“คนไทยผู้เสียภาษีควรรับรู้ว่าเงินของท่านส่วนหนึ่งถูกเจียดไปจ่ายเป็นเงินบำนาญรายเดือนให้ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เกษียณอายุ ซึ่งไปแสวงหาโชคลาภจากการเป็นผีโม่แป้ง ทาสรับใช้บักเหลี่ยมร้าย คนหนีคุก!
เมื่อแปรสภาพจากข้าราชการ สิ้นความเป็นข้าแผ่นดิน เป็นข้าทาสน้ำเงินบักเหลี่ยม ก็น่าจะคืนยศถาบรรดาศักดิ์ให้ในหลวงท่านไป เมื่อจงรักภักดีต่อบักเหลี่ยมมากกว่า! อยากถามความรู้สึกว่าเป็นอย่างไร จากข้าแผ่นดิน ไปเป็นเศษธุลีดินใต้ตีนบักเหลี่ยม?!”
นี่เป็นคำถามซึ่งผมถามในเฟซบุ๊กวันจันทร์ คำตอบที่ได้รับมีแต่การประณามถึงความไม่รู้คุณข้าวแดงแกงร้อนของแผ่นดิน ไม่รู้สึกสำนึกว่าใครดีชั่ว รับราชการจากข้าราชการชั้นตรีเป็นปลัดกระทรวง จากร้อยตรีจนเป็นนายพลเอก กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน แม้หลังจากเกษียณก็ยังได้เงินบำนาญ รักษาพยาบาลฟรีต่อเนื่องจนตาย
ถ้าไม่อายซะอย่าง ทำได้ทั้งนั้น! ถ้าตอบรับคติยุคนี้ “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป” ด้วยแล้ว ก็ทำให้การตัดสินใจได้ง่าย ลูกเมียย่อมอวย เพราะได้ประโยชน์ จากชีวิตพออยู่พอกินก็ต่อยอดไปสู่สภาวะมีอันจะกิน หรือความเป็นเศรษฐีสถานะมั่นคง
ศักดิ์ศรี เกียรติภูมิ ความเคารพตัวเอง ไม่ต้องพูดถึง! เมื่อไร้ผลตอบแทนเป็นเงิน!
ในยุคทุนนิยม การเมืองสามานย์ คำว่า บุญคุณข้าวแดงแกงร้อนไม่มีความหมาย สภาพทางสังคมทำให้ข้าราชการรู้สึกว่าเงินเดือนไม่พอยาไส้เมื่ออยู่ในสภาวะถูกกดดันจากค่าใช้จ่าย ภาษีสังคม ต้องการปรนเปรอบำเรอความสุขของตัวเอง ลูกเมีย บริวาร
ตำแหน่งข้าราชการสูงสุด มีเงินเดือนอย่างมาก 1 แสนบาท แต่ค่าใช้จ่ายสารพัดตามสถานภาพมากกว่านั้น ถ้าไม่มีมรดก ทางเลือกคือการทุจริต คอร์รัปชันใต้โต๊ะ กินตามน้ำทวนน้ำ หักดิบ อัตราการโกงกินหัวคิวพุ่งสูงถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่า
ยิ่งในยุคราคาน้ำมันเบนซิน 2 ลิตร แตะ 100 บาท ด้วยแล้ว ค่าใช้จ่ายในบ้าน ถ้าไม่ยึดหลักพอเพียงต้องหาทางเลือกเหมือนปลัด ซึ่งซุกเงินเป็นสิบๆ ล้านในตู้เสื้อผ้า! นั่นเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็ง ถ้าไม่ถูกจับได้ไล่ทัน ก็มีชีวิตสุขสบายหลังวันเกษียณ
เมื่อประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งการทุจริต คอร์รัปชัน กลไกเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้รักษากฎหมาย กระบวนการยุติธรรมไร้ความหมาย สยบรับใช้นักการเมืองกังฉินกินเมือง บ้านเมืองจึงใกล้พินาศล่มจม เหมือนคนเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายนอนรอวันตาย
เมื่อข้าราชการ นายพลตำรวจ ทหาร ไม่มีโอกาสแสวงหาประโยชน์จนร่ำรวย นั่งแต่ตำแหน่งประจำ ไม่ได้คุมงบหารายได้พิเศษเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุข อยู่ในสภาวะจำยอมต้องเป็นคนดี เพราะไม่มีช่องทางให้โกงได้ ส่วนหนึ่งย่อมต้องดิ้นรน
