รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินหน้านโยบายรับจำนำข้าวฤดูกาลใหม่แล้วครับ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เรื่อยไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2556 โดยฤดูกาลใหม่นี้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติเงินแล้ว 240,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะต้องขอเงินเพิ่มอีก เพราะที่อนุมัตินี้เฉพาะข้าวนาปี ข้าวนาปรังออกก็ต้องอนุมัติเงินเพิ่ม เพราะโครงการอย่างนี้ใช้เงินได้สนุกมือ
การเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้านจากพรรคฝ่ายค้าน คือ พรรคประชาธิปัตย์ นักวิชาการจากนิด้า และนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีที่ปรึกษาใหญ่ของรัฐบาล คือ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร รวมอยู่ด้วย
รายหลังนี้ถึงกับบอกว่านโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ อาจจะเป็นเหตุให้รัฐบาลนี้พังได้
ฟังจากเหตุผลของดร.วีรพงษ์ รามางกูร ก็ต้องเปลี่ยนใจเสียแล้วละครับ จากที่เคยคัดค้านปากเปียกปากแฉะ เคยเขียนให้เห็นถึงความหายนะที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติมาหลายครั้งหลายหน เพราะเห็นชัดเจนว่า การรับจำนำเหมือนคนขาดสติ เพราะมีแต่คนบ้า คนโกหกลวงโลกเท่านั้นที่บอกว่า เป็นการจำนำ เนื่องจากในโลกนี้ไม่เคยมีคนบ้าที่ไหนรับจำนำสินค้าสูงกว่าราคาตลาดนอกจากรัฐบาลโง่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนี้เท่านั้น
การรับจำนำในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดทำให้ข้าวเต็มโกดังขายไม่ออก ส่งออกไปขายต่างประเทศสู้เขาไม่ได้เพราะราคาของเราสูงกว่าข้าวอินเดีย เวียดนาม พม่า ขายก็ต้องขาดทุน เก็บไว้ข้าวก็เสื่อมคุณภาพ
บอกไปหมดแหละครับ แต่รัฐบาลเขาไม่ฟัง เขาบอกว่าเขาต้องการช่วยชาวนา เราไม่คัดค้านเลยครับ ถ้าหากต้องการช่วยชาวนาให้เงินถึงมือชาวนาจริงๆ และต้องรู้จักชาวนาจริงๆ ชาวนาจริงๆ มีนากี่ไร่ มีผลผลิตปีละกี่ตัน 20-30 ตันพอไหม ไม่ใช่จำนำข้าวทุกเมล็ด 15,000 บาทต่อตัน ไม่จำกัดจำนวน ทำให้มีการสวมสิทธิ ทำให้ข้าวจากเวียดนาม กัมพูชา พม่าทะลักเข้ามาขายให้โรงสีที่อยู่ในโครงการรับจำนำของรัฐบาล
คนที่ได้ประโยชน์คือ โรงสี นักการเมืองระดับชาติ นักการเมืองท้องถิ่น บริษัทบริวารของรัฐบาล ชาวนาก็ได้บ้างได้ขายข้าวราคาสูงกว่าท้องตลาดนิดหน่อย แต่ที่เสียหายคือประเทศชาติ
ฤดูกาลที่ผ่านมา น่าจะขาดทุนแสนล้านบาท ฤดูกาลใหม่น่าจะมากกว่าเพราะข้าวในฤดูกาลที่แล้วยังระบายออกไปไม่หมด ข้าวฤดูกาลใหม่มาแล้วจะต้องหาโกดัง ยุ้งฉางเพิ่ม เสียค่าเก็บรักษาเพิ่มขึ้น ของเดิมก็เสื่อมคุณภาพไปเรื่อยๆ
ใครที่ออกมาคัดค้านก็โดนด่าพ่อล่อแม่เสียๆ หายๆ จากกองเชียร์รัฐบาล อาจารย์นิด้า อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดนไปแล้วครับ และจะต้องโดนหนักไปอีกเรื่อยๆ อย่าว่าแต่นักวิชาการเลย ตุลาการเขาก็ไม่เว้น เพราะฉะนั้นจะไปเปลืองตัวทำไมเล่าครับ
คัดค้านมันไม่ฟังก็สนับสนุนมันไปเลย ยิ่งเหตุผลที่ดร.วีรพงษ์ รามางกูร บอกนั้น ยิ่งสมควรสนับสนุนให้รัฐบาลนี้ดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวต่อไป ประเทศชาติจะเสียหายสัก 4-5 แสนล้านบาทก็คุ้ม เพราะมันไม่โกงจากนโยบายการรับจำนำข้าวมันก็ไปโกงจากนโยบายอย่างอื่นได้ ยิ่งอยู่นานก็อาจจะมากกว่า 4-5 แสนล้านบาทจากนโยบายรับจำนำข้าวเสียด้วยซ้ำ
