคนเสื้อแดง-ชายชุดดำกลับใจ
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการปราศรัยกรณีชายชุดดำ ของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ว่า ทำให้ประชาชนได้เห็นความจริงว่าชายชุดดำเกิดขึ้นได้อย่างไร และความโหดเหี้ยมของชายชุดดำที่กระทำต่อเจ้าหน้าที่และประชาชน มีการสั่งการจากแกนนำคนเสื้อแดง และคนแดนไกล จึงทำให้คนเหล่านี้ร้อนตัวออกมาแก้ต่าง และแก้ตัวเป็นพัลวัน ไม่ว่าจะเป็น นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำนปช. ที่ปฏิเสธความมีอยู่จริงของชายชุดดำ ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ และแกนนำนปช. ก็คงมีความจำสั้น ที่บอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้เคยปลุกระดม สั่งการให้คนไปชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัด ปลุกระดมให้เผาบ้านเผาเมือง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าใกล้วาระสุดท้ายของคนเหล่านี้แล้ว จึงดิ้นรนทุกวิถีทาง
“น่าเสียใจแทนคนเสื้อแดงและประชาชนที่ต้องมาเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง โดยไม่ได้รับการดูดำดูดีจากแกนนำคนเสื้อแดงเลย อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีก็เคยบอกว่าจะจ่ายเงินชดเชยเป็นล้าน มาถึงขณะนี้คนเสื้อแดงที่เสียชีวิต กลับได้เงินช่วยเหลือจากกระทรวงพัฒนาสังคมฯ คนละ 2 พันบาท และอยากถามนายณัฐวุฒิ ว่าที่อ้างว่าไม่รู้จักชายชุดดำนั้น ไม่ทราบว่า ความจำสั้นหรือไม่ เพราะเคยพานายศรชัย ศรีดี การ์ด นปช.ไปมอบตัวที่นครบาล ดังนั้นขอเรียกร้องไม่ว่าเป็นคนเสื้อแดง หรือชายชุดดำที่ถูกเพิกเฉย ขอให้กลับใจ แล้วไปให้ข้อมูลที่เป็นประโยนช์ เพื่อนำฆาตกรตัวจริงมาลงโทษ หรือจะมาให้ข้อมูลกับฝ่ายค้านพวกเราก็ยินดีให้ความร่วมมือ”นายชวนนท์ กล่าว
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมากล่าวถึงสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อำมหิตและเหยียบศพนั้น นายอภิสิทธิ์ พูดไม่ผิด เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณพร้อมเอาชีวิตของประชาชน มาเพื่อประโยชน์ของตัวเอง และยังจะออกกฎหมายล้างผิดให้ตัวเองอีก.

**พท.ยื่นปปช.ทวงถามคดี 98 ศพ
เมื่อเวลา 10.00 น.นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยระบุว่าได้รับการร้องเรียนจากญาติผู้เสียชีวิต ญาติผู้ได้รับบาดเจ็บและตัวผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อเดือนเม.ย.และพค. 53 มีประชาชน จนท.รวม 98 ศพ เสียชีวิต โดยคดีนี้ ได้มีการยื่นร้องกล่าวโทษ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ในขณะนั้น โดยได้ยื่นต่อปปช.ไว้แล้ว เนื่องจากเห็นว่าทั้งสองคนบริหาราชการแผ่นดินผิดพลาด และคดีสองปีกว่าแล้วแต่ไม่คืบหน้าจึงได้นำหนังสือดังกล่าวมายื่นปปช.ว่าคดีนี้ พิจารณาไปถึงไหนอย่างไร ขัดข้องอย่างไรต้องชี้แจงให้ประชาชนและญาติผู้เสียชีวิตทราบ รวมทั้งประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บด้วย
ทั้งนี้เรื่องนี้แตกต่างจากคดีการสลายการชุมนุม เมื่อ 7 ต.ค. 51ที่มีการชี้มูลในคณะกรรมการปปช.ให้ดำเนินคดีกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. และพ.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. เพราะเราเห็นว่าแม้แต่อัยการสูงสุดไม่สั่งฟ้องแต่ปปช. กลับระบุจะนำคดีขึ้นสูงศาลฏีกาเอง โดยให้ทนายความไปดูจึงมองว่าคดีนี้น่าจะเปรียบเทียบให้เห็น ได้ชัดว่า ประชาชนจับตาอยู่แตกต่างอย่างไรและประธานกับกรรมการปปช.ต้องชี้แจงด้วย

