xs
xsm
sm
md
lg

ดัชนีความเชื่อมั่นก.ย.หัวทิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ผลพวงเศรษฐกิจโลกซบ คนกังวลน้ำท่วม ปัญหาการเมืองวุ่น กดดันดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคก.ย.หัวทิ่มลงทุกรายการ ต่ำสุดในรอบ 4-10 เดือน แนะรัฐเร่งลงทุนทดแทนรายได้จากการส่งออกที่ชะลอตัว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจประชาชนทั่วประเทศ 2,243 คน เกี่ยวกับความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยเดือนก.ย.2555 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการเป็นเดือนแรก และบางรายการลดต่ำสุดในรอบ 4-10 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย. อยู่ที่ 77.0 ลด จากส.ค. 77.9 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องต่ำเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดรอบ 4 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปัจจุบันเท่ากับ 59.1 ลดจาก 59.7 ปรับตัวลดลงครั้งแรกรอบ 10 เดือน และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตเท่ากับ 83.1 ลดจาก 84.2 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเดือนที่ 4 แต่ต่ำสุดรอบ 7 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม เท่ากับ 67.5 ลดจาก 68.4 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำเท่ากับ 68.9 ลดจาก 69.6 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้อนาคตเท่ากับ 94.8 ลดจาก 95.8
สาเหตุที่ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการ มาจากปัจจัยลบ คือ ความไม่มั่นใจต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม ปัญหาการเมืองที่เกิดการปะทะระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงและเสื้อเหลือง การส่งออกของไทยเดือนส.ค.ขาดดุลการค้า 1,020 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดประมาณการ์ณเศรษฐกิจไทยปี 2555 จาก 5.7% เหลือ 5.5% และผู้บริโภคยังคงกังวลปัญหาค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับรายได้ของประชาชน
ส่วนปัจจัยบวกมีเพียงตลาดหุ้นไทยในเดือนก.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 71.31 จุด ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลง 0.20 บาท คณะกรรมการนโยบายการเงิน คงอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายไว้ 3.00%
นายธนวรรธน์กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนก.ย.ดังกล่าว สอดคล้องกับการสำรวจการใช้จ่ายเกี่ยวกับการซื้อสินค้าคงทุนของประชาชน โดยดัชนีความเชื่อมั่นในการซื้อรถยนต์คันใหม่ บ้านหลังใหม่ การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว และการลงทุนทำธุรกิจเอสเอ็มอี ปรับตัวลดลงทุกรายการ เช่นเดียวกับผลสำรวจภาวะสังคมของผู้บริโภคที่พบว่า ดัชนีความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองลดลงมาอยู่ 68.5 ถือเป็นการลดลงมากถึง 3 จุดจากเดือนส.ค.อยู่ที่ 71.8 สะท้อนคนกังวลปัญหาการเมืองมากขึ้น รวมถึงดัชนีการวัดค่าครองชีพปรับตัวเหลือ 52.0 จาก 53.3
"สิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งทำคือการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ เพื่อชดเชยการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ซึ่งเชื่อว่าเม็ดเงินที่ใช้แก้ปัญหาน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท และงบลงทุนในปีหน้าอีก 3 แสนล้านบาท จะเป็นเม็ดเงินมากพอที่จะหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เพียงแต่รัฐบาลต้องเร่งนำเม็ดเงินเข้ามาให้เร็วทั้งการก่อสร้างสาธารณูปโภค เช่น รถไฟฟ้า การก่อสร้างระบบรางทั่วประเทศ ประกอบกับเม็ดเงินที่รัฐบาลจะใช้จำนำข้าวนาปีฤดูกาลใหม่อีก 1.5 แสนล้านบาท รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ยังดีอยู่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยปีหน้าขยายตัว 4.5-5% ส่วนปีนี้เศรษฐกิจไทยยังโตได้ 5-5.5% ส่วนภาคส่งออกที่คาดว่าเติบโต 5-10% ไม่ได้ช่วยผลักดันเศรษฐกิจขยายตัวเท่าไร"นายธนวรรธน์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น