จะให้ดีเพิ่มราคารับจำนำขึ้นไปอีกตันละ 16,000-20,000 บาทต่อตันเลยก็ได้ เอ้า
มีอะไรอีกที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จะเอาไปจากประเทศไทยได้ก็รับเอาๆ ไปเสียอย่าได้รอช้า จะเพิ่มอีกไหมเล่าครับ ค่าเยียวยาผู้ที่เสียชีวิต ผู้ที่ขายวิญญาณช่วย ทักษิณ ชินวัตร 7.5 ล้านบาทที่จ่ายไปแล้ว ไม่น่าจะพอเพราะค่าครองชีพนับวันสูงขึ้นทุกวัน ญาติพี่น้อง พ่อแม่ที่อยู่ข้างหลังไม่น่าจะพอใช้ เอาไปเลยคนละ 10 ล้านบาท 20 ล้านบาทเลยดีไหมครับ จะได้พออยู่พอกิน คุ้มกับการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อคุณพ่อทักษิณของพวกเขา และจะได้เป็นเหตุจูงใจเพื่อวันหน้าวันหลังทักษิณจะต้องใช้บริการของพวกเขาอีก จะได้มีผู้ขายชีวิตขายวิญญาณให้
นี่ก็เห็นว่าใกล้เวลาที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแล้ว ดูกันให้ดี กำหนดอภิปรายไม่ไว้วางใจวันไหน ก็ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศเสีย ไปกล่าวสุนทรพจน์ให้โอบามา ประธานาธิบดี หรือย้อนไปปาฐกถาให้ นางแอนเจลา เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีฟังอีกทีก็ได้ เชื่อว่านางคงจะติดใจอยากจะฟังนางสาวยิ่งลักษณ์อีกสักครั้ง ใครจะว่า นี่ไม่ใช่วิถีทางของประชาธิปไตยก็ช่าง เพราะการต่อสู้อันยิ่งใหญ่เมื่อเดือนเมษายน 2553 ของบรรดาไพร่ทั้งหลายเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยก็ได้มาแล้วนี่
ก็รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี่ยังไง
เอาเถอะ! เดินหน้าต่อไปเลยครับกับนโยบายรับจำนำข้าวประเทศชาติจะฉิบหายอย่างไรก็ช่างเถอะ 4-5 แสนล้านบาท ยอมแล้วครับ ขอให้รัฐบาลมันพังเร็วๆ อย่างที่ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ว่าไว้ก็พอ
ว่าแต่อย่าหลอกกันนะครับ ดร.วีรพงษ์ ขอให้เป็นอย่างที่ท่านวิจารณ์เอาไว้ก็พอ
การเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้านจากพรรคฝ่ายค้าน คือ พรรคประชาธิปัตย์ นักวิชาการจากนิด้า และนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีที่ปรึกษาใหญ่ของรัฐบาล คือ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร รวมอยู่ด้วย
รายหลังนี้ถึงกับบอกว่านโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ อาจจะเป็นเหตุให้รัฐบาลนี้พังได้
ฟังจากเหตุผลของดร.วีรพงษ์ รามางกูร ก็ต้องเปลี่ยนใจเสียแล้วละครับ จากที่เคยคัดค้านปากเปียกปากแฉะ เคยเขียนให้เห็นถึงความหายนะที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติมาหลายครั้งหลายหน เพราะเห็นชัดเจนว่า การรับจำนำเหมือนคนขาดสติ เพราะมีแต่คนบ้า คนโกหกลวงโลกเท่านั้นที่บอกว่า เป็นการจำนำ เนื่องจากในโลกนี้ไม่เคยมีคนบ้าที่ไหนรับจำนำสินค้าสูงกว่าราคาตลาดนอกจากรัฐบาลโง่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนี้เท่านั้น
การรับจำนำในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดทำให้ข้าวเต็มโกดังขายไม่ออก ส่งออกไปขายต่างประเทศสู้เขาไม่ได้เพราะราคาของเราสูงกว่าข้าวอินเดีย เวียดนาม พม่า ขายก็ต้องขาดทุน เก็บไว้ข้าวก็เสื่อมคุณภาพ
