รอยเตอร์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – รายชื่ออภิมหาเศรษฐีอเมริกันประจำปีล่าสุดของนิตยสารฟอร์บส์ ทั้งบิลล์ เกตส์, วอร์เรน บัฟเฟตส์, ลาร์รี่ เอลลิสัน และ 2 พี่น้องตระกูลคอช ยังคงยึดอันดับท็อป 5 เหมือนเดิม แต่คนที่รวยลดน้อยลงอย่างฮวบฮาบที่สุด ได้แก่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง “เฟซบุ๊ก” ขณะที่เจ้าพ่อนักปั่นเงินอย่าง จอร์จ โซรอส ถอยหลังไป 5 ขั้น สำหรับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิโดยรวมของเหล่าซูเปอร์ริชสหรัฐฯปีนี้เพิ่มสูงขึ้นถึง 13% อยู่ที่ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์
นิตยสารฟอร์บส์ระบุว่า สินทรัพย์สุทธิเฉลี่ยของผู้ที่ติดอยู่ในรายชื่อ 400 อภิมหาเศรษฐีอเมริกันประจำปีนี้ อยู่ที่ 4,200 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 10% จากปีที่แล้ว และถือเป็นการทำสถิติใหม่ โดยผู้ที่มีคุณสมบัติติดอยู่ในรายชื่อปีนี้ได้จะต้องมีสินทรัพย์สุทธิอย่างน้อยที่สุด 1,100 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 1,050 ล้านดอลลาร์ในปี 2011 นอกจากนั้นปรากฏว่ามหาเศรษฐีเหล่านี้ 7 ใน 10 เป็นพวกที่สร้างฐานะจากหนึ่งสมองและสองมือของตนเอง
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ต้องถือเป็นช่วงเวลาอันเลวร้ายสำหรับเจ้าอาณาจักรโซเชียล มีเดีย ทั้งหลาย ที่สินทรัพย์สุทธิลดลงรวมกันถึง 11,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะ ซักเคอร์เบิร์ก ประธานบริหาร “เฟซบุ๊ก” เว็บไซต์เครือข่ายสังคมเบอร์ 1 ที่การเสนอขายหุ้นให้สาธารณชนครั้งแรก (ไอพีโอ) ในเดือนพฤษภาคมน่าผิดหวังอย่างยิ่ง ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของเขาในปีนี้ลดลงเกือบครึ่ง โดยอยู่ที่ 9,400 ล้านดอลลาร์ จาก 17,500 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นดาวร่วงแรงที่สุดในตาราง ด้วยอันดับ 36 จากที่อยู่อันดับ 14 เมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ในเวลานี้ราคาหุ้นเฟซบุ๊กรูดลงประมาณ 40% จากราคาไอพีโอที่ 38 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ผู้ที่ประสบชะตากรรมเดียวกับซักเคอร์เบิร์ก ยังรวมถึงอิริก เลฟคอฟสกี้ ประธานกรรมการ “กรุ๊ปปอง” และมาร์ก พินคัส ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) “ซิงกา” ที่หลุดจากตาราง ทั้งที่ปีที่แล้วอยู่ในอันดับ 293 และ 212 ตามลำดับ
ลุยซา โครลล์ บรรณาธิการอาวุโสฝ่ายจัดอันดับอภิมหาเศรษฐีของฟอร์บส์ ชี้ด้วยว่าช่องว่างระหว่างคนรวยมากกับคนรวยในสหรัฐฯนั้นถ่างกว้างขึ้น และช่วยดันมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของ 400 มหาเศรษฐีฟอร์บส์ทำสถิติใหม่ที่ 4,200 ล้านดอลลาร์
มหาเศรษฐีทั้งหมดนี้มีสินทรัพย์รวมกันเท่ากับ 1 ใน 8 ของมูลค่าจีดีพีสหรัฐฯซึ่งอยู่ที่ 13.56 ล้านล้านดอลลาร์ แต่สินทรัพย์ของซูเปอร์ริชเหล่านี้ขยายตัวถึง 13% อันเนื่องมาจากผลงานในตลาดหุ้นและการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่เศรษฐกิจแดนอินทรีขยายตัวเพียง 1.7% ในไตรมาส 2 ของปีนี้
กระนั้น อัตราเติบโตของสินทรัพย์ของมหาเศรษฐีฟอร์บส์ยังเป็นรองตลาดหุ้น โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 24 สิงหาคมซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการเก็บข้อมูลของฟอร์บส์สำหรับการจัดอันดับในปีนี้ ดัชนีสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส 500 พุ่งขึ้นเกือบ 20%
