เป็นที่น่าฉงนว่าวันนี้รัฐบาลไทยกระเหี้ยนกระหือรือที่จะไปช่วยพม่าสร้างท่าเรือน้ำลึก (ที่เมืองทะวาย) เสียเหลือเกิน ทั้งนี้บริษัทอิตัลไทย ได้รับสัมปทานในการสร้าง และผลประโยชน์ในการปฏิบัติการที่จะตามมา
ถ้าโครงการนี้สำเร็จขึ้นมา ดังที่วาดแผนไว้ใหญ่โต ก็น่าเล็งเห็นผลได้ว่าจะส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจไทยมากกว่าผลดีตามที่รัฐบาลคุยหลอกประชาชนไทยไว้
ทำให้เกิดความสงสัยตะหงิดว่า รัฐบาลมีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือเปล่า
ผลเสียที่เห็นชัดๆ ก็คือ พม่าจะมาแย่งชิงความเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าไปจากเรา ไม่มากก็น้อย (โดยเราเป็นเพียงทางผ่าน) อีกทั้งอุตสาหกรรมต่อเรือ ซ่อมเรือของเราที่กำลังโตวันโตคืนก็จะได้รับความเสียหาย (เพราะจะมีการสร้างอู่ต่อ อู่ซ่อมเรือที่นั่นด้วย) ส่วนความเจริญของพื้นที่ และการคมนาคมที่เกิดขึ้นยังจะส่งผลทางอ้อมให้เกิดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งแถบนั้นมีอากาศดี ทะเลงาม เกาะแก่งสวย อีกหน่อยอาจแย่งนักท่องเที่ยวจากภูเก็ต สมุยไปหมด
น่าคิดต่อไปด้วยว่าโครงการนี้ทางพม่าคงหวังผลทางการเมืองด้วย กล่าวคือ จะทำให้ชนกลุ่มน้อยต่อต้านรัฐบาลน้อยลง โดยเฉพาะพวกมอญ ที่คุมพื้นที่แถวนั้นอยู่ เรียกว่าพม่าได้หลายต่อมาก ส่วนไทยเสียหายหลายต่อมาก
พม่าเจริญเราก็ไม่ได้อิจฉาหรอก ดีใจแทนด้วยซ้ำ แต่เรารักประเทศเราเองมากกว่า อยากฝากให้รัฐบาลคิดให้หนักว่ากำลังทำร้ายประเทศตนเองในระยะยาวหรือไม่ ด้วยเงินจากกระเป๋าประชาชนไทยหรือไม่อย่างไร ถ้าใช่..ระวังจะเป็นตราบาปที่ประวัติศาสตร์จารึก (ซึ่งก็ได้แต่จารึก แต่แก้ไขกลับคืนไม่ได้)
น่าสังเกตว่าขณะนี้ได้มีการขับเคลื่อนให้เกิดบริษัทนิติบุคคลขึ้น กำลังจะมีการออกพระราชบัญญัติฉบับใหม่ เพื่อจัดตั้งเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ (Special Purpose Vehicle หรือ SPV) ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวผ่านการพิจารณาของคณะทำงานยกร่างฯ แล้ว จะเสนอกระทรวงมหาดไทยและคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเร็วๆ นี้ จึงน่าช่วยกันจับตามองว่าจะเป็นบริษัทเพื่อผ่องถ่ายเงินคงคลังไปลงทุนในโครงการท่าเรือทะวายหรือไม่ เพราะโครงการนี้ต้องการเงินเกือบสามแสนล้านบาท ซึ่งบริษัท อิตัลไทย (ผู้ได้รับสัมปทาน) คงไม่มี หรือคงหาแหล่งเงินกู้ได้ยากมาก