การเมืองอุบาทว์ตั้งอยู่บนฐานของการทุจริตคอร์รัปชัน จึงเป็นทางเลือกเหมาะ! ขบวนการบักเหลี่ยมร้ายเร่ร่อนกุมอำนาจรัฐกำลังร่าเริงกับการผ่องถ่ายเงินงบประมาณ จากอภิมหาโครงการต่างๆ จนถึงงานระดับท้องถิ่น ยิ่งกว่าตั้งโรงพิมพ์ธนบัตรได้เอง
โครงการรับจำนำข้าว งบป้องกันน้ำท่วม งบประมาณประจำปี งบลงทุน จากเงินภาษี การกู้จากสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ เป็นเสมือนขุมทรัพย์ให้เครือข่ายบริวารของครอบครัว ญาติพี่น้อง โคตรเหง้าเหล่ากอของจอมโกงได้เขมือบคำโตต่อเนื่อง
ข้าราชการทุกเหล่าได้เห็นความมั่งคั่งทันใจจากการเป็นผีโม่แป้งบักเหลี่ยมร้าย ได้รับอามิสสินจ้าง โอกาสได้โกง จึงยากที่จะทนต่อความเย้ายวนของเงิน เสียงชักจูงจากเพื่อนฝูง! ดังจะเห็นนักการเมือง ข้าราชการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อขอโอกาส
แต่ละคนไปเสนอตัว ศักยภาพ ขีดความสามารถ ความพร้อมในการทำความชั่วเพื่อตอบสนองความต้องการของบักเหลี่ยมร้าย ซึ่งไม่ใช้งานคนดีเพราะไม่กล้าทำความชั่ว! การเข้าสังกัดพรรค เท่ากับเป็นก้าวแรกของการเข้าสู่โรงโม่แป้ง เป็นทาสน้ำเงิน
ยิ่งมีข่าวเรื่องขนเงินไปฟอกต่างประเทศเป็นหมื่นๆ ล้านบาท ถูกแช่เย็นไว้โดยทางการฮ่องกง เท่ากับยืนยันว่ามีเงินก้อนมหาศาลจริงเพื่อเสริมฐาน ต่อยอด ให้รัฐบาลเครือข่ายบักเหลี่ยมได้อยู่ยาวนาน สูบเลือดชาวบ้าน โกงกินจนสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน
การตบเท้าเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อเหลี่ยมโดยนายพลชุดล่าสุด เพื่อนร่วมรุ่นของคนหนีคุก เป็นคณะที่ 2 ก่อนหน้านี้ซึ่งถูกต้อนขึ้นรถบัส เมียคุมมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน ผลที่ตามมาถืออยู่ในข่ายผู้เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย
กระบอกเสียงพรรคอ้างว่าการแห่เข้าพรรคของนายพลเกษียณอายุยืนยันว่าพวกจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์มองว่าพรรคยึดมั่นต่อสถาบันเช่นกัน! ฟังแล้วก็รู้สึกสมเพช
การยึดมั่นต่อสถาบันกษัตริย์ ย่อมต้องเคารพกฎหมาย ผ่านงานสำคัญจนได้เป็นนายพลเอก ต้องมีจิตสำนึกควรรู้ว่าใครเป็นอะไร ดีหรือชั่ว! การยอมเกลือกกลั้วในขบวนการเหลี่ยมร้ายคนหนีคุก เท่ากับการแปรพักตร์จากความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ไปเป็นทาสน้ำเงินบักเหลี่ยม ขณะที่ยังมียศได้ประโยชน์จากเงินภาษีชาวบ้าน!
ไม่อายเพื่อนบ้านหรือ? หรือคิดว่าคนอื่นจ้องแต่แสดงความอิจฉา?
ฐานของประเทศนี้ผุกร่อนใกล้ล่มสลายจริงๆ เมื่อโครงสร้างจิตสำนึก ความดีชั่วแยกไม่ออก ชาวบ้านส่วนหนึ่งถูกมอมเมาโดยนโยบายประชานิยม ที่เหลือมีพวกพยายามดิ้นรนรักษาประเทศ แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นกลางกลวงทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน
แต่ละวันฟังเสียงทุรชนอหังการลำพอง ตอแหลปลิ้นปล้อนของกังฉินกินเมืองใต้อำนาจผู้นำสตรีถูกยกย่องว่าสุดเลอโฉมประโลมโลก! จิตบกพร่องเอ๋อซ้ำซาก ก็ช่างมัน!
