เพชรบุรี - เผยผลตรวจ 3 โครงกระดูกในไร่ "หมอสุพัฒน์" เสร็จแล้ว 1 ไม่ตรงกับ 2 สามีภรรยาที่สูญหาย ส่วนอีก 2 โครงคาดเสร็จวันนี้ แต่สื่อแววไม่น่าจะใช่เช่นเดียวกัน แต่ต้องรอผลตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเออีกครั้งหนึ่ง ส่วน "พ่อเหยื่อ" ยังมั่นใจเป็นกระดูกลูกชาย ขณะที่ผู้ว่าฯเพชรบุรี สั่ง จนท.แจ้งความเพิ่มอีกหลายข้อหาทั้ง "มีแรงงานเถื่อน-ค้ามนุษย์" วันนี้
วานนี้ (27 ก.ย.) ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ พร้อม พล.ต.ต.สมบูรณ์ ตันตระกูล ผบก.นต. พ.ต.อ.พรชัย สุธีรคุณ รอง ผบก.นต.แถลงข่าวการตรวจพิสูจน์โครงกระดูกทั้ง 3 โครงกระดูกที่พบในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยาเมื่อกว่า 3 ปีที่ผ่านมาว่า โครงกระดูกรายที่ 1 สถาบันนิติเวชวิทยาได้รับศพเมื่อวันที่ 21 ก.ย.55 ผลการตรวจเป็นศพเพศชาย สูงประมาณ 168-172 ซม.อายุประมาณ 17-18 ปี กระดูกลักษณะค่อนข้างสมบูรณ์ น่าจะเก็บกระดูกได้ครบทุกชิ้น ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้ชัดเจน เนื่องจากไม่พบร่องรอยที่ชัดเจนจากส่วนของกระดูกที่ตรวจได้มีการตรวจหาสารพันธุกรรม (DNA) ไว้แล้วยังไม่สามารถระบุอัตลักษณ์บุคคลได้และไม่มีความสัมพันธ์กับครอบครัวนายสามารถ นุ่มจุ้ย และน.ส.อรสา เกิดทรัพย์เลย
ส่วนโครงกระดูกรายที่ 2 สถาบันนิติเวชวิทยาได้รับศพเมื่อวันที่ 24 ก.ย.55 ผลการตรวจสันนิษฐานเป็นศพเพศชาย สูงประมาณ 167-174 ซม.อายุ 40- 50 ปี กระดูกมีลักษณะเสื่อมสภาพ น่าจะเก็บกระดูกได้ครบทุกชิ้น อยู่ระหว่างการตรวจหาดีเอ็นเอ สาเหตุการตายสันนิษฐานว่าบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง เนื่องจากตรวจพบร่องรอยเข้าได้กับทางเข้าของกระสุนปืน 1 รู ที่กะโหลกศีรษะด้านหลังซ้าย ยังไม่สามารถระบุอัตลักษณ์บุคคลได้
โครงกระดูกรายที่ 3 ยังไม่สามารถระบุเพศได้ ยังไม่สามารถระบุความสูงได้ อายุประมาณ 18-19 ปี อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจหาดีเอ็นเอ ยังไม่สามารถระบุอัตลักษณ์บุคคลได้ สันนิษฐานว่าสาเหตุการตายจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง เนื่องจากตรวจพบร่องรอยเข้าได้กับทางเข้าของกระสุนปืน 3 รูอยู่ชิดกันเป็นกลุ่ม ที่กะโหลกศีรษะด้านหลังซ้าย
ทั้ง 3 ศพจากผลการตรวจพบว่าเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 1 ปี สำหรับดีเอ็นเอ 2 ศพที่เหลือน่าจะทราบผลภายในคืนนี้และจะแถลงผลให้ทราบในวันนี้ (28 ก.ย.) แต่จากที่การตรวจฟันเพื่อระบุอายุ ซึ่งมีความแม่นยำ 99 เปอร์เซ็นต์ ศพที่ 2 และ 3 ก็ไม่น่าจะใช่นายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ เนื่องจากช่วงอายุไม่ตรงกันกับนายสามารถที่เสียชีวิตอายุ 26-27 ปี แต่ศพที่ 3 นั้นอายุประมาณ 40-45 ปี อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการตรวจดีเอ็นเออย่างเป็นทางการอีกครั้ง สำหรับใครที่ส่งสัยว่าศพทั้ง 3 ศพ จะเป็นญาติที่สูญหายไปสามารถมาตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอซึ่งสามารถระบุได้ชัดเจน 99.99 เปอร์เซ็นต์
“สำหรับเสื้อผ้าที่พบในศพที่ 2 ซึ่งญาติระบุว่าเป็นเสื้อของนายสามารถ นั้นทางนิติเวชไม่ได้เป็นคนตรวจ เป็นหน้าที่ของกองพิสูจน์หลักฐานเป็นผู้ดำเนินการ” แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจระบุ
พล.ต.ท.จงเจตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนนายกะลา คนงานพม่านั้นเคยมีประวัติการรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อ วันที่ 5-23 ส.ค.2554 โดยมี นพ.สุพัฒน์ นำตัวมารักษาจากการตกจากต้นไม้ กระดูกสันหลังหักและเคลื่อนที่ทำให้เกิดอาการอัมพาตครึ่งซีก แต่หลังจากการรักษาก็ดีขึ้นได้รับการผ่าตัด กระดูกต้นแขนซ้ายหักก็รักษาจนหายดี โดย นพ.สุพัฒน์เป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด โดยนายกะลาบอกว่าเป็นอุบัติเหตุไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด
ที่ สภ.ท่าไม้รวก จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่กลุ่มงานสืบสวนภูธรจังหวัดเพชรบุรี ได้นำอาวุธปืนรวม 7 กระบอก ประกอบด้วยปืนยาว 5 กระบอก ปืนสั้น 2 กระบอก ที่ตรวจยึดได้มาจากอพาตเม้นและบ้านพักของภรรยาที่ 3 และ 4 ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ในพื้นที่บางแคและลาดพร้าวมาส่งมอบให้กับทางพนักงานสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก เพื่อ นำส่งกองพิสูจน์หลักฐาน
พล.ต.ต.จุตติ ธรรมมโนวานิช รอง ผบช.ภ.7 กล่าวถึงผลการตรวจ 3 โครงการดูก ซึ่งไม่น่าจะใช่นายสามารถ และ น.ส.อรษาว่า เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำเข้าที่ประชุมและสรุปผลอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไต่ตรองไว้ก่อนได้ แม้จะไม่เจอศพของนายสามารถ และ น.ส.อรษา ก็สามารถดำเนินคดีได้เช่นเดียวกัน เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจน
"ส่วนกรณีที่นายกะลา ลูกน้อง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่กล่าวหา พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ว่า ยิงนายมิด้า เพื่อนชาวพม่าโดยมีบุตรชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ร่วมอยู่ด้วยนั้น ยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ และพัฒนาสังคมและความมั่นคงจองมนุษย์จังหวัดเพชรบุรี ก็ได้มาแจ้งข้อกล่าวหาคดีค้ามนุษย์กับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เพิ่มเติมด้วย" พล.ต.ต.จุตติ กล่าว
ขณะที่นางศุภามาศ เครือนาค หัวหน้าสำนักงานจัดหางานจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือลงนามโดยนายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ให้ทำการตรวจสอบเรื่องการจ้างแรงงานต่างด้าวถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่านายกะลา คนงานภายในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ซึ่งเป็นชาวพม่า ไม่มีหนังสืออนุญาตเข้าเมืองและหนังสืออนุญาตให้ทำงานได้ในประเทศ จึงถือเป็นความผิด ตามมาตรา 54 แห่ง พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2552 โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าประสานงานกับพนักงานสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และนางสาววิลสา ในข้อหารับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงาน
สำหรับในส่วนข้อหาการหลบหนีเข้าเมืองของนายกะลา นั้น เป็นหน้าที่ของตำรวจโดยตรง ซึ่งขณะนี้นายกะลาก็ถูกตำรวจควบคุมตัวอยู่แล้ว ส่วนในของความผิดในข้อหาค้ามนุษย์นั้นอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ด้านนายสว่าง นุ่มจุ้ย พ่อนายสามารถ กล่าวว่า ตามที่ผลการตรวจดีเอ็นเอว่า โครงกระดูกสโครงแรกไม่ใช่นายสามารถ เนื่องจากผลดีเอ็นเอจากพ่อแม่และลูกไม่ตรงกัน โดยโครงกระดูกดังกล่าวเป็นเพศชาย อายุประมาณ 17-18 ปี ความสูงประมาณ 168-172 ซม. เสียชีวิตมานานกว่า 1 ปี ส่วนโครงกระดูกที่ 2 และที่ 3 คาดว่าไม่น่าจะใช่นายสามารถ เช่นกัน เนื่องจากตรวจรากฟันพบว่า อายุไม่ใกล้เคียงกับนายสามารถ และภรรยา ซึ่งระหว่างนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจดีเอ็นเอ แต่ยังเชื่อมั่นว่า เป็นโครงกระดูกนายสามารถ ลูกชายตน และยังคงต้องหานางอรษา ลูกสะใภ้ของตนอีกคนต่อไป
