xs
xsm
sm
md
lg

พท.ตั้งรักษาการหน.วันนี้ ยุส่ง"ยิ่งลักษณ์"นำทัพเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เพื่อไทย เตรียมเลือกรักษาการหัวหน้าพรรควันนี้ ส่วนการปรับครม.คาดจะมีขึ้นช่วงเดือนพ.ย.หลังแถลงผลงาน 1 ปี และอภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้านปชป.ยุ"ยิ่งลักษณ์"นั่งหัวหน้าพรรคเอง จี้ประธานสภาส่งเรื่องให้ศาลรธน.วินิจฉัยสมาชิกภาพ"ยงยุทธ"ตามมาตรา 91 พร้อมให้ปลัดมหาดไทย ออกคำสั่งยกเลิกคำสั่ง"ยงยุทธ" เพิ่อนำที่ดินยายเนื่อมคืนวัด ส่วนรัฐบาลต้องออกพ.ร.ก.รับรองประชาชน ในโครงการของหมู่บ้านอัลไพน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ต.ค.) พรรคเพื่อไทย จะมีการเลือกรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แทนนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่ลาออก ซึ่งคาดว่าจะเป็นรองหัวหน้าพรรคคนใดคนหนึ่ง หลังจากนั้นจะจัดประชุมใหญ่พรรค เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่อีกครั้งภายใน 60 วัน

ทั้งนี้ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน ประกอบด้วย นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายกิตติศักดิ์ หัตสงเคราะห์ นาย คณวัฒน์ วศินสังวร พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก และ พล.อ.วรวิทย์ ชินะนาวิน

ขณะที่การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีรายงานว่า จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน หลังการแถลงผลงาน 1 ปีแล้วเสร็จ และให้ผ่านญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งคาดว่าฝ่ายค้านจะยื่นญัตติในช่วงปลายเดือนนี้ไปก่อน

สำหรับรายชื่อแคนดิเดตที่จะเข้าสู่ตำแหน่ง ทั้งหัวหน้าพรรค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ว่างลง มีทั้ง นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นายภูมิธรรม เวชชยชัย นายโภคิน พลกุล นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า มีความขัดแย้งขึ้นภายในพรรค ในการคัดเลือกบุคคลที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และยืนยันว่า ไม่มีบุคคลใดมาเป็นตัวเต็ง ตามที่มีกระแสข่าว ซึ่งในวันนี้จะมีการประชุมรักษาการ กรรมการบริหารพรรค ทั้ง 17 คน เพื่อคัดเลือกรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และคิดว่า ไม่เกิน 60 วันจะได้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ อย่างแน่นอน ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี เป็นอำนาจของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว และไม่มีการส่งสัญญาณว่าจะปรับในช่วงนี้

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับครม.ว่า ไม่ทราบข่าว และยังไม่มีสัญญาณใดๆ ทั้งหมดเป็นสิทธิ์ของนายกรัฐมนตรี ส่วนเรื่องการปรับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่สื่อมวลชนวิเคราะห์ว่า จะมีการปรับตำแหน่งให้ นายวราเทพ รัตนากร อดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111 เข้ารับตำแหน่งแทนตนเองนั้น นายวรวัจน์ กล่าวว่าไม่ทราบ พร้อมบอกว่า สื่อวิเคราะห์กันไปเอง

เมื่อถามถึงกรณีความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทย ต่อการปรับครม. นายวรวัจน์ ปฏิเสธว่าไม่มีความขัดแย้งใดๆ ตามที่เป็นข่าว ขณะนี้ทุกคนก็อยู่กันอย่างปกติ และยังไม่มีใครพูดถึงการปรับครม.
ด้านนายจตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่มีรายชื่อเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรค และรมว.ศึกษาธิการ ว่า ช่วงนี้ยังมีเวลาอีกนานที่จะพิจารณา ขออนุญาตไม่แสดงความคิดในเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับครม. หรือเรื่องการแต่งตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพราะยังมีเวลาอีกนาน

**ยุ"ยิ่งลักษณ์"นั่งหัวหน้าพรรค

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยปฏิเสธว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไม่ได้อยู่เบื้องหลังการวางตัวหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คนใหม่ ว่า เป็นการปฏิเสธแก้เกี้ยวทางการเมืองมากกว่า เพราะในข้อเท็จจริงพ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนในการกำหนด และเข้ามายุ่งเกี่ยวทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะให้มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แบบเป็นไปโดยอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสข่าวเรื่องการวางสเปกหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ของพ.ต.ท.ทักษิณ

3 ข้อคือ 1. เป็นคนที่พ.ต.ท.ทักษิณสั่งได้ 2. บทบาทต้องไม่เด่นกว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ 3. ไม่มีแผลทางการเมือง

ซึ่งคงหาคนมาเป็นหัวหน้าพรรคได้ง่าย ยกเว้นเสปกข้อ 3 ที่หายากสำหรับคนในพรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตาม ตนแปลกใจว่า ทำไมไม่มีชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขึ้นมาเป็นหัวหน้าเพื่อไทยตัวจริงเสียที ทั้งๆ ที่เป็นโอกาสที่เหมาะที่สุด ที่หัวหน้าพรรคจะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมือง ซึ่งตนอยากเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้ความกล้าหาญ ประกาศตัวให้ชัดเจนว่า พร้อมที่จะเข้าดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและพร้อมที่จะนำทัพทางการเมือง

