เพชรบุรี - ผู้ว่าฯ เพชรบุรี สั่งเจ้าหน้าที่เตรียมหอบหลักฐานเข้าแจ้งความ “หมอสุพัฒน์” เพิ่มอีกหลายข้อหาวันพรุ่งนี้ (28 ก.ย.) ทั้งรับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงาน และค้ามนุษย์ ด้าน “พ่อ” ลูกชาย และลูกสะใภ้ที่สูญหายยันเคารพผลตรวจ DNA แต่ยังมั่นใจเป็นกระดูกลูกชาย
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีฆ่าหมกศพ 2 ผัวเมียชาวท่าไม้รวก ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรีว่า ล่าสุด วันนี้ (27 ก.ย.) นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ได้สั่งการให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดเพชรบุรี ทำการตรวจสอบเรื่องการจ้างแรงงานต่างด้าว กรณีนายกะลา แรงงานชาวพม่า คนสนิทของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตนายแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา และเป็นพยานปากเอก ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ พร้อมทั้งแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ข้อหารับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงาน และค้ามนุษย์
นางศุภามาศ เครือนาค หัวหน้าสำนักงานจัดหางานจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือลงนามโดยนายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ให้ทำการตรวจสอบเรื่องการจ้างแรงงานต่างด้าวถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่า นายกะลา คนงานภายในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ซึ่งเป็นชาวพม่า ไม่มีหนังสืออนุญาตเข้าเมือง และหนังสืออนุญาตให้ทำงานได้ในประเทศ จึงถือเป็นความผิดตามมาตรา 54 แห่ง พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2552 โดยขณะนี้ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าประสานงานกับพนักงานสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ และน.ส.วิลสา จันทรบัญชา ในข้อหารับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงานแล้ว ซึ่งหากพนักงานสอบสวนสะดวกในวันนี้ ก็จะเข้าแจ้งความทันที แต่อย่างช้าไม่เกินวันพรุ่งนี้ (28 ก.ย.)
สำหรับในส่วนข้อหาการหลบหนีเข้าเมืองของนายกะลา นั้น เป็นหน้าที่ของตำรวจโดยตรง ซึ่งขณะนี้ นายกะลาก็ถูกตำรวจควบคุมตัวอยู่แล้ว ส่วนในของความผิดในข้อหาค้ามนุษย์นั้นอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งแต่ละหน่วยงานได้ทำหน้าที่ และตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ส่วนการดำเนินคดีก็ขึ้นอยู่กับว่าหน่วยงานใดรับผิดชอบในด้านใดเท่านั้น
ด้านนายสว่าง นุ่มจุ้ย พ่อของนายสามารถ นุ่มจุ้ย กล่าวว่า ตามที่ผลการตรวจดีเอ็นเอ ที่ทางแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจแถลงผลออกมาว่า โครงกระดูกโครงแรกไม่ใช่นายสามารถ เนื่องจากผลดีเอ็นเอจากพ่อแม่และลูกไม่ตรงกัน โดยโครงกระดูกดังกล่าวเป็นเพศชาย อายุประมาณ 17-18 ปี ความสูงประมาณ 168-172 ซม. เสียชีวิตมานานกว่า 1 ปี ส่วนโครงกระดูกที่ 2 และที่ 3 ความว่าไม่น่าจะใช่นายสามารถเช่นกัน เนื่องจากตรวจรากฟันพบว่า อายุไม่ใกล้เคียงกับนายสามารถ และภรรยา ซึ่งระหว่างนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจดีเอ็นเอ เรื่องนี้ตนเคารพในผลการตรวจของแพทย์ แต่ยังเชื่อมั่นว่า เป็นโครงกระดูกนายสามารถลูกชายตนเอง และยังคงต้องหานางอรษา เกิดทรัพย์ ลูกสะใภ้ของตนอีกคนต่อไป