ASTVผู้จัดการรายวัน – “เศรษฐีไทย” เป็นที่หมายปองของอสังหาฯนอก ซีบี ริชาร์ดฯ เผยคอนโดฯในอังกฤษจ่อคิวจัดโรดโชว์ในไทยเพียบ ล่าสุดขนโครงการฟิทซ์รอย เพลส คอนโดฯหรูย่านออกซฟอร์ด สตรีท ใจกลางกรุงลอนดอน ออกขายในราคาเริ่มต้น 45 ล้านบาท เผยคนไทยซื้อไปแล้ว 7 ยูนิต มูลค่าเกือบ 640 ล้านบาท
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ดเอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเอเชียและกลุ่มประเทศในอาเซียน ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จากทั่วโลก เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีการเติบโตของเศรษฐกิจที่ดี ประชากรมีกำลังซื้อสูงยกเว้นเวียดนามเพียงประเทศเดียวที่มีความผันผวนของเศรษฐกิจในขณะที่กลุ่มประเทศยุโรปได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กำลังซื้อลดลง ทำให้ผู้ประกอบการาจากแถบประเทศยุโรปนำโครงการออกมาจัดแสดง (โรดโชว์) ในเอเชียเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ
สำหรับประเทศไทยที่ผ่านมาผู้ประกอบการจากต่างชาตินำโครงการที่อยู่อาศัยมาโรดโชว์ซึ่งหลายโครงการประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ และล่าสุดบริษัทได้นำโครงการฟิทซ์รอย เพลส คอนโดฯหรูย่านออกซฟอร์ด สตรีท ใจกลางกรุงลอนดอนมาเสนอขาย โครงการดังกล่าวเป็นการผสมผสานระหว่าง ที่อยู่อาศัย(คอนโดมิเนียม) จำนวน 291 ยูนิต และศูนย์สรรพสินค้า จำนวน 8 อาคาร เนื้อที่รวมกว่า
57,000 ตารางเมตร โดยจะนำห้องชุดในอาคาร 5A จำนวน 35 ยูนิต ขนาด 1 ห้องนอน 60 ตร.ม. , ขนาด 2 และ 3 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 45-200 ล้านบาทมาเสนอขายให้แก่เศรษฐีชาวไทยก่อน
“เมื่อ 2 เดือนก่อนได้นำห้องชุดในอาคารอื่นมาเสนอขายแล้วปรากฎว่ามียอดขายแล้ว 7 ยูนิต มูลค่ารวม 639 ล้านบาท และล่าสุดชาวสิงคโปร์ที่ทำงานในเมืองไทยได้จองห้องชุดขนาด 1 ห้องนอนมูลค่า 63 ล้านบาท ซึ่งบริษัทตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถขายได้ประมาณ 20 ยูนิต” นางสาวอลิวัสสา กล่าว
สำหรับอสังหาริมทรัพย์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษนั้น ซึ่งเป็นอีกเมืองที่มีความนาสนใจในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยไว้สำหรับลงทุนหรือเป็นบ้านหลังที่สอง เนื่องจากมีการเติบโตอย่างคงที่เสมอมา แม้ว่าจะประสบกับวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2009 ราคาตกลงไปเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น ซึ่งนับจากปี 2010 จนถึงปัจจุบันมีการเติบโตขึ้นแล้ว 35%และหากเทียบกับช่างที่มีการเติบโตสูงสุดในปี 2007 แล้วจะพบว่าในปัจจุบันโตเลยช่วงนั้นมาแล้ว 16% โดยอัตราผลตอบแทนสำหรับการปล่อยเช่าจะอยู่ที่ประมาณ 5-6%กฎหมายมีความชัดเจน เอื้อต่อชาวต่างชาติในการซื้อ กำไรจากการขายบ้านไม่ต้องเสียภาษี ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ประมาณ 50 บาท/ปอนด์ เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่อยู่ที่ 60-70 บาท/ปอนด์ และหากไม่ซื้อในช่วงนี้ค่าเงินอาจปรับขึ้นได้ในอนาคต