**‘นช.แม้ว’ฉุนถูกป้ายสี เตรียมฟ้องรวด
เวลา 15.30 น.นายพร้อมพงศ์ แถลงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทนายความส่วนตัวและทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยเตรียมฟ้องหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328 ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค ปชป.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ สส.สุราษฎร์ธานี นายศิริโชค โสภา สส.สงขลา และนายสาธิต ปิตุเตชะ สส.ระยองพร้อมพวก จากกรณีที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวขึ้นเวที “ผ่าความจริง ใครบงการ มัจจุราชชุดดำ รับจ้างฆ่าประเทศไทย” ที่อาคารลุมพินีสถานเมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมาปราศรัยใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าอยู่เบื้องหลังชายชุดดำ
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า นายอภิสิทธิ์กับพวกผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยว่าเหตุการณ์สลายการชุมนุมในปี 53 มีการวางแผนให้เกิดความสูญเสีย เพราะต้องการใช้ชีวิตประชาชนเป็นเครื่องมือในการแย่งชิงอำนาจ โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้บงการชายชุดดำ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยเข้าร่วมประชุม ไม่เคยสั่งการ และไม่รู้ว่าชายชุดดำเป็นใคร ดังนั้นการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นการใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง โดยมีการเผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมจงใจให้อดีตนายกรัฐมนตรีถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
“หากพรรคประชาธิปัตย์จัดเวทีรูปแบบนี้บ่อยครั้งมีแต่จะสร้างความเกลียดชัง และยุยงปลุกปั่นพี่น้องประชาชน ดังนั้นทางพรรคเพื่อไทยต้องการให้กระบวนการยุติธรรมรับดำเนินการในเรื่องนี้ โดยในวันที่ 17ต.ค.เวลา 10.00 น.ผมและทีมกฎหมายจะไปร้องทุกข์ที่สน.ลุมพินี” นายพร้อมพงศ์กล่าว

**เต้นเหน็บ"ปชป."ปราศรัยเรื่องเก่า
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์ กรณีตั้งเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาล พร้อมมุ่งชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของชายชุดดำซึ่งอ้างว่าอยู่เบื้องหลังความรุนแรงจากเหตุชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ว่า เป็นเกมที่พรรคปชป.ใช้ลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเวลานี้ ภายหลังการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลไม่เป็นผล พร้อมกับที่ผลสำรวจทุกสำนักต่างระบุว่าคะแนนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีทิ้งห่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคปชป.ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านเข้าไปทุกที ดังนั้นพรรคปชป.จึงนำกลยุทธ์การปราศรัยโจมตีมาใช้ เปรียบเสมือนวิชาก้นหีบที่ถนัด ทั้งนี้ข้อมูลที่ปชป.นำมาปราศรัยนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิมที่เคยใช้โจมตีพรรคเพื่อไทย แม้กระทั่งอาการร้องไห้ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคปชป.ก็เป็นอาการที่ไม่ต่างจากกราปราศรัยก่อนการเลือกตั้งที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อปี 2554 ซึ่งถ้าประชาชนเชื่อจริง พรรคเพื่อไทยคงไม่ชนะการเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลดั่งที่เป็นอยู่