น่าถามคำถามง่ายๆ ว่า แทนที่จะเอาเงินไปสร้างความเจริญให้ต่างชาติ ทำไมเราไม่เอามาสร้างท่าเรือของเราเสียเองแถบระนอง พังงา แล้วทำรางต่อไปยังทะวายก็ได้ เพื่อส่งสินค้าไปพม่า ซึ่งยังจะมีการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆตามมาอีกมาก หรืออาจเลยไปถึงตรัง สตูลก็ยังได้ จะช่วยทำให้ภาคใต้เจริญ และช่วยแก้ปัญหาใต้ไปโดยปริยาย
รัฐไม่ควรลืมว่าประเทศไทยเรายังยากจนอยู่มาก ประชาชนส่วนใหญ่ยังยากจนขนาดต้องไปรับจ้างชุมนุมทางการเมือง รัฐบาลที่ดีควรคิดสร้างชาติเราเองก่อนไปสร้างชาติอื่น โดยเฉพาะพม่าที่มีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนมาก (ฆ่าชนกลุ่มน้อย) จะไปหาเงินให้พวกเขาเอาไปซื้อกระสุนเพื่อเอาไปยิงชนกลุ่มน้อยได้มากขึ้นอีกอย่างนั้นหรือ (รวมทั้งไทยใหญ่ที่เป็นพี่น้องกับเรา)
อีกโครงการที่ขอเสนอแทนท่าเรือทะวายคือ การเอาเงินมาลงทุนสร้างทุ่งกุลาร้องให้ให้เป็นเมืองนิคมอุตฯ จะเป็นการพัฒนาอีสานแบบบูรณาการ ดีกว่าเอาเงินไปถมทะวายหลายร้อยเท่า
วันนี้ประเทศเราโง่จัด ไปสร้างนิคมฯ ที่ริมทะเล ริมป่าชายเลน ซึ่งนอกจากทำลายป่าชายเลนแล้ว นิคมฯ ยังปล่อยสารพิษลงทะเล ทำให้แหล่งอภิบาลตัวอ่อนสัตว์น้ำเสียหาย ห่วงโซ่อาหารถูกทำลาย ลูกปลาตายหมด จนปลาหมดอ่าวไทยแล้ว ต้องไปจับถึงเมืองทะวายโน่น (แล้วติดคุกพม่า)
นิคมอุตฯ ไทยเรานั้น ถ้าไม่สร้างริมทะเล มันก็มาทำกันกลางผืนนาข้าวอันอุดม เช่น นิคมนวนคร (ปทุมฯ) โรจนะ (อยุธยา) อีกหน่อยพม่ามาล้อมเมือง แล้วเราจะเอาข้าวที่ไหนกิน
ถ้าเราย้ายนิคมฯ ไปที่อีสาน ทุ่งกุลาฯ ที่มันแห้งแล้ง จะไม่ดีกว่าหรือ จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ประเทศอย่างมหาศาล เพราะจะทำให้อีสานเจริญ พื้นที่ปลูกข้าวก็ไม่ถูกทำลาย (เพราะแล้ง ผลิตข้าวได้น้อยอยู่แล้ว) ป่าชายเลนก็ไม่ถูกทำลาย
อีกทั้งคนยากจนอีสานจำนวนมากก็มีงานทำโดยไม่ต้องย้ายถิ่นฐาน ทิ้งลูกเต้าให้เป็นแว้น หรือไปรับจ้างเดินขบวน เผาเมือง (ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลบางชุดคงชอบเสียอีก เลยไม่อยากสนับสนุนแนวคิดนี้)
การคมนาคมโดยระบบรางจะตามมา (เพื่อส่งสินค้าที่ผลิตได้ออกทะเล แล้วพลอยส่งคนด้วย) เศรษฐกิจการบริการจะตามมา (หวังว่าคงมีหัวคิดทำธุรกิจอะไรที่ดีกว่าการ “นวดตีนฝรั่ง” นะ)
การ “โลจิสติกส์” (ที่กำลังเห่อกัน) ก็จะตามมา เพราะสามารถส่งสินค้าที่ผลิตได้ออกไปยังลาว เขมร เวียดนาม แหลมฉบัง ได้อย่างใกล้ๆ ด้วยระบบรางที่จะต้องพัฒนาขึ้นมาให้เป็น อินฟราสะตั๊กเจ้อของประเทศไทย (สะกดตามราดบันดิด)
นักการเมืองไทยเราวันนี้พอเขาคิดจะพัฒนาทุ่งกุลาฯ เขาคิดกันได้แค่ไปตั้งกาสิโน
