วานนี้(8 ต.ค.55) นายโกวิทย์ ธารณา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความละเลยปัญหาปากท้องของชาวบ้านของรัฐบาลว่า วันนี้ค่าครองชีพของชาวบ้านสูงขึ้นทุกอย่าง ขอท้าให้ไปทำโพลถามชาวบ้านร้านตลาดว่า วันนี้ในกระเป๋าแต่ละคน มีเงินเท่าไหร่ ลดลงหรือไม่ หรือแม้มีเท่าเดิม แต่ค่าของเงินก็ลดลงมาก เพราะราคาสินค้าข้าวขอแพงทั้งแผ่นดินจริงๆ
“จึงขอเสนอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ สวมบท “แม่เม้ยชมตลาด” ดูว่าข้าวของ สินค้ามีราคาแพงขึ้นจริงหรือไม่ ขออย่าจัดฉากเขียนบทอย่างที่ผ่านมา และถ้านโยบายรัฐบาลดีจริง ทำไม วันนี้รัฐบาลยังไม่กล้าจัดงานแถลงข่าวผลงานของรัฐบาลครบรอบ 1 ปี ตามที่เคยได้มีความพยายามตีปี๊บผ่านสื่อ หลังถูกพรรคประชาธิปัตย์และวิปฝ่ายค้านเปิดซีรี่ส์ความล้มเหลวในผลงานของรัฐบาลและ 19 โกหกสีขาวของรัฐบาลนี้ ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลไหนของไทยจะกล้าโกหกประชาชนตาใสเช่นรัฐบาลนี้”
นายโกวิทย์ กล่าวต่อว่า ยังไม่รวมถึงการก่อสร้างหนี้สาธารณะของรัฐบาลนี้ที่เก่งแต่กู้ตัวจริง เพาะหนี้สาธารณะสูงถึง 43 % ตามที่นายกรณ์ จาตกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อและอดีตรมว.คลัง ตั้งชื่อให้เป็น“รัฐบาลเลดี๊ กู กู้” ประเทศกำลังเข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะกำลังใช้เงินของอนาคตมาสร้างภาพว่าเศรษฐกิจดี ขณะที่รัฐบาลเองจ้องแต่จะกู้เงินเพิ่มอีก 2 ล้านๆบาท ส่วนผู้ประกอบการ เจ้าของกิจการร้านค้าต่างๆ ส่วนใหญ่รับผลกระทบจากนโยบายขึ้นค่าแรงของรัฐบาล จากที่เคยมีงานเข้าบริษัท วันนี้งานลดน้อยลง หรือถ้ามีก็ต้องยอมให้เมีการหักหัวคิวที่เรียกสูงเป็นประวัติการณ์ที่ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่นระบุว่าสูงกว่า 40 % จะมีเงินสะพัดก็แค่คนไม่กี่กลุ่มที่ใกล้ชิดคนในรัฐบาล ที่กล้ารับงานแลกหัวคิว โดยเฉพาะงบที่เกี่ยวกับน้ำที่รัฐบาลนี้ยังเลี่ยงการใช้ระเบียบจัดซื้อจัดจ้างสำนักนายกฯ ในงบ 3.5 แสนล้าน ผู้รับเหมาต้องกล้าเฉือนเนื้อ ลดกำไรลง ชิ้นงานที่ออกมาก็มีไม่ได้มาตรฐาน เพราะต้องมีการลดสเปคลงตามค่าหัวคิวที่ถูกหัก ทำให้ประชาชนรับเคราะห์ ชาติสูญเสียโอกาสและประโยชน์ที่ควรได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ครม.วันที่ 9 ต.ค.นี้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ จะเสนอ คณะรัฐมนตรี ขออนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2556 โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันและไม่ค้ำประกันเงินกู้ในประเทศ และต่างประเทศ จากแผนการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล แผนการปรับ โครงสร้างหนี้ของรัฐบาล และรัฐวิสาหกิจ แผนการบริหารความเสี่ยง รวมวงเงิน 1,920,133.15 ล้านบาท และรับทราบแผนการบริหารจัดการหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติ ภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2556 วงเงิน 127,885.21 ล้านบาท
รวมถึงการขออนุมัติการกู้เงินของรัฐบาล การกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2556 การขออนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2556 แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้ดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ และขออนุมัติให้รมว.คลัง หรือผู้ที่ รมว.คลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงิน และหรือการค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง
** รวมผลงาน 1 ปี รบ.เข้าครม.
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 ต.ค.นี้ ตนจะเสนอรูปเล่มรวบรวมผลงานของรัฐบาลครบ 1 ปีที่จะแถลงต่อรัฐสภา ให้ครม.เห็นชอบ หากไม่มีการแก้ไขส่งใดเพิ่มเติม ก็จะส่งเพื่อจัดพิมพ์ คาดว่าจะส่งเล่มไปที่รัฐสภาได้ประมาณต้นเดือนพ.ย.นี้ จากนั้นรัฐสภาจะเป็นผู้กำหนดวันแถลงผลงานและแจ้งให้รัฐบาลทราบต่อไป ทั้งนี้เนื้อหาในเล่มจะเป็นรายละเอียดของ 16 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล รวมทั้งเนื้อหาในด้านอื่นๆ ตามที่รัฐบาลแถลงนโยบายไว้ ถือว่าหลายนโยบายได้ผลดี ทั้งเรื่องยาเสพติด ลดภาษีบ้านหลังแรก รถยนต์คันแรก และการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งรวมถึงนโยบายการรับจำนำข้าวด้วย ซึ่งทำให้เกษตรมีรายได้ดีขึ้น
ขณะที่ปัญหาสินค้าราคาแพงที่เข้าใจว่าเป็นเพราะการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาลนั้น ก็ยืนยันว่าไม่ใช่ ถ้าไปดูจากสถิติแล้วจะเห็นว่ามีการปรับราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนข้อกังวลว่าฝ่ายค้านจะซักถามในเรื่องการรับจำนำข้าวและมุ่งโจมตีรัฐบาลอย่างหนักนั้น ก็เชื่อว่ารัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถชี้แจงได้ อย่างไรก็ตามข้อสังเกตว่านายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้ตรวจการบ้านและการทำงานของรัฐมนตรีเพื่อนำไปสู่การปรับ ครม.นั้น เรื่องนี้ต้องถามนายกรัฐมนตรีเอง
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการจัดพิมพ์รายละเอียดผลงานของแต่ละกระทรวง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในตุลาคมนี้ หรืออย่างช้าคือสัปดาห์ที่สองของเดือนพฤศจิกายน จากนั้นจะส่งให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้พิจารณาต่อไปว่า เห็นสมควรให้มีการบรรจุวาระการประชุมในช่วงใด ทั้งนี้ช่วงระยะเวลาในการแถลงผลงานไม่เกี่ยวกับช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของสมาชิกฝ่ายค้าน เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบว่าพรรคฝ่ายค้านจะมีกำหนดการอภิปรายเมื่อใด