นอกจากนี้เหตุผลหลังที่คนไทยและชาวต่างชาติอื่นซื้ออสังหาฯใน ลอนดอน การเป็นศูนย์กลางการศึกษาที่เศรษฐีจากทั่วโลกมักส่งลูกหลานเป็นเรียนหนังสื้อที่นั้น ซึ่งถือเป็นเหตุผลหลังที่ชาวต่างชาติซื่อบ้านที่ลอนดอน เพราะเมื่อเทียบกับการจ่ายค่าเช่าแล้วถือว่ามีความคุ้มค่า กล่าวคือ ราคาขายห้องชุดจะอยู่ที่ตารางเมตรละ 0.7 – 1.3 ล้านบาทเมื่อเทียบกับค่าเช่าอพาร์ตเมนต์จะมีราคาค่าเช่าห้องขาด 1 ห้องนอนตกราว 350-750 ปอนด์/สัปดาห์ หรือประมาณ 1.5 แสนบาท/เดือน บางโครงการมีราคาสูงถือ 1,000-1,500 ปอนด์/สัปดาห์
นางสาวอลิวัสสา กล่าวต่อว่า อสังหาฯในลอนดอนเป็นเช่นเดียวกับอสังหาฯทั่วโลก คือเมือใดที่มีการเติบโตสูงก็จะมีนักลงทุนสนใจเข้าไปลงทุนเป็นจำนวนมาก แต่การลงทุนในอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่าย นับตั้งแต่การได้มาซึ่งที่ดินไปจนถึงการขออนุญาตก่อสร้างใช้เวลานานถึง 5-7 ปี นอกจากนี้ที่ดินที่จะนำมาพัฒนานั้นก็มีน้อยมาก นอกจากการนำตึกเก่ามาพัฒนาใหม่ หรือขยายการลงทุนไปยังย่านนอกเมืองแทน นอกจากนี้การปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินยังทำได้อยากมาก โดยจะปล่อยให้ผู้ประกอบการเพียง 50% เท่านั้น ส่วนที่เหลือผู้ประกอบการมักไประดมทุนผ่านช่องทางอื่นๆแทน
ปัจจุบัยข้างต้นจึงทำให้อสังหาฯในลอนดอนเป็นที่ต้องการเนื่องจากซัพพลายในตลาดมีน้อย จากผลสำรวจของบริษัทพบว่า ณ สิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาที่อยู่อาศัยใหม่ในกรุงลอนดอนเหลือขายในตลาดเพียง 4,182 ยูนิตเท่านั้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีเพียง 2,832 ยูนิต
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ดเอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเอเชียและกลุ่มประเทศในอาเซียน ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จากทั่วโลก เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีการเติบโตของเศรษฐกิจที่ดี ประชากรมีกำลังซื้อสูงยกเว้นเวียดนามเพียงประเทศเดียวที่มีความผันผวนของเศรษฐกิจในขณะที่กลุ่มประเทศยุโรปได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กำลังซื้อลดลง ทำให้ผู้ประกอบการาจากแถบประเทศยุโรปนำโครงการออกมาจัดแสดง (โรดโชว์) ในเอเชียเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ
สำหรับประเทศไทยที่ผ่านมาผู้ประกอบการจากต่างชาตินำโครงการที่อยู่อาศัยมาโรดโชว์ซึ่งหลายโครงการประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ และล่าสุดบริษัทได้นำโครงการฟิทซ์รอย เพลส คอนโดฯหรูย่านออกซฟอร์ด สตรีท ใจกลางกรุงลอนดอนมาเสนอขาย โครงการดังกล่าวเป็นการผสมผสานระหว่าง ที่อยู่อาศัย(คอนโดมิเนียม) จำนวน 291 ยูนิต และศูนย์สรรพสินค้า จำนวน 8 อาคาร เนื้อที่รวมกว่า
57,000 ตารางเมตร โดยจะนำห้องชุดในอาคาร 5A จำนวน 35 ยูนิต ขนาด 1 ห้องนอน 60 ตร.ม. , ขนาด 2 และ 3 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 45-200 ล้านบาทมาเสนอขายให้แก่เศรษฐีชาวไทยก่อน
