ผลตรวจ 3 ศพออกแล้ว คาดว่าไม่น่าจะใช่ศพสองสามีภรรยาที่หายตัวไป เนื่องจากช่วงอายุไม่ตรงกัน ฟันธงศพแรกเป็นเพศชายไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสองสามีภรรยาเลย แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจชี้ประวัติการรักษาตัว “หม่องกะลา” ลูกน้องของ “หมอสุพัฒน์” กระดูกสันหลังหักเนื่องจากตกจากต้นไม้จนเป็นอัมพาตครึ่งซีก “หมอสุพัฒน์” เป็นคนออกค่ารักษาจนหายทั้งหมด เผยกะลายันอุบัติเหตุไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย พร้อมประชาสัมพันธ์ใครสงสัยว่าน่าเป็นญาติให้รีบเข้าเอาตัวอย่างเลือดเทียบดีเอ็นเอ รับรองผล 99.99 เปอร์เซ็นต์!
ที่โรงพยาบาลตำรวจ วันที่ 27 กันยายน พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบูรณ์ ตันตระกูล ผบก.นต. พ.ต.อ.พรชัย สุธีรคุณ รอง ผบก.นต. แถลงข่าวการตรวจพิสูจน์โครงกระดูกทั้ง 3 โครงกระดูกที่พบในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ นพ.(สบ 5) กลุ่มงานเวชศาสตร์และครอบครัว รพ.ตำรวจ ผู้ต้องสงสัยอุ้มสองสามีภรรยาว่า โครงกระดูกรายที่ 1 สถาบันนิติเวชวิทยา ได้รับศพเมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2555 ผลการตรวจเป็นศพเพศชาย สูงประมาณ 168-172 ซม. อายุประมาณ 17-18 ปี กระดูกลักษณะค่อนข้างสมบูรณ์ น่าจะเก็บกระดูกได้ครบทุกชิ้น ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้ชัดเจน เนื่องจากไม่พบร่องรอยที่ชัดเจนจากส่วนของกระดูกที่ตรวจได้มีการตรวจหาสารพันธุกรรม (DNA) ไว้แล้วยังไม่สามารถระบุอัตลักษณ์บุคคลได้ และไม่มีความสัมพันธ์กับครอบครัวนายสามารถ นุ่มจุ้ย และน.ส.อรสา เกิดทรัพย์เลย
พล.ต.ท.จงเจตน์กล่าวต่อว่า โครงกระดูกรายที่ 2 สถาบันนิติเวชวิทยาได้รับศพเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2555 ผลการตรวจสันนิษฐานเป็นศพเพศชาย สูงประมาณ 167-174 ซม.อายุ 40- 50 ปี กระดูกมีลักษณะเสื่อมสภาพ น่าจะเก็บกระดูกได้ครบทุกชิ้น อยู่ระหว่างการตรวจหาดีเอ็นเอ สาเหตุการตายสันนิษฐานว่าบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง เนื่องจากตรวจพบร่องรอยเข้าได้กับทางเข้าของกระสุนปืน 1 รู ที่กะโหลกศีรษะด้านหลังซ้าย ยังไม่สามารถระบุอัตลักษณ์บุคคลได้
พล.ต.ท.จงเจตน์กล่าวอีกว่า สำหรับโครงกระดูกรายที่ 3 สถาบันนิติเวชวิทยาได้รับศพมาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2555 พร้อมกับโครงที่ 2 ผลการตรวจยังไม่สามารถระบุเพศได้ ยังไม่สามารถระบุความสูงได้ อายุประมาณ 18-19 ปี อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจหาดีเอ็นเอ ยังไม่สามารถระบุอัตลักษณ์บุคคลได้ สันนิษฐานว่าสาเหตุการตายจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง เนื่องจากตรวจพบร่องรอยเข้าได้กับทางเข้าของกระสุนปืน 3 รูอยู่ชิดกันเป็นกลุ่ม ที่กะโหลกศรีษะด้านหลังซ้าย
พล.ต.ท.จงเจตน์กล่าวอีกว่า ทั้ง 3 ศพจากผลการตรวจพบว่าเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 1 ปี สำหรับดีเอ็นเอ 2 ศพที่เหลือน่าจะทราบผลภายในคืนนี้และจะแถลงผลให้ทราบในวันพรุ่งนี้ แต่จากที่การตรวจฟันเพื่อระบุอายุซึ่งมีความแม่นยำ 99 เปอร์เซ็นต์ ศพที่ 2 และ 3 ก็ไม่น่าจะใช่นายสามารถ และน.ส.อรสา เนื่องจากช่วงอายุไม่ตรงกันกับนายสามารถที่เสียชีวิตอายุ 26-27 ปี แต่ศพที่ 3 นั้นอายุประมาณ 40-45 ปี อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการตรวจดีเอ็นเออย่างเป็นทางการอีกครั้ง สำหรับใครที่ส่งสัยว่าศพทั้ง 3 ศพจะเป็นญาติที่สูญหายไปสามารถมาตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอซึ่งสามารถระบุได้ชัดเจน 99.99 เปอร์เซ็นต์
“สำหรับเสื้อผ้าที่พบในศพที่ 2 ซึ่งญาติระบุว่าเป็นเสื้อของนายสามารถนั้นทางนิติเวชไม่ได้เป็นคนตรวจ เป็นหน้าที่ของกองพิสูจน์หลักฐานเป็นผู้ดำเนินการ” แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจระบุ
พล.ต.ท.จงเจตน์กล่าวต่อว่า ส่วนนายกะลาคนงานพม่านั้นเคยมีประวัติการรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อ วันที่ 5-23 ส.ค. 2554 โดยมี นพ.สุพัฒน์นำตัวมารักษาจากการตกจากต้นไม้ กระดูกสันหลังหักและเคลื่อนที่ทำให้เกิดอาการอัมพาตครึ่งซีก แต่หลังจากการรักษาก็ดีขึ้นได้รับการผ่าตัด กระดูกต้นแขนซ้ายหักก็รักษาจนหายดี โดย นพ.สุพัฒน์เป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด โดยนายกะลาบอกว่าเป็นอุบัติเหตุไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด
