**“ได้ที ขี่แพะไล่” ตามอารมณ์ของพลพรรคเพื่อไทยที่ออกมาเยาะเย้ย “อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และคณาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักศึกษารวมทั้งสิ้น 146 คน ที่หน้าแหก หลังจากศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง เนื่องจากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่จะรับคำร้องใดไว้พิจารณาจะต้องมีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมายให้อำนาจไว้
แต่คำร้องของนักวิชาการที่ขอให้ศาลพิจารณายับยั้ง หรือยุติโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เนื่องจากเห็นว่าโครงการดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 43 และ มาตรา 84 (1) นั้น เป็นกรณีที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบกับผู้ร้องยังมิใช่บุคคล ซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพอันสืบเนื่องมาจากบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และมิใช่เป็นการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้
คำร้องนี้จึงไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา
ขมวดปมคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ถือว่ารอบคอบ ไม่ผลีผลามให้ฝ่ายตรงข้ามที่จ้องกระซวกไส้ตุลาการได้ออกมาขย่มโจมตีในข้อหา “มาเฟียการเมือง” กันอีกคำรบ
ขณะที่ฝ่ายที่ได้ผลประโยชน์ในคำวินิจฉัยครั้งนี้อย่างรัฐบาล ตามฟอร์มการเมืองก็เลยต้องออกมาเต้นแร้งเต้นกากันเอิกเกริก โดยเฉพาะในคิวของหัวหมู่ฮาร์ดคอร์ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรี ที่เก็บอาการไว้ไม่อยู่ เฉ่งยับเข้าใส่อาจารย์นิด้า แบบหลายริกเตอร์
“ได้บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า ถึงอย่างไรศาลก็ไม่รับฟ้องแน่นอน เพราะเป็นเรื่องนโยบายและหากมีการยื่นฟ้องศาลปกครองก็ชื่อว่าศาลจะไม่รับฟ้องเช่นกัน เพราะหากรับฟ้องต้องเป็นเรื่องที่รัฐมีคำสั่งหรือรัฐกระทำ การกระทำของอาจารย์นิด้าถือเป็นพวกสุ่มสี่สุ่มหก ไม่มีงานทำ ถ้าอยากลงเล่นการเมืองก็ให้ลาออกจากอาจารย์แล้วมาลงสมัครรับเลือกตั้ง และรัฐบาลนี้ไม่ได้มาจากการปฏิวัติ แต่มาจากเสียงประชาชน และเมื่อศาลไม่รับฟ้องเช่นนี้จะเอาอะไรมาคลุมหัว เอาปี๊บหรือเปล่า”
**โขยกกันสุดฤทธิ์ หวังตอกลิ่มให้หมดเครดิตทางสังคมกันไปเลย
นอกจากคิวของ “กุมารทองคะนองศึก” ด้านท่าทีของแกนนำคนอื่นๆในรัฐบาลก็ดูจะโล่งอกโล่งใจกันไปเยอะ รวมไปถึงในรายของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี
สรุปอาการโดยรวมตอนนี้ “รัฐบาลนารี” หายใจโล่งคอกับศึก “จำนำข้าว” ไปได้เยอะหลังจากนักวิชาการซีกตรงข้ามขย่มกันไม่สำเร็จ