เมื่อแปรสภาพจากข้าราชการ สิ้นความเป็นข้าแผ่นดิน เป็นข้าทาสน้ำเงินบักเหลี่ยม ก็น่าจะคืนยศถาบรรดาศักดิ์ให้ในหลวงท่านไป เมื่อจงรักภักดีต่อบักเหลี่ยมมากกว่า! อยากถามความรู้สึกว่าเป็นอย่างไร จากข้าแผ่นดิน ไปเป็นเศษธุลีดินใต้ตีนบักเหลี่ยม?!”
นี่เป็นคำถามซึ่งผมถามในเฟซบุ๊กวันจันทร์ คำตอบที่ได้รับมีแต่การประณามถึงความไม่รู้คุณข้าวแดงแกงร้อนของแผ่นดิน ไม่รู้สึกสำนึกว่าใครดีชั่ว รับราชการจากข้าราชการชั้นตรีเป็นปลัดกระทรวง จากร้อยตรีจนเป็นนายพลเอก กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน แม้หลังจากเกษียณก็ยังได้เงินบำนาญ รักษาพยาบาลฟรีต่อเนื่องจนตาย
ถ้าไม่อายซะอย่าง ทำได้ทั้งนั้น! ถ้าตอบรับคติยุคนี้ “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป” ด้วยแล้ว ก็ทำให้การตัดสินใจได้ง่าย ลูกเมียย่อมอวย เพราะได้ประโยชน์ จากชีวิตพออยู่พอกินก็ต่อยอดไปสู่สภาวะมีอันจะกิน หรือความเป็นเศรษฐีสถานะมั่นคง
ศักดิ์ศรี เกียรติภูมิ ความเคารพตัวเอง ไม่ต้องพูดถึง! เมื่อไร้ผลตอบแทนเป็นเงิน!
ในยุคทุนนิยม การเมืองสามานย์ คำว่า บุญคุณข้าวแดงแกงร้อนไม่มีความหมาย สภาพทางสังคมทำให้ข้าราชการรู้สึกว่าเงินเดือนไม่พอยาไส้เมื่ออยู่ในสภาวะถูกกดดันจากค่าใช้จ่าย ภาษีสังคม ต้องการปรนเปรอบำเรอความสุขของตัวเอง ลูกเมีย บริวาร
ตำแหน่งข้าราชการสูงสุด มีเงินเดือนอย่างมาก 1 แสนบาท แต่ค่าใช้จ่ายสารพัดตามสถานภาพมากกว่านั้น ถ้าไม่มีมรดก ทางเลือกคือการทุจริต คอร์รัปชันใต้โต๊ะ กินตามน้ำทวนน้ำ หักดิบ อัตราการโกงกินหัวคิวพุ่งสูงถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่า
ยิ่งในยุคราคาน้ำมันเบนซิน 2 ลิตร แตะ 100 บาท ด้วยแล้ว ค่าใช้จ่ายในบ้าน ถ้าไม่ยึดหลักพอเพียงต้องหาทางเลือกเหมือนปลัด ซึ่งซุกเงินเป็นสิบๆ ล้านในตู้เสื้อผ้า! นั่นเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็ง ถ้าไม่ถูกจับได้ไล่ทัน ก็มีชีวิตสุขสบายหลังวันเกษียณ
เมื่อประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งการทุจริต คอร์รัปชัน กลไกเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้รักษากฎหมาย กระบวนการยุติธรรมไร้ความหมาย สยบรับใช้นักการเมืองกังฉินกินเมือง บ้านเมืองจึงใกล้พินาศล่มจม เหมือนคนเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายนอนรอวันตาย
เมื่อข้าราชการ นายพลตำรวจ ทหาร ไม่มีโอกาสแสวงหาประโยชน์จนร่ำรวย นั่งแต่ตำแหน่งประจำ ไม่ได้คุมงบหารายได้พิเศษเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุข อยู่ในสภาวะจำยอมต้องเป็นคนดี เพราะไม่มีช่องทางให้โกงได้ ส่วนหนึ่งย่อมต้องดิ้นรน
การเมืองอุบาทว์ตั้งอยู่บนฐานของการทุจริตคอร์รัปชัน จึงเป็นทางเลือกเหมาะ! ขบวนการบักเหลี่ยมร้ายเร่ร่อนกุมอำนาจรัฐกำลังร่าเริงกับการผ่องถ่ายเงินงบประมาณ จากอภิมหาโครงการต่างๆ จนถึงงานระดับท้องถิ่น ยิ่งกว่าตั้งโรงพิมพ์ธนบัตรได้เอง
