วานที่ 7 ต.ค.2555 ที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าการทำงานของดีเอสไอส่วนใหญ่จะรับทำในคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ การระบายสต็อกข้าวในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คดีเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดจีที200 คดีเงินบริจาคน้ำท่วมผ่านบริษัทอีสต์ วอเตอร์ฯ ที่ดินเขาแพง โดยเฉพาะในขณะนี้ดีเอสไอพยายามผลักดันกรณี กทม.ต่อสัญญาให้กับบริษัทบีทีเอสซี ในการบริหารรถไฟฟ้า ซึ่งตนอยากตั้งข้อสังเกตว่า ในการประชุมคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ(กคพ.)ชุดใหม่ที่จะมีการประชุมครั้งแรกในวันที่ 10ต.ค.นี้ มีข่าวว่าจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับคดีนี้ด้วย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นห่วงว่าคณะกรรมการพิเศษชุดใหม่ 9คน ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมีการเชื่อมโยงกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่
นายสกลธี กล่าวว่า อย่างไรก็ตามหากพิจารณาในข้อกฎหมายจะพบว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจในการรับเรื่องนี้ไว้เป็นคดีพิเศษแต่อย่างใด เนื่องจากคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับผู้ว่าฯกทม. ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ดังนั้นผู้ที่มีอำนาจโดยตรงที่จะพิจารณาเรื่องนี้ คือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดังนั้นพรรคจึงได้ส่งหนังสือและจดหมายลงทะเบียน ถึงคณะกรรมการคดีพิเศษทุกคนเพื่อยืนยันในข้อกฎหมายดังกล่าวและติดตามผลการประชุม โดยหากมติในที่ประชุมทำให้พรรคหรือผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับความเสียหาย พรรคก็จะขอดำเนินการทางกฎหมายในทุกช่องทาง โดยจะยื่นหนังสือร้องต่อ ป.ป.ช.ให้พิจารณาการทำหน้าที่ของคณะกรรมการคดีพิเศษนี้ด้วย
"นอกจากนี้ที่ผ่านมาพรรคเคยยื่นเรื่องไปยัง ป.ป.ช.เพื่อขอให้ไต่สวน การกระทำอันอาจเข้าข่ายกระทำผิดต่อกฎหมายของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอแล้ว เนื่องจากเห็นว่ามีการกระทำหน้าที่ที่เอนเอียง โดยเฉพาะเร็วๆนี้ที่ทีมโฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงดีเอสไอ ให้สอบเรื่องอุโมงค์ยักษ์และการลอกท่อของกทม. ซึ่งนายธาริตก็ออกมารับลูก และบอกว่าดีเอสไอสอบเรื่องนี้มาพอสมควรแล้ว ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือว่าผิดวิสัย เนื่องจากไม่อยู่ในข่ายที่ดีเอสไอตรวจสอบได้ เพราะโครงการเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับผู้ว่าฯกทม.ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และถือว่าเป็นอำนาจของ ป.ป.ช.เช่นกัน"นายสกลธี กล่าว
นายสกลธี ยังกล่าวว่า อยากให้พรรคเพื่อไทยมั่นใจในความเป็นกลางของ ป.ป.ช. และอยากให้ทุกเรื่องเดินไปอยู่ในจุดที่ถูกต้อง ทั้งนี้ล่าสุดพรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งคณะทำงาน ประกอบไปด้วย ส.ส.กรุงเทพฯ ฝ่ายกฎหมาย และทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อติดตามเรื่องที่พรรคเพื่อไทยต้องการดิสเครดิตการทำงานของผู้ว่ากทม. เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงใกล้หมดวาระการทำงานของผู้ว่าฯ และการเคลื่อนไหวของทีมโฆษกพรรคเพื่อไทยก็น่าเชื่อว่าต้องการทำไปเพื่อดิสเครดิตผู้ว่าฯกทม.
นายสกลธี กล่าวว่า อย่างไรก็ตามหากพิจารณาในข้อกฎหมายจะพบว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจในการรับเรื่องนี้ไว้เป็นคดีพิเศษแต่อย่างใด เนื่องจากคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับผู้ว่าฯกทม. ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ดังนั้นผู้ที่มีอำนาจโดยตรงที่จะพิจารณาเรื่องนี้ คือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดังนั้นพรรคจึงได้ส่งหนังสือและจดหมายลงทะเบียน ถึงคณะกรรมการคดีพิเศษทุกคนเพื่อยืนยันในข้อกฎหมายดังกล่าวและติดตามผลการประชุม โดยหากมติในที่ประชุมทำให้พรรคหรือผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับความเสียหาย พรรคก็จะขอดำเนินการทางกฎหมายในทุกช่องทาง โดยจะยื่นหนังสือร้องต่อ ป.ป.ช.ให้พิจารณาการทำหน้าที่ของคณะกรรมการคดีพิเศษนี้ด้วย
"นอกจากนี้ที่ผ่านมาพรรคเคยยื่นเรื่องไปยัง ป.ป.ช.เพื่อขอให้ไต่สวน การกระทำอันอาจเข้าข่ายกระทำผิดต่อกฎหมายของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอแล้ว เนื่องจากเห็นว่ามีการกระทำหน้าที่ที่เอนเอียง โดยเฉพาะเร็วๆนี้ที่ทีมโฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงดีเอสไอ ให้สอบเรื่องอุโมงค์ยักษ์และการลอกท่อของกทม. ซึ่งนายธาริตก็ออกมารับลูก และบอกว่าดีเอสไอสอบเรื่องนี้มาพอสมควรแล้ว ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือว่าผิดวิสัย เนื่องจากไม่อยู่ในข่ายที่ดีเอสไอตรวจสอบได้ เพราะโครงการเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับผู้ว่าฯกทม.ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และถือว่าเป็นอำนาจของ ป.ป.ช.เช่นกัน"นายสกลธี กล่าว
นายสกลธี ยังกล่าวว่า อยากให้พรรคเพื่อไทยมั่นใจในความเป็นกลางของ ป.ป.ช. และอยากให้ทุกเรื่องเดินไปอยู่ในจุดที่ถูกต้อง ทั้งนี้ล่าสุดพรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งคณะทำงาน ประกอบไปด้วย ส.ส.กรุงเทพฯ ฝ่ายกฎหมาย และทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อติดตามเรื่องที่พรรคเพื่อไทยต้องการดิสเครดิตการทำงานของผู้ว่ากทม. เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงใกล้หมดวาระการทำงานของผู้ว่าฯ และการเคลื่อนไหวของทีมโฆษกพรรคเพื่อไทยก็น่าเชื่อว่าต้องการทำไปเพื่อดิสเครดิตผู้ว่าฯกทม.