**ส.ว.เลือกตั้ง ขออภิปรายผลงาน1ปีรบ.
ที่รัฐสภา นายวิเชียร คันฉ่อง ส.ว. ตรัง ได้นำคณะ ส.ว.เลือกตั้ง ได้ยื่นเรื่องต่อนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 เพื่อให้คณะรัฐมนตรีชี้แจงปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินที่ส่อว่าจะเกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง หลังจากที่บริหารราชการแผ่นดินครบ 1 ปี พบว่ามีปัญหาและไม่สามารถดำเนินนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาได้ ทั้งนี้มี 4 ประเด็นที่ต้องการใช้รัฐบาลชี้แจง ได้แก่ 1.ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และโครงการรับซื้อสินค้าเกษตร เช่น หอมแดง ยางพาราที่พบการทุจริต, 2.การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้, 3.การบริหารราชการที่เอกภาพและการบูรณาการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม การจัดการภัยธรรมชาติ และ 4.การแก้ไขปัญหาความปรองดอง, การศึกษา, ยาเสพติด และการท่องเที่ยว
“จึงขอเสนอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ สวมบท “แม่เม้ยชมตลาด” ดูว่าข้าวของ สินค้ามีราคาแพงขึ้นจริงหรือไม่ ขออย่าจัดฉากเขียนบทอย่างที่ผ่านมา และถ้านโยบายรัฐบาลดีจริง ทำไม วันนี้รัฐบาลยังไม่กล้าจัดงานแถลงข่าวผลงานของรัฐบาลครบรอบ 1 ปี ตามที่เคยได้มีความพยายามตีปี๊บผ่านสื่อ หลังถูกพรรคประชาธิปัตย์และวิปฝ่ายค้านเปิดซีรี่ส์ความล้มเหลวในผลงานของรัฐบาลและ 19 โกหกสีขาวของรัฐบาลนี้ ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลไหนของไทยจะกล้าโกหกประชาชนตาใสเช่นรัฐบาลนี้”
นายโกวิทย์ กล่าวต่อว่า ยังไม่รวมถึงการก่อสร้างหนี้สาธารณะของรัฐบาลนี้ที่เก่งแต่กู้ตัวจริง เพาะหนี้สาธารณะสูงถึง 43 % ตามที่นายกรณ์ จาตกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อและอดีตรมว.คลัง ตั้งชื่อให้เป็น“รัฐบาลเลดี๊ กู กู้” ประเทศกำลังเข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะกำลังใช้เงินของอนาคตมาสร้างภาพว่าเศรษฐกิจดี ขณะที่รัฐบาลเองจ้องแต่จะกู้เงินเพิ่มอีก 2 ล้านๆบาท ส่วนผู้ประกอบการ เจ้าของกิจการร้านค้าต่างๆ ส่วนใหญ่รับผลกระทบจากนโยบายขึ้นค่าแรงของรัฐบาล จากที่เคยมีงานเข้าบริษัท วันนี้งานลดน้อยลง หรือถ้ามีก็ต้องยอมให้เมีการหักหัวคิวที่เรียกสูงเป็นประวัติการณ์ที่ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่นระบุว่าสูงกว่า 40 % จะมีเงินสะพัดก็แค่คนไม่กี่กลุ่มที่ใกล้ชิดคนในรัฐบาล ที่กล้ารับงานแลกหัวคิว โดยเฉพาะงบที่เกี่ยวกับน้ำที่รัฐบาลนี้ยังเลี่ยงการใช้ระเบียบจัดซื้อจัดจ้างสำนักนายกฯ ในงบ 3.5 แสนล้าน ผู้รับเหมาต้องกล้าเฉือนเนื้อ ลดกำไรลง ชิ้นงานที่ออกมาก็มีไม่ได้มาตรฐาน เพราะต้องมีการลดสเปคลงตามค่าหัวคิวที่ถูกหัก ทำให้ประชาชนรับเคราะห์ ชาติสูญเสียโอกาสและประโยชน์ที่ควรได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ครม.วันที่ 9 ต.ค.นี้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ จะเสนอ คณะรัฐมนตรี ขออนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2556 โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันและไม่ค้ำประกันเงินกู้ในประเทศ และต่างประเทศ จากแผนการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล แผนการปรับ โครงสร้างหนี้ของรัฐบาล และรัฐวิสาหกิจ แผนการบริหารความเสี่ยง รวมวงเงิน 1,920,133.15 ล้านบาท และรับทราบแผนการบริหารจัดการหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติ ภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2556 วงเงิน 127,885.21 ล้านบาท
รวมถึงการขออนุมัติการกู้เงินของรัฐบาล การกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2556 การขออนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2556 แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้ดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ และขออนุมัติให้รมว.คลัง หรือผู้ที่ รมว.คลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงิน และหรือการค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง