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เดิมทีพรรคปชป.จะเคลื่อนไหวโดยใช้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) แต่เมื่อความสัมพันธ์กับกลุ่มพธม.ไม่เป็นเช่นเดิม จึงต้องตั้งเวทีปราศรัยเอง อย่างไรก็ตามต้องจับตาการเกลื่อนไหวขององค์กรพิทักษ์สยาม ที่นำโดยพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานมูลนิธิโรงเรียนเตรียมทหารด้วย เพราะหากในการชุมนุมวันที่ 28 ตุลาคมนี้ มีประชาชนมาร่วมเยอะ พรรคปชป.อาจใช้เป็นเงื่อนไขสร้างกระแสต่อต้านรัฐบาลอีก
เมื่อถามถึงการชี้แจงตอบโต้ในสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งเวทีปราศรัยโจมตี นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พร้อมจะชี้แจงผ่านสื่อในทุก ๆ เรื่อง และยืนยันว่าคนที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุดในเรื่องนี้คือนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ที่สั่งการจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบร้อยราย แต่ยังไร้หัวใจ ไม่แสดงอาการรับผิดชอบใด ๆ ทั้งนี้ตนขอท้าให้นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ มาดีเบตกับตนและนายจตุพร พรหมพันธ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง ในเรื่องความจริงจากเหตุการณ์การชุมนุม โดยเสนอให้มีการถ่ายทอดสดในสถานีโทรทัศน์ทั้ง 2 ฝ่าย คือเอเชี่ยนอัพเดท ของฝ่ายคนเสื้อแดง และช่องบลูสกาย ชาแนล ซึ่งเป็นสื่อของพรรคประชาธิปัตย์
"ผมขอท้าแบบฝ่ายละ 2 คน โดยฝ่ายนั้นเป็นนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ฝ่ายเราจะเป็นผมกับคุณจตุพร เป็นตัวแทนของฝ่ายสีแดงและฝ่ายสีฟ้า หรือจะเป็นสีเหลืองก็ตามแต่ มาพูดกันซึ่ง ๆ หน้าว่าอะไรเป็นอะไร ดีกว่ามาจัดเวทีลอบกัดแบบที่เป็นอยู่"นายณัฐวุฒิกล่าว
ส่วนกรณีรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ซึ่งมีการระบุถึงการชุมนุมทางการเมืองในปี 53 และมีการพาดพิงถึงการปรากฏตัวของชายชุดดำเช่นกันนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ถ้ามีหลักฐานจริงก็ควรระบุให้ชัดเจน และกสม.ก็ไม่ควรจะพิพากษาไปเอง ตนมองว่าจุดยืนของกสม.บางรายมีปัญหา โดยเฉพาะตัวนางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานกสม.ที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่มพธม.

**ส.ว. รุมจวกซัดธาริตจิ้งจกเปลี่ยนสี
ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เป็นประธาน โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เรื่องการดำเนินคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ที่ดำเนินการสอบสวนคดีการชุมนุมในช่วงสถานการณ์ปี 2552-2553 การปฏิบัติการทางหทารครั้งนั้นเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ใช้อำนาจตามพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเป็นไปตามหลักสากลคือเป็นไปตามความหนักเบาของสถานการณ์ ดังนั้นการปฏิบัติของกองทัพในช่วงเวลานั้น จึงเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย และได้รับความคุ้มครองโดยไม่ต้องรับโทษทั้งทางแพ่งและอาญา แต่วิธีดำเนินคดีของดีเอสไอขณะนี้ทำกระจัดกระจาย ทำข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆไป แทนที่จะรวบรวมข้อเท็จจริงมาไว้เป็นเรื่องเดียวกัน จึงทำให้กระบวนการพิจารณาของดีเอสไอในบางสำนวนเปลี่ยนแปลงไป เช่น คดีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเรียบร้อยกลายเป็นผู้ได้รับความคุ้มครองจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ และเจ้าหน้าที่รัฐเหมือนเป็นผู้ประกอบอาชญากรรม ทั้งที่ผู้ก่อความไม่สงบเองมีการเตรียมการปฏิบัติหลายรูปแบบ ทั้งแต่งกายชุดดำ หรือใช้ผ้าสีแดงเป็นสิ่งบอกฝ่าย
