ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่ต้องบอกว่า “ล่อแหลมเป็นอย่างยิ่ง” กับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน นั่นก็คือกรณีเรือสินค้าจีน 2 ลำคือ เรือบรรทุกกระเทียมและแอปเปิล Hua Ping และเรือบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง Yu Xing 8 Hao ซึ่งแล่นตามกันมาจากประเทศจีน และถูกปล้นฆ่าสังหารโหดลูกเรือ 13 ศพเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2554 บริเวณบ้านสมพูห่างจากสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ประมาณ 25 กิโลเมตรติดฝั่งประเทศพม่า
จากนั้นเรือได้ลอยลำไปติดฝั่งบ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน โดยเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังผาเมืองของไทยเข้าควบคุมเรือและตรวจสอบพบศพและอาวุธปืนเล็กกลเอสเค 47 จำนวน 1 กระบอก ยาบ้าบนเรือทั้ง 2 ลำรวมกว่า 920,000 เม็ด
ทว่า เรื่องที่ทำท่าว่าจะจบลงและเงียบหายเข้ากลีบเมฆก็กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เมื่อหลังจากนั้นไม่นานนัก รัฐบาลไทยถูกประเทศจีนกดดันให้เร่งตรวจสอบดำเนินคดีอย่างหนัก ขณะที่คณะผู้นำระดับสูงจากประเทศจีน นำโดยนายเมิ่ง เจี้ยนจู้ รัฐมนตรีประจำสภาประชาชนแห่งชาติจีน ได้นำคณะเดินทางไปดูความคืบหน้าของคดีดังกล่าวถึงสถานที่เกิดเหตุ ตามต่อด้วยการที่รัฐบาลไทย จีน พม่าและลาวได้มีการจัดตั้งกองกำลังคุ้มกันแม่น้ำโขง โดยไทยตั้งเป็นศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดในแม่น้ำโขง (ศปปข.) มีศูนย์บัญชาการอยู่ที่ ภ.5 และ ศปปข.ส่วนหน้าที่ท่าเรือเชียงแสนด้วย
และเรื่องทำท่าว่าจะบานปลายเพราะมีข้อมูลโยงใยเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ทหาร เพราะคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีนี้ เปิดเผยถึงหลักฐานสำคัญที่ถูกบันทึกภาพไว้ได้ขณะก่อนและหลังเกิดเหตุว่า เป็นภาพที่บันทึกจากโทรศัพท์มือถือ ซึ่งบันทึกภาพระหว่างที่เรือทั้ง 2 ลำแล่นเข้าฝั่งไทย ปรากฏภาพชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งลักษณะการแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ของไทยยืนอยู่ริมฝั่ง เมื่อเรือทอดเทียบก็เดินขึ้นไปบนเรือ และภาพตอนใช้อาวุธปืนบนเรือ หลังเกิดเหตุผู้เกี่ยวข้องบางหน่วยงานขึ้นไปตรวจพิสูจน์บนเรือลำเกิดเหตุพบหลักฐานสำคัญบางอย่างที่เชื่อมโยงกับกลุ่มชายฉกรรจ์ลึกลับ จนทำให้ทางการไทยได้ดำเนินคดีต่อทหารไทยจำนวน 9 นาย
พ.ต.เชิดพงศ์ ช่วยบำรุง จนท.ฝ่ายการข่าว กองกำลังผาเมือง
ร.ท.อนุสรณ์ สอนถม หัวหน้าชุดปฏิบัติการลาดตระเวนไกล กองกำลังผาเมือง
จ.ส.อ.เฉลิมพล อินทร
ส.อ.อิทธิศักดิ์ น้อมถิ่น
ส.อ.คณิศร ศุขจักร
ส.อ.ชัชวาล สรรพช่าง
ส.อ.ปัจจะ คำผัด
ส.อ.เพิด จันทะ
และ ส.อ.พันธ์ศักดิ์ เผ่าบ้านฟาง
แต่เจ้าหน้าที่ทหารทั้ง 9 ให้การปฏิเสธ
นอกจากเจ้าหน้าที่ทหารไทยแล้ว คดีสะเทือนขวัญดังกล่าวยังปรากฏชื่อ "หน่อคำ" หรือ นายจายหน่อ ทหารว้า(สมุนขุนส่า) หัวหน้าโจรสลัดแม่น้ำโขง และหัวหน้ากองกำลังติดอาวุธคุ้มกันยาเสพติด เจ้าพ่อยาเสพติดแห่งสามเหลี่ยมทองคำเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาลูกน้องของนายหน่อคำเคยถูกทหารพม่าจับกุมได้นับสิบ หลังก่อเหตุโจมตีเรือสินค้าจีนกลางแม่น้ำโขงเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 กลุ่มคนร้ายซึ่งเชื่อกันว่าเป็นกลุ่มของ "นายหน่อคำ" ได้โจมตีเรือสินค้าของจีนกลางแม่น้ำโขง ขณะเข้าไปเพื่อหวังเก็บภาษี ส่งผลให้ลูกเรือเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บอีก 3 คนต่อมาทางการจีนได้ประสานรัฐบาลทหารพม่าและลาว เพื่อไล่ล่าจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุ ฝ่ายพม่าสามารถจับลูกน้องของนายหน่อคำได้กว่า 30 คน และยึดเงินสดได้กว่า 20 ล้านบาท รวมถึงเฮโรอีนอีกหลายกิโลกรัม ขณะเข้าตรวจค้นบ้านหลายหลัง ใน ต.เมืองโก ต.ห้องลึก และ ต.เมืองพง จ.ท่าขี้เหล็ก แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้เงินจ๊าดประกันตัวออกไปได้
และคดีสังหารหมู่สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นล่าสุด "นายหน่อคำ" ก็ตกเป็นจำเลยหมายเลข 1 อีกครั้ง !!