ด้านคมดาบของฝ่ายค้านเอง รัฐบาลก็ยังดูเหมือนจะเชื่อมั่นว่า ยังไม่คมและแหลมพอจะทิ่มแทงให้รัฐบาลสะดุ้งสะท้านเก้าอี้ได้ เพราะดูจากการเปิดศึกน้ำลายรายวันที่ผ่านมา วันนี้ยังเป็นเพียงแค่การกล่าวหาลอยๆ
ทว่า “ทักษิณส่วนหน้า” ก็ยังชะล่าใจไม่ได้ เพราะตามจังหวะเวลาทางการเมือง กรณีอาจารย์นิด้า ถือว่าเป็นยกแรกของการเปิดศึกตรวจสอบรัฐบาลเท่านั้น
เพราะหากจับอาการของ “ประชาธิปัตย์” ดีๆ การออกมาถล่มในเรื่องนโยบายรับจำนำข้าว ยังเป็นอะไรที่ออกลูก “แทงกั๊ก” ประเภทปล่อยถี่รายวัน แต่จัดไม่หนัก จัดไม่เต็ม ราวกับปล่อยไม่หมด ทั้งๆ ที่กลิ่นไอทุจริตในนโยบายรับจำนำข้าวก็ดูจะฟุ้งกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศแล้ว
อีกทั้งในความเป็นจริงระดับ “ฝ่ายค้านมืออาชีพ” อย่างพรรคประชาธิปัตย์ มีหรือจะตกต่ำถึงขั้นหาข้อมูลการทุจริตแบบโฉ่งฉ่างในลักษณะนี้ไม่ได้
แต่สาเหตุที่ยังไม่โพล่งมาเดินเกมเอง นั่นเป็นเพราะตามปฏิทินการเมือง มีศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลถูกล็อกคิวเอาไว้ในเดือนหน้า ซึ่งศึกนี้ “ค่ายสีฟ้า” หมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างมากในการซักฟอก “ยิ่งลักษณ์” ตลอดจน “นโยบายรับจำนำข้าว” ให้เละคาสภาฯ
ดังนั้น การปล่อยมุกออกไปพร่ำเพรื่ออาจกลายเป็นการบอกข้อสอบล่วงหน้าให้ “นายกฯหญิง” ไปทำการบ้าน และเตรียมคิวซ้อมล่วงหน้าได้แต่เนิ่นๆ
ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวนั้น “พรรคพระแม่ธรณีฯ” ก็ไม่ได้หยุดเดินเครื่องแต่อย่างใด ตรงกันข้าม กลับมีคณะทำงานใต้ดินลงไปในพื้นที่เพื่อกักเก็บข้อมูลอยู่หลายเดือนแล้ว
รอแค่เพียงสุกงอม และวัน ว. เวลา น. ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ข้อมูลทั้งหมดก็จะถูกนำไปจี้จุดกันในสภาผู้ทรงเกียรติทั้งหมด
และถึงแม้ท้ายที่สุดจะสอย “นายกฯนกแก้ว” ลงจากหอคอยงาช้างไม่ได้ เนื่องด้วยปัจจัยเสียงข้างมากในสภา แต่ก็น่าจะทำเอาสะบักสะบอมได้พอสมควรตามสไตล์พะยี่ห้อ “ค้านตะพึด” ที่ผู้มีประสบการณ์อย่าง “บรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 รู้ดีที่สุดคนหนึ่งว่า พิษสงของคมเขี้ยว “ปชป.” ในสภาฯ รุนแรงขนาดไหน
ขณะเดียวกัน ช็อตต่อเนื่องที่ฝ่ายค้านเตรียมการเอาไว้หลังจากจบศึกซักฟอกก็คือ การเดินเกมในยกถัดไปด้วยการนำข้อมูลทั้งหมดไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวน
เมื่อเรื่องอยู่ในอุ้งมือ “ป.ป.ช.” อย่างไรก็ได้เสียว โดยเฉพาะท่าทีก่อนหน้านี้ของ ป.ป.ช.ที่ออกมาเทกแอ็กชั่นเรื่องนี้บ่อยครั้ง มิหนำซ้ำยังร่อนจดหมายถึงรัฐบาลให้ทบทวนโครงการดังกล่าวมาแล้วถึงสองครั้ง แต่ก็เข้าอีหรอบคันมือคันไม้ แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะตามกฎหมายต้องมีคนร้องเข้ามา