“เมื่อ 2 เดือนก่อนได้นำห้องชุดในอาคารอื่นมาเสนอขายแล้วปรากฎว่ามียอดขายแล้ว 7 ยูนิต มูลค่ารวม 639 ล้านบาท และล่าสุดชาวสิงคโปร์ที่ทำงานในเมืองไทยได้จองห้องชุดขนาด 1 ห้องนอนมูลค่า 63 ล้านบาท ซึ่งบริษัทตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถขายได้ประมาณ 20 ยูนิต” นางสาวอลิวัสสา กล่าว
สำหรับอสังหาริมทรัพย์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษนั้น ซึ่งเป็นอีกเมืองที่มีความนาสนใจในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยไว้สำหรับลงทุนหรือเป็นบ้านหลังที่สอง เนื่องจากมีการเติบโตอย่างคงที่เสมอมา แม้ว่าจะประสบกับวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2009 ราคาตกลงไปเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น ซึ่งนับจากปี 2010 จนถึงปัจจุบันมีการเติบโตขึ้นแล้ว 35%และหากเทียบกับช่างที่มีการเติบโตสูงสุดในปี 2007 แล้วจะพบว่าในปัจจุบันโตเลยช่วงนั้นมาแล้ว 16% โดยอัตราผลตอบแทนสำหรับการปล่อยเช่าจะอยู่ที่ประมาณ 5-6%กฎหมายมีความชัดเจน เอื้อต่อชาวต่างชาติในการซื้อ กำไรจากการขายบ้านไม่ต้องเสียภาษี ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ประมาณ 50 บาท/ปอนด์ เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่อยู่ที่ 60-70 บาท/ปอนด์ และหากไม่ซื้อในช่วงนี้ค่าเงินอาจปรับขึ้นได้ในอนาคต
นอกจากนี้เหตุผลหลังที่คนไทยและชาวต่างชาติอื่นซื้ออสังหาฯใน ลอนดอน การเป็นศูนย์กลางการศึกษาที่เศรษฐีจากทั่วโลกมักส่งลูกหลานเป็นเรียนหนังสื้อที่นั้น ซึ่งถือเป็นเหตุผลหลังที่ชาวต่างชาติซื่อบ้านที่ลอนดอน เพราะเมื่อเทียบกับการจ่ายค่าเช่าแล้วถือว่ามีความคุ้มค่า กล่าวคือ ราคาขายห้องชุดจะอยู่ที่ตารางเมตรละ 0.7 – 1.3 ล้านบาทเมื่อเทียบกับค่าเช่าอพาร์ตเมนต์จะมีราคาค่าเช่าห้องขาด 1 ห้องนอนตกราว 350-750 ปอนด์/สัปดาห์ หรือประมาณ 1.5 แสนบาท/เดือน บางโครงการมีราคาสูงถือ 1,000-1,500 ปอนด์/สัปดาห์
นางสาวอลิวัสสา กล่าวต่อว่า อสังหาฯในลอนดอนเป็นเช่นเดียวกับอสังหาฯทั่วโลก คือเมือใดที่มีการเติบโตสูงก็จะมีนักลงทุนสนใจเข้าไปลงทุนเป็นจำนวนมาก แต่การลงทุนในอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่าย นับตั้งแต่การได้มาซึ่งที่ดินไปจนถึงการขออนุญาตก่อสร้างใช้เวลานานถึง 5-7 ปี นอกจากนี้ที่ดินที่จะนำมาพัฒนานั้นก็มีน้อยมาก นอกจากการนำตึกเก่ามาพัฒนาใหม่ หรือขยายการลงทุนไปยังย่านนอกเมืองแทน นอกจากนี้การปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินยังทำได้อยากมาก โดยจะปล่อยให้ผู้ประกอบการเพียง 50% เท่านั้น ส่วนที่เหลือผู้ประกอบการมักไประดมทุนผ่านช่องทางอื่นๆแทน
ปัจจุบัยข้างต้นจึงทำให้อสังหาฯในลอนดอนเป็นที่ต้องการเนื่องจากซัพพลายในตลาดมีน้อย จากผลสำรวจของบริษัทพบว่า ณ สิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาที่อยู่อาศัยใหม่ในกรุงลอนดอนเหลือขายในตลาดเพียง 4,182 ยูนิตเท่านั้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีเพียง 2,832 ยูนิต
