ส.ส.แกนนำแดงวอนอย่าเล่นการเมืองขวางงานนาซาขอใช้อู่ตะเภาสำรวจเมฆ อ้างยึดประโยชน์ประเทศเป็นหลัก เชียร์รัฐบาลเดินหน้าจำนำข้าว อ้างสถิติเอฟเอโอ ศักยภาพข้าวไทยราคาดีต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องแข่งต่างชาติ
วันนี้ (3 ต.ค.) นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ประชุมรัฐสภาบรรจุวาระเรื่องด่วนนาซ่าขอใช้พื้นที่สนาบินอู่ตะเภา เพื่อขอความเห็นจากที่ประชุมโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ว่า ตนสังเกตว่าบรรยากาศขณะนี้มีความพยายามเล่นเกมการเมือง ทั้งที่ประเทศไทยได้ประโยชน์ สอดคล้องกับความคิดเห็นของนักวิชาการที่มองว่ามีความจำเป็น ถ้าเราไม่ศึกษาเมฆก็จะไม่รู้สภาพแวดล้อมว่ามีผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อภูมิอากาศได้อย่างไร เชื่อว่าเรื่องนี้ฝ่ายค้านเข้าใจดี แต่กลับนำมาเล่นเกมการเมืองถึงขั้นห่วงใยกองทัพ การโจรกรรมข้อมูลของประเทศจีน ซึ่งจะกลายเป็นจะทำให้สังคมเข้าใจผิดและอาจกระทบต่อความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านได้ จึงขอให้แยกแยะประโยชน์ ความถูกต้องเป็นหลัก ออกจากการเมือง ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะเสียโอกาสได้อีก เพราะอย่างเช่น กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลแทรกแซงงานราชการ ตนก็มองว่าเป็นการกระทำที่ผิดจริง แต่เมื่อเอกสารดังกล่าวถ้าเป็นไปเพื่อช่วยเหลืองานราชการ ตนก็ไม่อยากให้มีถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งเช่นกัน
นายก่อแก้วยังกล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญยุติโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ว่า เรื่องนี้ตนขอสนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป เพราะเป็นโครงการที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนชั้นล่าง การที่รัฐบาลยืนข้างเกษตรกรหลายล้านคนมากกว่าบางคน ถือว่าถูกต้องแล้ว รวมถึงการผลักดันราคาข้าวให้สูงขึ้นก็เหมือนช่วยเกษตรกรเช่นกัน แต่กลับถูกมองว่าเป็นราคาที่สูงกว่าตลาดจนเกินไป ทั้งที่จากการเปรียบเทียบสถิติขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ในราคาข้าวแต่ละประเทศย้อนหลัง เช่น ข้าว 5 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างไทยกับเวียดนาม ที่ผ่านมายอดราคาข้าวไทยก็สูงและอยู่ในเกณฑ์คุณภาพดีมาโดยตลอด ซึ่งการที่ฝ่ายค้านอ้างว่าราคาข้าวไทยจะแข่งกับราคาตลาดโลกไม่ได้นั้นจึงไม่เป็นความจริง จากสถิติก็เห็นได้ว่าประเทศไทยไม่จำเป็นต้องลดราคาข้าวลงมา มีแต่ต้องผลักดันให้สูงขึ้น อีกทั้งตนกลับคิดว่าอดข้าวตายแต่อดน้ำมันไม่ตาย ดังนั้นจึงเชื่อว่าการดำเนินโครงการในขณะนี้กำลังเดินมาด้วยดีแล้ว แต่ต้องยืนให้ได้ด้วย โดยการสต็อกข้าวไว้จำนวนหนึ่งก่อนจะทำตามนโยบายที่รัฐบาลวางแผนไว้ต่อไป แล้วอีก 2-3 ปีข้างหน้ารัฐบาลค่อยมาประเมินว่าเป็นไปตามคาดหวังหรือไม่ และถ้าไม่ค่อยมาทบทวนกันอีกที