ครั้นมีมือชงมาให้อย่างนี้ เสือสนามจริงอย่าง “ป.ป.ช.” เดินหน้าไม่ยั้งเป็นแน่ เพราะข้อมูลในมือตัวเองที่ไปทำวิจัยกันมาก็ล้นตู้เต็มไปหมด
**เข้าจังหวะได้ปลดล็อก ผสมโรงสองข้อมูล “ปชป.-ป.ป.ช.” อย่างไรงานนี้ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ได้หายใจไม่ทั่วท้องกันอีกหนแน่ๆ
แต่คำร้องของนักวิชาการที่ขอให้ศาลพิจารณายับยั้ง หรือยุติโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เนื่องจากเห็นว่าโครงการดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 43 และ มาตรา 84 (1) นั้น เป็นกรณีที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบกับผู้ร้องยังมิใช่บุคคล ซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพอันสืบเนื่องมาจากบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และมิใช่เป็นการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้
คำร้องนี้จึงไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา
ขมวดปมคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ถือว่ารอบคอบ ไม่ผลีผลามให้ฝ่ายตรงข้ามที่จ้องกระซวกไส้ตุลาการได้ออกมาขย่มโจมตีในข้อหา “มาเฟียการเมือง” กันอีกคำรบ
ขณะที่ฝ่ายที่ได้ผลประโยชน์ในคำวินิจฉัยครั้งนี้อย่างรัฐบาล ตามฟอร์มการเมืองก็เลยต้องออกมาเต้นแร้งเต้นกากันเอิกเกริก โดยเฉพาะในคิวของหัวหมู่ฮาร์ดคอร์ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรี ที่เก็บอาการไว้ไม่อยู่ เฉ่งยับเข้าใส่อาจารย์นิด้า แบบหลายริกเตอร์
“ได้บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า ถึงอย่างไรศาลก็ไม่รับฟ้องแน่นอน เพราะเป็นเรื่องนโยบายและหากมีการยื่นฟ้องศาลปกครองก็ชื่อว่าศาลจะไม่รับฟ้องเช่นกัน เพราะหากรับฟ้องต้องเป็นเรื่องที่รัฐมีคำสั่งหรือรัฐกระทำ การกระทำของอาจารย์นิด้าถือเป็นพวกสุ่มสี่สุ่มหก ไม่มีงานทำ ถ้าอยากลงเล่นการเมืองก็ให้ลาออกจากอาจารย์แล้วมาลงสมัครรับเลือกตั้ง และรัฐบาลนี้ไม่ได้มาจากการปฏิวัติ แต่มาจากเสียงประชาชน และเมื่อศาลไม่รับฟ้องเช่นนี้จะเอาอะไรมาคลุมหัว เอาปี๊บหรือเปล่า”
**โขยกกันสุดฤทธิ์ หวังตอกลิ่มให้หมดเครดิตทางสังคมกันไปเลย
นอกจากคิวของ “กุมารทองคะนองศึก” ด้านท่าทีของแกนนำคนอื่นๆในรัฐบาลก็ดูจะโล่งอกโล่งใจกันไปเยอะ รวมไปถึงในรายของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี
สรุปอาการโดยรวมตอนนี้ “รัฐบาลนารี” หายใจโล่งคอกับศึก “จำนำข้าว” ไปได้เยอะหลังจากนักวิชาการซีกตรงข้ามขย่มกันไม่สำเร็จ
ด้านคมดาบของฝ่ายค้านเอง รัฐบาลก็ยังดูเหมือนจะเชื่อมั่นว่า ยังไม่คมและแหลมพอจะทิ่มแทงให้รัฐบาลสะดุ้งสะท้านเก้าอี้ได้ เพราะดูจากการเปิดศึกน้ำลายรายวันที่ผ่านมา วันนี้ยังเป็นเพียงแค่การกล่าวหาลอยๆ
ทว่า “ทักษิณส่วนหน้า” ก็ยังชะล่าใจไม่ได้ เพราะตามจังหวะเวลาทางการเมือง กรณีอาจารย์นิด้า ถือว่าเป็นยกแรกของการเปิดศึกตรวจสอบรัฐบาลเท่านั้น