ดังนั้นวิธีการของดีเอสไออาจทำให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างล่าช้าและไม่ยุติธรรม จึงฝากไปยังนายกฯในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ ช่วยสั่งการให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการกลุ่มนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วไม่ดำเนินคดีแบบกระจัดกระจายแบบปัจจุบัน ซึ่งจะขัดกับมติของคณะกรรมการคดีพิเศษ ทั้งนี้เพื่อลดความขัดแย้งในสังคม
น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กล่าวว่า ความน่าเชื่อถือของดีเอสไอ ตนเชื่อว่ากรมนี้ตั้งมาเพื่อต้องการดำเนินคดี สอบสวนคดี ที่เป็นคดีพิเศษจริงๆ เป็นกรมที่เป็นที่พึ่งของประชาชน ที่ประชาชนคิดว่าหวังพึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้แล้ว ในอดีตคิดว่ากรมนี้ได้ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะในสมัยที่มีอธิบดีที่มีคุณธรรม ทำให้กรมได้รับการยกย่อง เป็นที่น่าเชื่อถือและเป็นที่พึ่งของประชาชน แต่น่าเสียดาย วันนี้ดีเอสไอได้กลายเป็นเครื่องมือของรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนก็ล้วนแต่ใช้กรมนี้เป็นเครื่องมือ เพราะรัฐบาลควบคุมโดยตรง แต่อย่างไรก็ตามถ้าผู้บริหาร อธิบดี มีคุณธรรม ใช้ระบบในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม เป็นกลาง ใช้ระบบคุณธรรมมากกว่าอุปถัมภ์ ความน่าเชื่อถือของกรมนี้ก็จะยังมีอยู่ แต่เรื่องที่ตนคิดว่าน่าเศร้าสลดกับสังคมไทยเพราะวันนี้อธิบดีได้ทำตัวเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสี สามารถกลับคำพูดของตัวเองได้ สมัยหนึ่งบอกว่าใช่ อีกสมัยหนึ่งบอกไม่ใช่ แล้วอย่างนี้ใครจะเชื่อถือกรมนี้ได้ จึงขอฝากไปยังอธิบดีกรมนี้อย่าทำตัวเปรียบเป็นเหมือนจิ้งจก
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ขอฝากไปยังนายกฯ รมว.ยุติธรรม กรรมการคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยเฉพาะนายกสภาทนายความว่า ขณะนี้ดีเอสไอซึ่งเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรมไม่ทำงาน 10 เม.ย.-19 พ.ค. 53 ชัดเจนว่ามีกองกำลังชายชุดดำติดอาวุธ ใช้ปืนอาก้า เอเค 47 และมีการยิงเอ็ม 79 ข้างรถตู้ มีการยิงที่สี่แยกคอกวัว มีคนพบอาวุธเอ็ม 16 มีชายชุดดำขึ้นไปยืนอยู่บนอาคารกองสลาก ดีเอสไอทำสำนวนว่าเป็นกิ่งไม้ต้นปาล์ม มีทั้งพยานบุคคล ช่างภาพและสื่อมวลชนเห็นชัดเจน ชายชุดดำ 5 คนใช้เอ็ม16 ถอดปลอกกันแสงยิงใส่ทหาร มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
ภาพเหล่านี้ไม่ต้องหาที่ไหนในคลิปวิดีโอยูทูบมีเต็มไปหมด แต่ดีเอสไอกลับมองไม่เห็น และไม่เห็นว่าเป็นใคร ทั้งที่ผู้ต้องหาหลายคนที่จับกุมได้ก็ยอมรับและสารภาพ อย่างเช่น นายสุรชัย หรือ หรั่ง เทวารักษ์ คนสนิทของพล.อ.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ที่ยอมรับว่าเคยใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม79 ยิงใส่สถานที่ต่างๆ และอีกหลายคนที่ดีเอสไอจับกุมและรับสารภาพ รวมทั้งหลบหนีการจับกุม แต่เหตุใดดีเอสไอจึงไม่ขยายความ รวมถึงไม่สอบสวนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คือ แกนนำที่อยู่ในรัฐบาลขณะนี้ ตั้งแต่นายกฯ รมว.กลาโหม รมช.เกษตรฯ และส.ส.หลายคนในสภาฯ ดีเอสไอจะต้องสอบ เพราะบุคคลเหล่านี้ล้วนมีส่วนสัมพันธ์หรือไม่อย่างไรในการปฏิบัติการของชายชุดดำ ขอให้ดีเอสไอได้ทำหน้าที่ ไม่เช่นนั้นตนจะขอจองกฐินในทุกสัปดาห์
กำลังโหลดความคิดเห็น