อย่างไรก็ตาม 20 กันยายน 2555 สถานการณ์ที่เขม็งเกลียวและตึงเครียดก็ได้คลี่คลายลง เมื่อ CCTV News ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับการดำเนินคดีนายหน่อคำ อายุ 44 ปี หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธในแม่น้ำโขง ซึ่งถูกทางการจีน-สปป.ลาวจับกุมตัวไปเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 55 ที่ผ่านมาในเขตแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว หลังเกิดเหตุฆ่าลูกเรือจีน 13 ศพบนเรือจีน 2 ลำ พร้อมกับนำเสนอผ่าน http://english.cntv.cn/program/newsupdate/20120917/102372.shtml ด้วย
CCTV News ได้เปิดเผยภาพนายหน่อคำถูกควบคุมตัวด้วยโซ่ตรวน กางเกงสีน้ำ เงิน เสื้อสีเทา และเสื้อนอกสีเหลือง เดินเข้าห้องสอบสวนด้วยผ้าคลุมหัว ก่อนจะรายงานว่านายหน่อคำถูกสอบสวนอยู่ที่เมืองคุนหมิง มณฑลหยุนหนาน ประเทศจีน โดยศาลประชาชนกลางของจีนได้เริ่มกระบวนการฟ้องร้องต่อนายหน่อคำ และอีก 6 คนที่ถูกกล่าวหาฆาตกรรมโดยเจตนา ค้ายาเสพติด ลักพาตัว และปล้นเรือจีน
CCTV News ระบุว่า ท่าทางที่ดูไร้เดียงสาของนายหน่อคำขัดแย้งกับการกระทำที่โหดร้าย ซึ่งได้สารภาพต่อการกระทำเมื่อปีที่ผ่านมาด้วย
ทั้งนี้ นายหน่อคำให้ปากคำเป็นภาษาไทใหญ่ ซึ่งคนไทยสามารถเข้าใจได้ว่า “ผมชื่อหน่อคำจากประเทศพม่า อายุ 44 ปี ถูกจับกุม เพราะผมวางแผนและฆ่าลูกเรือจีน 13 คน ในแม่น้ำโขง”
CCTV News ระบุอีกว่า เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2554 มีการใช้อาวุธยิงอย่างหนักในแม่น้ำโขงจนทำให้ลูกเรือจีน 13 คนเสียชีวิต จากนั้นมีการนำศพทิ้งแม่น้ำโขง แต่ข่าวการฆาตกรรมได้ถูกกระจายข้ามประเทศไปอย่างรวดเร็ว จนก่อให้เกิดความร่วมมือในการร่วมกันปราบปรามของตำรวจจีน ลาว พม่า และไทย กระทั่งทำให้นายหน่อคำและพวกถูกจับ
ทาง CCTV News ยังได้ตั้งเป็นโจทย์ก่อนการรายงานคำสารภาพของนายหน่อคำอีกว่า “คำถามที่เหลือคือทำไมหัวหน้าแก๊งค้ายาจึงเลือกทำกับลูกเรือจีน?”
ซึ่งหน่อคำสารภาพกับตำรวจคุนหมิงว่า ทำไปเพราะเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2554 เรือสองลำนี้บรรทุกทหารพม่าไปโจมตีฐานทัพของพวกเขา จึงต้องการแก้แค้น และเขามีสมาชิก 40 คนในทีม ทุกคนมีทีมของตนเอง
เมื่อตำรวจถามว่า “อาวุธชนิดไหนที่คุณมี” หน่อคำระบุว่า “ส่วนใหญ่เป็นปืนแมกกาซีน เอ็ม 16 และปืนพก”
หน่อคำยอมรับสารภาพว่า ได้วางแผนและทำการฆาตกรรมหมู่โดยสมาชิก 5 คน จากนั้นพวกเขายังป้ายความผิดให้ทหารไทย ซึ่งคิดว่าเรือจีนดังกล่าวบรรทุกยาเสพติด ซึ่งสิ่งนั้นจะช่วยปิดร่องรอยฆาตกรได้
CCTV News รายงานต่อด้วยว่า ในปัจจุบันคาดว่ามีฆาตกรกว่า 100 ราย ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในภูมิภาคสามเหลี่ยมทองคำ ประกอบไปด้วยฆาตกรรมรุนแรงหลากหลาย ทั้งฆาตกรรมหมู่ ค้ายาเสพติด ปล้น แบ็กเมล์ และเรียกเงินค่าคุ้มครองในแม่น้ำโขง
ทั้งนี้ หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวการสารภาพของนายหน่อคำไปแล้ว ทาง CCTV News ยังมีการนำเสนอในรูปแบบรายงานหรือสกู๊ปเกี่ยวกับชีวิตของนายหน่อคำ โดยมีเนื้อหาเล่าตั้งแต่ประวัติความเป็นมา การเคลื่อนไหวในแม่น้ำโขง จนกระทั่งถูกจับกุมดำเนินคดีอย่างละเอียดด้วย
และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนคลี่คลายลงไปได้ท่ามกลางความโล่งอกของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ
หมายเหตุ : ขณะนี้ 'ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์' มีเว็บเพจแล้วนะครับ ขอเชิญท่านผู้อ่านร่วมพูดคุยและแสดงความคิดเห็นได้ที่ http://www.facebook.com/#!/Astvmanagerweekend