โครงการรับจำนำข้าว งบป้องกันน้ำท่วม งบประมาณประจำปี งบลงทุน จากเงินภาษี การกู้จากสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ เป็นเสมือนขุมทรัพย์ให้เครือข่ายบริวารของครอบครัว ญาติพี่น้อง โคตรเหง้าเหล่ากอของจอมโกงได้เขมือบคำโตต่อเนื่อง
ข้าราชการทุกเหล่าได้เห็นความมั่งคั่งทันใจจากการเป็นผีโม่แป้งบักเหลี่ยมร้าย ได้รับอามิสสินจ้าง โอกาสได้โกง จึงยากที่จะทนต่อความเย้ายวนของเงิน เสียงชักจูงจากเพื่อนฝูง! ดังจะเห็นนักการเมือง ข้าราชการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อขอโอกาส
แต่ละคนไปเสนอตัว ศักยภาพ ขีดความสามารถ ความพร้อมในการทำความชั่วเพื่อตอบสนองความต้องการของบักเหลี่ยมร้าย ซึ่งไม่ใช้งานคนดีเพราะไม่กล้าทำความชั่ว! การเข้าสังกัดพรรค เท่ากับเป็นก้าวแรกของการเข้าสู่โรงโม่แป้ง เป็นทาสน้ำเงิน
ยิ่งมีข่าวเรื่องขนเงินไปฟอกต่างประเทศเป็นหมื่นๆ ล้านบาท ถูกแช่เย็นไว้โดยทางการฮ่องกง เท่ากับยืนยันว่ามีเงินก้อนมหาศาลจริงเพื่อเสริมฐาน ต่อยอด ให้รัฐบาลเครือข่ายบักเหลี่ยมได้อยู่ยาวนาน สูบเลือดชาวบ้าน โกงกินจนสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน
การตบเท้าเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อเหลี่ยมโดยนายพลชุดล่าสุด เพื่อนร่วมรุ่นของคนหนีคุก เป็นคณะที่ 2 ก่อนหน้านี้ซึ่งถูกต้อนขึ้นรถบัส เมียคุมมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน ผลที่ตามมาถืออยู่ในข่ายผู้เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย
กระบอกเสียงพรรคอ้างว่าการแห่เข้าพรรคของนายพลเกษียณอายุยืนยันว่าพวกจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์มองว่าพรรคยึดมั่นต่อสถาบันเช่นกัน! ฟังแล้วก็รู้สึกสมเพช
การยึดมั่นต่อสถาบันกษัตริย์ ย่อมต้องเคารพกฎหมาย ผ่านงานสำคัญจนได้เป็นนายพลเอก ต้องมีจิตสำนึกควรรู้ว่าใครเป็นอะไร ดีหรือชั่ว! การยอมเกลือกกลั้วในขบวนการเหลี่ยมร้ายคนหนีคุก เท่ากับการแปรพักตร์จากความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ไปเป็นทาสน้ำเงินบักเหลี่ยม ขณะที่ยังมียศได้ประโยชน์จากเงินภาษีชาวบ้าน!
ไม่อายเพื่อนบ้านหรือ? หรือคิดว่าคนอื่นจ้องแต่แสดงความอิจฉา?
ฐานของประเทศนี้ผุกร่อนใกล้ล่มสลายจริงๆ เมื่อโครงสร้างจิตสำนึก ความดีชั่วแยกไม่ออก ชาวบ้านส่วนหนึ่งถูกมอมเมาโดยนโยบายประชานิยม ที่เหลือมีพวกพยายามดิ้นรนรักษาประเทศ แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นกลางกลวงทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน
แต่ละวันฟังเสียงทุรชนอหังการลำพอง ตอแหลปลิ้นปล้อนของกังฉินกินเมืองใต้อำนาจผู้นำสตรีถูกยกย่องว่าสุดเลอโฉมประโลมโลก! จิตบกพร่องเอ๋อซ้ำซาก ก็ช่างมัน!