เฮ้อ..ประเทศไทยเรานี้มีดีทุกอย่าง ยกเว้นมีนักการเมืองไทยมาบริหาร
ถ้าโครงการนี้สำเร็จขึ้นมา ดังที่วาดแผนไว้ใหญ่โต ก็น่าเล็งเห็นผลได้ว่าจะส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจไทยมากกว่าผลดีตามที่รัฐบาลคุยหลอกประชาชนไทยไว้
ทำให้เกิดความสงสัยตะหงิดว่า รัฐบาลมีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือเปล่า
ผลเสียที่เห็นชัดๆ ก็คือ พม่าจะมาแย่งชิงความเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าไปจากเรา ไม่มากก็น้อย (โดยเราเป็นเพียงทางผ่าน) อีกทั้งอุตสาหกรรมต่อเรือ ซ่อมเรือของเราที่กำลังโตวันโตคืนก็จะได้รับความเสียหาย (เพราะจะมีการสร้างอู่ต่อ อู่ซ่อมเรือที่นั่นด้วย) ส่วนความเจริญของพื้นที่ และการคมนาคมที่เกิดขึ้นยังจะส่งผลทางอ้อมให้เกิดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งแถบนั้นมีอากาศดี ทะเลงาม เกาะแก่งสวย อีกหน่อยอาจแย่งนักท่องเที่ยวจากภูเก็ต สมุยไปหมด
น่าคิดต่อไปด้วยว่าโครงการนี้ทางพม่าคงหวังผลทางการเมืองด้วย กล่าวคือ จะทำให้ชนกลุ่มน้อยต่อต้านรัฐบาลน้อยลง โดยเฉพาะพวกมอญ ที่คุมพื้นที่แถวนั้นอยู่ เรียกว่าพม่าได้หลายต่อมาก ส่วนไทยเสียหายหลายต่อมาก
พม่าเจริญเราก็ไม่ได้อิจฉาหรอก ดีใจแทนด้วยซ้ำ แต่เรารักประเทศเราเองมากกว่า อยากฝากให้รัฐบาลคิดให้หนักว่ากำลังทำร้ายประเทศตนเองในระยะยาวหรือไม่ ด้วยเงินจากกระเป๋าประชาชนไทยหรือไม่อย่างไร ถ้าใช่..ระวังจะเป็นตราบาปที่ประวัติศาสตร์จารึก (ซึ่งก็ได้แต่จารึก แต่แก้ไขกลับคืนไม่ได้)
น่าสังเกตว่าขณะนี้ได้มีการขับเคลื่อนให้เกิดบริษัทนิติบุคคลขึ้น กำลังจะมีการออกพระราชบัญญัติฉบับใหม่ เพื่อจัดตั้งเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ (Special Purpose Vehicle หรือ SPV) ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวผ่านการพิจารณาของคณะทำงานยกร่างฯ แล้ว จะเสนอกระทรวงมหาดไทยและคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเร็วๆ นี้ จึงน่าช่วยกันจับตามองว่าจะเป็นบริษัทเพื่อผ่องถ่ายเงินคงคลังไปลงทุนในโครงการท่าเรือทะวายหรือไม่ เพราะโครงการนี้ต้องการเงินเกือบสามแสนล้านบาท ซึ่งบริษัท อิตัลไทย (ผู้ได้รับสัมปทาน) คงไม่มี หรือคงหาแหล่งเงินกู้ได้ยากมาก
น่าถามคำถามง่ายๆ ว่า แทนที่จะเอาเงินไปสร้างความเจริญให้ต่างชาติ ทำไมเราไม่เอามาสร้างท่าเรือของเราเสียเองแถบระนอง พังงา แล้วทำรางต่อไปยังทะวายก็ได้ เพื่อส่งสินค้าไปพม่า ซึ่งยังจะมีการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆตามมาอีกมาก หรืออาจเลยไปถึงตรัง สตูลก็ยังได้ จะช่วยทำให้ภาคใต้เจริญ และช่วยแก้ปัญหาใต้ไปโดยปริยาย