วานนี้ (27 ก.ย.) ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ พร้อม พล.ต.ต.สมบูรณ์ ตันตระกูล ผบก.นต. พ.ต.อ.พรชัย สุธีรคุณ รอง ผบก.นต.แถลงข่าวการตรวจพิสูจน์โครงกระดูกทั้ง 3 โครงกระดูกที่พบในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยาเมื่อกว่า 3 ปีที่ผ่านมาว่า โครงกระดูกรายที่ 1 สถาบันนิติเวชวิทยาได้รับศพเมื่อวันที่ 21 ก.ย.55 ผลการตรวจเป็นศพเพศชาย สูงประมาณ 168-172 ซม.อายุประมาณ 17-18 ปี กระดูกลักษณะค่อนข้างสมบูรณ์ น่าจะเก็บกระดูกได้ครบทุกชิ้น ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้ชัดเจน เนื่องจากไม่พบร่องรอยที่ชัดเจนจากส่วนของกระดูกที่ตรวจได้มีการตรวจหาสารพันธุกรรม (DNA) ไว้แล้วยังไม่สามารถระบุอัตลักษณ์บุคคลได้และไม่มีความสัมพันธ์กับครอบครัวนายสามารถ นุ่มจุ้ย และน.ส.อรสา เกิดทรัพย์เลย
ส่วนโครงกระดูกรายที่ 2 สถาบันนิติเวชวิทยาได้รับศพเมื่อวันที่ 24 ก.ย.55 ผลการตรวจสันนิษฐานเป็นศพเพศชาย สูงประมาณ 167-174 ซม.อายุ 40- 50 ปี กระดูกมีลักษณะเสื่อมสภาพ น่าจะเก็บกระดูกได้ครบทุกชิ้น อยู่ระหว่างการตรวจหาดีเอ็นเอ สาเหตุการตายสันนิษฐานว่าบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง เนื่องจากตรวจพบร่องรอยเข้าได้กับทางเข้าของกระสุนปืน 1 รู ที่กะโหลกศีรษะด้านหลังซ้าย ยังไม่สามารถระบุอัตลักษณ์บุคคลได้
โครงกระดูกรายที่ 3 ยังไม่สามารถระบุเพศได้ ยังไม่สามารถระบุความสูงได้ อายุประมาณ 18-19 ปี อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจหาดีเอ็นเอ ยังไม่สามารถระบุอัตลักษณ์บุคคลได้ สันนิษฐานว่าสาเหตุการตายจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง เนื่องจากตรวจพบร่องรอยเข้าได้กับทางเข้าของกระสุนปืน 3 รูอยู่ชิดกันเป็นกลุ่ม ที่กะโหลกศีรษะด้านหลังซ้าย
ทั้ง 3 ศพจากผลการตรวจพบว่าเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 1 ปี สำหรับดีเอ็นเอ 2 ศพที่เหลือน่าจะทราบผลภายในคืนนี้และจะแถลงผลให้ทราบในวันนี้ (28 ก.ย.) แต่จากที่การตรวจฟันเพื่อระบุอายุ ซึ่งมีความแม่นยำ 99 เปอร์เซ็นต์ ศพที่ 2 และ 3 ก็ไม่น่าจะใช่นายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ เนื่องจากช่วงอายุไม่ตรงกันกับนายสามารถที่เสียชีวิตอายุ 26-27 ปี แต่ศพที่ 3 นั้นอายุประมาณ 40-45 ปี อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการตรวจดีเอ็นเออย่างเป็นทางการอีกครั้ง สำหรับใครที่ส่งสัยว่าศพทั้ง 3 ศพ จะเป็นญาติที่สูญหายไปสามารถมาตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอซึ่งสามารถระบุได้ชัดเจน 99.99 เปอร์เซ็นต์
“สำหรับเสื้อผ้าที่พบในศพที่ 2 ซึ่งญาติระบุว่าเป็นเสื้อของนายสามารถ นั้นทางนิติเวชไม่ได้เป็นคนตรวจ เป็นหน้าที่ของกองพิสูจน์หลักฐานเป็นผู้ดำเนินการ” แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจระบุ
พล.ต.ท.จงเจตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนนายกะลา คนงานพม่านั้นเคยมีประวัติการรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อ วันที่ 5-23 ส.ค.2554 โดยมี นพ.สุพัฒน์ นำตัวมารักษาจากการตกจากต้นไม้ กระดูกสันหลังหักและเคลื่อนที่ทำให้เกิดอาการอัมพาตครึ่งซีก แต่หลังจากการรักษาก็ดีขึ้นได้รับการผ่าตัด กระดูกต้นแขนซ้ายหักก็รักษาจนหายดี โดย นพ.สุพัฒน์เป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด โดยนายกะลาบอกว่าเป็นอุบัติเหตุไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด
ที่ สภ.ท่าไม้รวก จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่กลุ่มงานสืบสวนภูธรจังหวัดเพชรบุรี ได้นำอาวุธปืนรวม 7 กระบอก ประกอบด้วยปืนยาว 5 กระบอก ปืนสั้น 2 กระบอก ที่ตรวจยึดได้มาจากอพาตเม้นและบ้านพักของภรรยาที่ 3 และ 4 ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ในพื้นที่บางแคและลาดพร้าวมาส่งมอบให้กับทางพนักงานสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก เพื่อ นำส่งกองพิสูจน์หลักฐาน
พล.ต.ต.จุตติ ธรรมมโนวานิช รอง ผบช.ภ.7 กล่าวถึงผลการตรวจ 3 โครงการดูก ซึ่งไม่น่าจะใช่นายสามารถ และ น.ส.อรษาว่า เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำเข้าที่ประชุมและสรุปผลอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไต่ตรองไว้ก่อนได้ แม้จะไม่เจอศพของนายสามารถ และ น.ส.อรษา ก็สามารถดำเนินคดีได้เช่นเดียวกัน เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจน
"ส่วนกรณีที่นายกะลา ลูกน้อง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่กล่าวหา พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ว่า ยิงนายมิด้า เพื่อนชาวพม่าโดยมีบุตรชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ร่วมอยู่ด้วยนั้น ยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ และพัฒนาสังคมและความมั่นคงจองมนุษย์จังหวัดเพชรบุรี ก็ได้มาแจ้งข้อกล่าวหาคดีค้ามนุษย์กับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เพิ่มเติมด้วย" พล.ต.ต.จุตติ กล่าว
ขณะที่นางศุภามาศ เครือนาค หัวหน้าสำนักงานจัดหางานจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือลงนามโดยนายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ให้ทำการตรวจสอบเรื่องการจ้างแรงงานต่างด้าวถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่านายกะลา คนงานภายในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ซึ่งเป็นชาวพม่า ไม่มีหนังสืออนุญาตเข้าเมืองและหนังสืออนุญาตให้ทำงานได้ในประเทศ จึงถือเป็นความผิด ตามมาตรา 54 แห่ง พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2552 โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าประสานงานกับพนักงานสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และนางสาววิลสา ในข้อหารับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงาน
สำหรับในส่วนข้อหาการหลบหนีเข้าเมืองของนายกะลา นั้น เป็นหน้าที่ของตำรวจโดยตรง ซึ่งขณะนี้นายกะลาก็ถูกตำรวจควบคุมตัวอยู่แล้ว ส่วนในของความผิดในข้อหาค้ามนุษย์นั้นอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ด้านนายสว่าง นุ่มจุ้ย พ่อนายสามารถ กล่าวว่า ตามที่ผลการตรวจดีเอ็นเอว่า โครงกระดูกสโครงแรกไม่ใช่นายสามารถ เนื่องจากผลดีเอ็นเอจากพ่อแม่และลูกไม่ตรงกัน โดยโครงกระดูกดังกล่าวเป็นเพศชาย อายุประมาณ 17-18 ปี ความสูงประมาณ 168-172 ซม. เสียชีวิตมานานกว่า 1 ปี ส่วนโครงกระดูกที่ 2 และที่ 3 คาดว่าไม่น่าจะใช่นายสามารถ เช่นกัน เนื่องจากตรวจรากฟันพบว่า อายุไม่ใกล้เคียงกับนายสามารถ และภรรยา ซึ่งระหว่างนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจดีเอ็นเอ แต่ยังเชื่อมั่นว่า เป็นโครงกระดูกนายสามารถ ลูกชายตน และยังคงต้องหานางอรษา ลูกสะใภ้ของตนอีกคนต่อไป