ส่วนการลาออกของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ นั้น แสดงให้เห็นว่า นายยงยุทธ ถูกลอยแพออกจากตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมดทำให้นึกถึงชะตากรรมของคนที่รับใช้ทางการเมืองให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนายยงยุทธ และนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน คือ เมื่อหมดประโยชน์ทางการเมืองก็ถูกลอยแพและถีบหัวส่ง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการใช้กระดาษทิชชู่ ที่ใช้เสร็จ และฉีกทิ้งไป ถือเป็นบทเรียนให้นักการเมืองในพรรคเพื่อไทยหลายคนว่า ในอนาคตจะตกอยู่ในชะตากรรมของนักการเมือง กระดาษทิชชู หรือไม่จึงอยากให้กรณีของนายยงยุทธ เป็นอุทธาหรณ์ของนักการเมืองที่รับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ทุกคนด้วย

**จี้"ค้อนปลอม"ส่งศาลรธน.ตีความ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร รีบนำคำร้องของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ว่า หลังจาก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นคำร้องไปนายสมศักดิ์ มีท่าทีที่จะไม่ส่งคำร้องดังกล่าวไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่านายยงยุทธ ได้ลาออกไปแล้ว ทั้งที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ระบุ ให้ประธานสภามีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของคำร้อง และส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่เป็นผู้พิจารณาว่า จะส่งหรือไม่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่อย่างใด

ดังนั้นนายสมศักดิ์ จึงไม่ควรเก็บคำร้องนี้ไว้ แต่ควรทำตามรัฐธรรมนูญกำหนด โดยการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้พิจารณาว่าจะรับวินิจฉัยเรื่อง หรือไม่ อย่างไร

*** โฆษกศาลรธน.ชี้ไม่ต้องส่งตีความ

นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าจะไม่ส่งคำร้องของพรรคฝ่ายค้านไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยความเป็นสมาชิกภาพของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ว่า คงเป็นความเห็นของประธานสภาฯ ที่มีการพิจารณาในเรื่องนี้แล้ว และเห็นว่าเมื่อนายยงยุทธ ลาออกจากการเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถือว่าไม่มีเหตุที่จะต้องวินิจฉัยในเรื่องของคุณสมบัติการเป็น ส.ส. โดยปกติ หากนายยงยุทธ ยังคงเป็น ส.ส. อยู่ ถึงอย่างไรประธานสภาฯก็ต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย แต่ขณะนี้ประธานสภาฯ เห็นว่า นายยงยุทธ ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส.แล้ว ดังนั้น ก็คงไม่จำเป็นต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยได้ ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า แม้ว่านายยงยุทธ ลาออกจากการเป็น ส.ส. ประธานสภาฯ ก็ควรต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย ตนมองว่ากรณีดังกล่าว น่าจะเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า จึงไม่สามารถให้ความเห็นในส่วนนี้ได้

**เร่งนำที่ดินยายเนื่อมคืนวัด

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุงในฐานคณะทำงานฝ่ายกฏหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่ป.ป.ช. ชี้มูลว่าต้องนำกลับมาเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ ตามเจตนาของ นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา เจ้าของที่ดินที่ตั้งใจบริจาคให้วัดธรรมาวิการาม วรวิหาร ว่า กรณีนี้ต้องแบ่งออกเป็น 2 ด้านคือ

1.แม้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ จะลาออกจากตำแหน่งต่างๆแล้ว แนวทางที่จะนำที่ดินกลับมาเป็นธรณีสงฆ์คือ อยู่ที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยที่จะต้องมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งเดิมของนายยงยุทธ เมื่อครั้งที่ทำหน้าที่รักษาการรองปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ได้มีคำสั่งเปิดทางว่าที่ดินของนางเนื่อมว่าไม่ตกเป็นธรณีสงฆ์ เนื่องจากคำสั่งของนายยงยุทธเป็นการกระทำผิดกฏหมายชัดเจน ซึ่งส่วนนี้นายยงยุทธก็ต้องไปต่อสู้ในคดีอาญาตามที่ถูกชี้มูลว่าผิด ม. 157 ของป.วิอาญา

2. ผลกระทบที่ตามมาของการบิดเบือนเจตนาเอาที่ดินวัดมาเป็นของเอกชน ส่วนตัวเห็นว่ามีทั้งส่วนที่เป็นบ้านพักอาศัยของประชาชนที่ซื้อบ้านในโครงการราว 294 หลัง กรณีนี้จำเป็นยิ่งที่รัฐบาลต้องคุ้มครองประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องและหลงไปซื้อบ้านในโครงการนี้ด้วยความไม่รู้ และไม่ใช่ความผิดของประชาชน โดยรัฐต้องออกพ.ร.บ. ออกมารองรับเป็นการเฉพาะให้ที่ดินส่วนโครงการบ้านเป็นของประชาชน เพราะเขาซื้อมาถูกต้อง ยกเว้นที่ดินที่ในส่วนที่เป็นสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่ต้องนำกลับมาเป็นที่ธรณีสงฆ์ เพราะเจ้าของโครงการรู้มาก่อนแล้วว่า เจตนาของผู้บริจาคคือมอบให้วัดแต่ยังดำเนินการในบลักาณะที่เป็นกระบวนการใช้กฎหมายและเปลี่ยนมือเจ้าของที่ดิน โดยผู้ที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง อย่างน้อยที่สุดคือการขายที่ดินต่อก็มีกำไร เอาไปสร้างบ้านทำโครงการขายต่อก็มีกำไร ซึ่งในส่วนของผลกำไรจากการขายโครงการบ้านก็ต้องสืบสาวต่อว่า ในฐานะที่ผู้ใดเป็นผู้เสียหายก็สามารถฟ้องร้องต่อได้ตามสิทธิของกฏหมาย ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลต้องเร่งทำ เพราะผ่านมาหลายสิบปีแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น