รัฐไม่ควรลืมว่าประเทศไทยเรายังยากจนอยู่มาก ประชาชนส่วนใหญ่ยังยากจนขนาดต้องไปรับจ้างชุมนุมทางการเมือง รัฐบาลที่ดีควรคิดสร้างชาติเราเองก่อนไปสร้างชาติอื่น โดยเฉพาะพม่าที่มีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนมาก (ฆ่าชนกลุ่มน้อย) จะไปหาเงินให้พวกเขาเอาไปซื้อกระสุนเพื่อเอาไปยิงชนกลุ่มน้อยได้มากขึ้นอีกอย่างนั้นหรือ (รวมทั้งไทยใหญ่ที่เป็นพี่น้องกับเรา)
อีกโครงการที่ขอเสนอแทนท่าเรือทะวายคือ การเอาเงินมาลงทุนสร้างทุ่งกุลาร้องให้ให้เป็นเมืองนิคมอุตฯ จะเป็นการพัฒนาอีสานแบบบูรณาการ ดีกว่าเอาเงินไปถมทะวายหลายร้อยเท่า
วันนี้ประเทศเราโง่จัด ไปสร้างนิคมฯ ที่ริมทะเล ริมป่าชายเลน ซึ่งนอกจากทำลายป่าชายเลนแล้ว นิคมฯ ยังปล่อยสารพิษลงทะเล ทำให้แหล่งอภิบาลตัวอ่อนสัตว์น้ำเสียหาย ห่วงโซ่อาหารถูกทำลาย ลูกปลาตายหมด จนปลาหมดอ่าวไทยแล้ว ต้องไปจับถึงเมืองทะวายโน่น (แล้วติดคุกพม่า)
นิคมอุตฯ ไทยเรานั้น ถ้าไม่สร้างริมทะเล มันก็มาทำกันกลางผืนนาข้าวอันอุดม เช่น นิคมนวนคร (ปทุมฯ) โรจนะ (อยุธยา) อีกหน่อยพม่ามาล้อมเมือง แล้วเราจะเอาข้าวที่ไหนกิน
ถ้าเราย้ายนิคมฯ ไปที่อีสาน ทุ่งกุลาฯ ที่มันแห้งแล้ง จะไม่ดีกว่าหรือ จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ประเทศอย่างมหาศาล เพราะจะทำให้อีสานเจริญ พื้นที่ปลูกข้าวก็ไม่ถูกทำลาย (เพราะแล้ง ผลิตข้าวได้น้อยอยู่แล้ว) ป่าชายเลนก็ไม่ถูกทำลาย
อีกทั้งคนยากจนอีสานจำนวนมากก็มีงานทำโดยไม่ต้องย้ายถิ่นฐาน ทิ้งลูกเต้าให้เป็นแว้น หรือไปรับจ้างเดินขบวน เผาเมือง (ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลบางชุดคงชอบเสียอีก เลยไม่อยากสนับสนุนแนวคิดนี้)
การคมนาคมโดยระบบรางจะตามมา (เพื่อส่งสินค้าที่ผลิตได้ออกทะเล แล้วพลอยส่งคนด้วย) เศรษฐกิจการบริการจะตามมา (หวังว่าคงมีหัวคิดทำธุรกิจอะไรที่ดีกว่าการ “นวดตีนฝรั่ง” นะ)
การ “โลจิสติกส์” (ที่กำลังเห่อกัน) ก็จะตามมา เพราะสามารถส่งสินค้าที่ผลิตได้ออกไปยังลาว เขมร เวียดนาม แหลมฉบัง ได้อย่างใกล้ๆ ด้วยระบบรางที่จะต้องพัฒนาขึ้นมาให้เป็น อินฟราสะตั๊กเจ้อของประเทศไทย (สะกดตามราดบันดิด)
นักการเมืองไทยเราวันนี้พอเขาคิดจะพัฒนาทุ่งกุลาฯ เขาคิดกันได้แค่ไปตั้งกาสิโน
เฮ้อ..ประเทศไทยเรานี้มีดีทุกอย่าง ยกเว้นมีนักการเมืองไทยมาบริหาร