เพราะหากจับอาการของ “ประชาธิปัตย์” ดีๆ การออกมาถล่มในเรื่องนโยบายรับจำนำข้าว ยังเป็นอะไรที่ออกลูก “แทงกั๊ก” ประเภทปล่อยถี่รายวัน แต่จัดไม่หนัก จัดไม่เต็ม ราวกับปล่อยไม่หมด ทั้งๆ ที่กลิ่นไอทุจริตในนโยบายรับจำนำข้าวก็ดูจะฟุ้งกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศแล้ว
อีกทั้งในความเป็นจริงระดับ “ฝ่ายค้านมืออาชีพ” อย่างพรรคประชาธิปัตย์ มีหรือจะตกต่ำถึงขั้นหาข้อมูลการทุจริตแบบโฉ่งฉ่างในลักษณะนี้ไม่ได้
แต่สาเหตุที่ยังไม่โพล่งมาเดินเกมเอง นั่นเป็นเพราะตามปฏิทินการเมือง มีศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลถูกล็อกคิวเอาไว้ในเดือนหน้า ซึ่งศึกนี้ “ค่ายสีฟ้า” หมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างมากในการซักฟอก “ยิ่งลักษณ์” ตลอดจน “นโยบายรับจำนำข้าว” ให้เละคาสภาฯ
ดังนั้น การปล่อยมุกออกไปพร่ำเพรื่ออาจกลายเป็นการบอกข้อสอบล่วงหน้าให้ “นายกฯหญิง” ไปทำการบ้าน และเตรียมคิวซ้อมล่วงหน้าได้แต่เนิ่นๆ
ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวนั้น “พรรคพระแม่ธรณีฯ” ก็ไม่ได้หยุดเดินเครื่องแต่อย่างใด ตรงกันข้าม กลับมีคณะทำงานใต้ดินลงไปในพื้นที่เพื่อกักเก็บข้อมูลอยู่หลายเดือนแล้ว
รอแค่เพียงสุกงอม และวัน ว. เวลา น. ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ข้อมูลทั้งหมดก็จะถูกนำไปจี้จุดกันในสภาผู้ทรงเกียรติทั้งหมด
และถึงแม้ท้ายที่สุดจะสอย “นายกฯนกแก้ว” ลงจากหอคอยงาช้างไม่ได้ เนื่องด้วยปัจจัยเสียงข้างมากในสภา แต่ก็น่าจะทำเอาสะบักสะบอมได้พอสมควรตามสไตล์พะยี่ห้อ “ค้านตะพึด” ที่ผู้มีประสบการณ์อย่าง “บรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 รู้ดีที่สุดคนหนึ่งว่า พิษสงของคมเขี้ยว “ปชป.” ในสภาฯ รุนแรงขนาดไหน
ขณะเดียวกัน ช็อตต่อเนื่องที่ฝ่ายค้านเตรียมการเอาไว้หลังจากจบศึกซักฟอกก็คือ การเดินเกมในยกถัดไปด้วยการนำข้อมูลทั้งหมดไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวน
เมื่อเรื่องอยู่ในอุ้งมือ “ป.ป.ช.” อย่างไรก็ได้เสียว โดยเฉพาะท่าทีก่อนหน้านี้ของ ป.ป.ช.ที่ออกมาเทกแอ็กชั่นเรื่องนี้บ่อยครั้ง มิหนำซ้ำยังร่อนจดหมายถึงรัฐบาลให้ทบทวนโครงการดังกล่าวมาแล้วถึงสองครั้ง แต่ก็เข้าอีหรอบคันมือคันไม้ แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะตามกฎหมายต้องมีคนร้องเข้ามา
ครั้นมีมือชงมาให้อย่างนี้ เสือสนามจริงอย่าง “ป.ป.ช.” เดินหน้าไม่ยั้งเป็นแน่ เพราะข้อมูลในมือตัวเองที่ไปทำวิจัยกันมาก็ล้นตู้เต็มไปหมด
**เข้าจังหวะได้ปลดล็อก ผสมโรงสองข้อมูล “ปชป.-ป.ป.ช.” อย่างไรงานนี้ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ได้หายใจไม่ทั่วท้องกันอีกหนแน่ๆ