** รวมผลงาน 1 ปี รบ.เข้าครม.
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 ต.ค.นี้ ตนจะเสนอรูปเล่มรวบรวมผลงานของรัฐบาลครบ 1 ปีที่จะแถลงต่อรัฐสภา ให้ครม.เห็นชอบ หากไม่มีการแก้ไขส่งใดเพิ่มเติม ก็จะส่งเพื่อจัดพิมพ์ คาดว่าจะส่งเล่มไปที่รัฐสภาได้ประมาณต้นเดือนพ.ย.นี้ จากนั้นรัฐสภาจะเป็นผู้กำหนดวันแถลงผลงานและแจ้งให้รัฐบาลทราบต่อไป ทั้งนี้เนื้อหาในเล่มจะเป็นรายละเอียดของ 16 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล รวมทั้งเนื้อหาในด้านอื่นๆ ตามที่รัฐบาลแถลงนโยบายไว้ ถือว่าหลายนโยบายได้ผลดี ทั้งเรื่องยาเสพติด ลดภาษีบ้านหลังแรก รถยนต์คันแรก และการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งรวมถึงนโยบายการรับจำนำข้าวด้วย ซึ่งทำให้เกษตรมีรายได้ดีขึ้น
ขณะที่ปัญหาสินค้าราคาแพงที่เข้าใจว่าเป็นเพราะการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาลนั้น ก็ยืนยันว่าไม่ใช่ ถ้าไปดูจากสถิติแล้วจะเห็นว่ามีการปรับราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนข้อกังวลว่าฝ่ายค้านจะซักถามในเรื่องการรับจำนำข้าวและมุ่งโจมตีรัฐบาลอย่างหนักนั้น ก็เชื่อว่ารัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถชี้แจงได้ อย่างไรก็ตามข้อสังเกตว่านายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้ตรวจการบ้านและการทำงานของรัฐมนตรีเพื่อนำไปสู่การปรับ ครม.นั้น เรื่องนี้ต้องถามนายกรัฐมนตรีเอง
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการจัดพิมพ์รายละเอียดผลงานของแต่ละกระทรวง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในตุลาคมนี้ หรืออย่างช้าคือสัปดาห์ที่สองของเดือนพฤศจิกายน จากนั้นจะส่งให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้พิจารณาต่อไปว่า เห็นสมควรให้มีการบรรจุวาระการประชุมในช่วงใด ทั้งนี้ช่วงระยะเวลาในการแถลงผลงานไม่เกี่ยวกับช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของสมาชิกฝ่ายค้าน เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบว่าพรรคฝ่ายค้านจะมีกำหนดการอภิปรายเมื่อใด
**ส.ว.เลือกตั้ง ขออภิปรายผลงาน1ปีรบ.
ที่รัฐสภา นายวิเชียร คันฉ่อง ส.ว. ตรัง ได้นำคณะ ส.ว.เลือกตั้ง ได้ยื่นเรื่องต่อนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 เพื่อให้คณะรัฐมนตรีชี้แจงปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินที่ส่อว่าจะเกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง หลังจากที่บริหารราชการแผ่นดินครบ 1 ปี พบว่ามีปัญหาและไม่สามารถดำเนินนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาได้ ทั้งนี้มี 4 ประเด็นที่ต้องการใช้รัฐบาลชี้แจง ได้แก่ 1.ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และโครงการรับซื้อสินค้าเกษตร เช่น หอมแดง ยางพาราที่พบการทุจริต, 2.การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้, 3.การบริหารราชการที่เอกภาพและการบูรณาการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม การจัดการภัยธรรมชาติ และ 4.การแก้ไขปัญหาความปรองดอง, การศึกษา, ยาเสพติด และการท่องเที่ยว