บอกไปหมดแหละครับ แต่รัฐบาลเขาไม่ฟัง เขาบอกว่าเขาต้องการช่วยชาวนา เราไม่คัดค้านเลยครับ ถ้าหากต้องการช่วยชาวนาให้เงินถึงมือชาวนาจริงๆ และต้องรู้จักชาวนาจริงๆ ชาวนาจริงๆ มีนากี่ไร่ มีผลผลิตปีละกี่ตัน 20-30 ตันพอไหม ไม่ใช่จำนำข้าวทุกเมล็ด 15,000 บาทต่อตัน ไม่จำกัดจำนวน ทำให้มีการสวมสิทธิ ทำให้ข้าวจากเวียดนาม กัมพูชา พม่าทะลักเข้ามาขายให้โรงสีที่อยู่ในโครงการรับจำนำของรัฐบาล
คนที่ได้ประโยชน์คือ โรงสี นักการเมืองระดับชาติ นักการเมืองท้องถิ่น บริษัทบริวารของรัฐบาล ชาวนาก็ได้บ้างได้ขายข้าวราคาสูงกว่าท้องตลาดนิดหน่อย แต่ที่เสียหายคือประเทศชาติ
ฤดูกาลที่ผ่านมา น่าจะขาดทุนแสนล้านบาท ฤดูกาลใหม่น่าจะมากกว่าเพราะข้าวในฤดูกาลที่แล้วยังระบายออกไปไม่หมด ข้าวฤดูกาลใหม่มาแล้วจะต้องหาโกดัง ยุ้งฉางเพิ่ม เสียค่าเก็บรักษาเพิ่มขึ้น ของเดิมก็เสื่อมคุณภาพไปเรื่อยๆ
ใครที่ออกมาคัดค้านก็โดนด่าพ่อล่อแม่เสียๆ หายๆ จากกองเชียร์รัฐบาล อาจารย์นิด้า อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดนไปแล้วครับ และจะต้องโดนหนักไปอีกเรื่อยๆ อย่าว่าแต่นักวิชาการเลย ตุลาการเขาก็ไม่เว้น เพราะฉะนั้นจะไปเปลืองตัวทำไมเล่าครับ
คัดค้านมันไม่ฟังก็สนับสนุนมันไปเลย ยิ่งเหตุผลที่ดร.วีรพงษ์ รามางกูร บอกนั้น ยิ่งสมควรสนับสนุนให้รัฐบาลนี้ดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวต่อไป ประเทศชาติจะเสียหายสัก 4-5 แสนล้านบาทก็คุ้ม เพราะมันไม่โกงจากนโยบายการรับจำนำข้าวมันก็ไปโกงจากนโยบายอย่างอื่นได้ ยิ่งอยู่นานก็อาจจะมากกว่า 4-5 แสนล้านบาทจากนโยบายรับจำนำข้าวเสียด้วยซ้ำ
จะให้ดีเพิ่มราคารับจำนำขึ้นไปอีกตันละ 16,000-20,000 บาทต่อตันเลยก็ได้ เอ้า
มีอะไรอีกที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จะเอาไปจากประเทศไทยได้ก็รับเอาๆ ไปเสียอย่าได้รอช้า จะเพิ่มอีกไหมเล่าครับ ค่าเยียวยาผู้ที่เสียชีวิต ผู้ที่ขายวิญญาณช่วย ทักษิณ ชินวัตร 7.5 ล้านบาทที่จ่ายไปแล้ว ไม่น่าจะพอเพราะค่าครองชีพนับวันสูงขึ้นทุกวัน ญาติพี่น้อง พ่อแม่ที่อยู่ข้างหลังไม่น่าจะพอใช้ เอาไปเลยคนละ 10 ล้านบาท 20 ล้านบาทเลยดีไหมครับ จะได้พออยู่พอกิน คุ้มกับการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อคุณพ่อทักษิณของพวกเขา และจะได้เป็นเหตุจูงใจเพื่อวันหน้าวันหลังทักษิณจะต้องใช้บริการของพวกเขาอีก จะได้มีผู้ขายชีวิตขายวิญญาณให้
นี่ก็เห็นว่าใกล้เวลาที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแล้ว ดูกันให้ดี กำหนดอภิปรายไม่ไว้วางใจวันไหน ก็ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศเสีย ไปกล่าวสุนทรพจน์ให้โอบามา ประธานาธิบดี หรือย้อนไปปาฐกถาให้ นางแอนเจลา เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีฟังอีกทีก็ได้ เชื่อว่านางคงจะติดใจอยากจะฟังนางสาวยิ่งลักษณ์อีกสักครั้ง ใครจะว่า นี่ไม่ใช่วิถีทางของประชาธิปไตยก็ช่าง เพราะการต่อสู้อันยิ่งใหญ่เมื่อเดือนเมษายน 2553 ของบรรดาไพร่ทั้งหลายเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยก็ได้มาแล้วนี่
ก็รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี่ยังไง
เอาเถอะ! เดินหน้าต่อไปเลยครับกับนโยบายรับจำนำข้าวประเทศชาติจะฉิบหายอย่างไรก็ช่างเถอะ 4-5 แสนล้านบาท ยอมแล้วครับ ขอให้รัฐบาลมันพังเร็วๆ อย่างที่ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ว่าไว้ก็พอ
ว่าแต่อย่าหลอกกันนะครับ ดร.วีรพงษ์ ขอให้เป็นอย่างที่ท่านวิจารณ์เอาไว้ก็พอ