ขณะเดียวกัน เกตส์ ประธานกรรมการไมโครซอฟท์ ยังครองอันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 19 ด้วยสินทรัพย์ 66,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา
บัฟเฟตต์ ประธานกรรมการและประธานบริหารเบิร์กไชร์ แฮตอะเวย์ กลุ่มกิจการด้านการประกันภัย ปักหลักในอันดับ 2 ด้วยสินทรัพย์ 46,000 ล้านดอลลาร์ ตามด้วยเอลลิสัน ประธานออราเคิล 41,000 ล้านดอลลาร์ และชาร์ลส์ กับ เดวิด คอช เจ้าของกลุ่มกิจการพลังงานและเคมีภัณฑ์ คอช อินดัสทรีส์ มีทรัพย์สินเท่ากันที่ 31,000 ล้านดอลลาร์ จึงติดอันดับ 4 ทั้งคู่
ฟอร์บส์ระบุว่าแม้อันดับท็อป 5 ยังคงเดิม ทว่า มี 2 คนที่หลุดจากท็อป 10 คือ เชลดอน อะเดลสัน นักธุรกิจกาสิโน ที่หล่นจากอันดับ 8 เป็น 12 และจอร์จ โซรอส นักการเงินและผู้บริจาคการกุศลชื่อดัง ที่ตกไป 5 ขั้นอยู่ที่ 12
ไมเคิล บลูมเบิร์ก มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบลูมเบิร์ก และรั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ซิตี้ สมัยที่ 3 ไต่ขึ้นมาอยู่อันดับ 10
ส่วนหน้าใหม่ในตารางมีอาทิ ลอรีน เพาเวลล์ จ็อบส์ ภรรยาม่ายของสตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งแอปเปิล และปัจจุบันเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดในซิลลิคอน แวลลีย์ และแจ็ค ดอร์ซี ผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์
ในบรรดามหาเศรษฐี 400 คนของปีนี้ มีผู้หญิง 45 คน เพิ่มจากปีที่แล้วที่มี 42 คน
แคลิฟอร์เนียเป็นมลรัฐที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุดคือ 87 คน ตามด้วยนิวยอร์ก เทกซัส ฟลอริดา และอิลลินอยส์ แต่ถ้านับในระดับเมือง นิวยอร์ก ซิตี้เข้าเส้นชัยด้วยตัวเลข 53 คน รองลงมาได้แก่ ซานฟรานซิสโก ดัลลัส ลอสแองเจลีส และฮิวสตัน
ฟอร์บส์แจกแจงด้วยว่า 1 ใน 4 มหาเศรษฐีของปีนี้มาจากภาคการเงินและการลงทุน ขณะที่อีก 1 ใน 4 มาจากภาคเทคโนโลยี สื่อ หรือพลังงาน
นิตยสารฟอร์บส์ระบุว่า สินทรัพย์สุทธิเฉลี่ยของผู้ที่ติดอยู่ในรายชื่อ 400 อภิมหาเศรษฐีอเมริกันประจำปีนี้ อยู่ที่ 4,200 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 10% จากปีที่แล้ว และถือเป็นการทำสถิติใหม่ โดยผู้ที่มีคุณสมบัติติดอยู่ในรายชื่อปีนี้ได้จะต้องมีสินทรัพย์สุทธิอย่างน้อยที่สุด 1,100 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 1,050 ล้านดอลลาร์ในปี 2011 นอกจากนั้นปรากฏว่ามหาเศรษฐีเหล่านี้ 7 ใน 10 เป็นพวกที่สร้างฐานะจากหนึ่งสมองและสองมือของตนเอง
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ต้องถือเป็นช่วงเวลาอันเลวร้ายสำหรับเจ้าอาณาจักรโซเชียล มีเดีย ทั้งหลาย ที่สินทรัพย์สุทธิลดลงรวมกันถึง 11,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะ ซักเคอร์เบิร์ก ประธานบริหาร “เฟซบุ๊ก” เว็บไซต์เครือข่ายสังคมเบอร์ 1 ที่การเสนอขายหุ้นให้สาธารณชนครั้งแรก (ไอพีโอ) ในเดือนพฤษภาคมน่าผิดหวังอย่างยิ่ง ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของเขาในปีนี้ลดลงเกือบครึ่ง โดยอยู่ที่ 9,400 ล้านดอลลาร์ จาก 17,500 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นดาวร่วงแรงที่สุดในตาราง ด้วยอันดับ 36 จากที่อยู่อันดับ 14 เมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ในเวลานี้ราคาหุ้นเฟซบุ๊กรูดลงประมาณ 40% จากราคาไอพีโอที่ 38 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ผู้ที่ประสบชะตากรรมเดียวกับซักเคอร์เบิร์ก ยังรวมถึงอิริก เลฟคอฟสกี้ ประธานกรรมการ “กรุ๊ปปอง” และมาร์ก พินคัส ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) “ซิงกา” ที่หลุดจากตาราง ทั้งที่ปีที่แล้วอยู่ในอันดับ 293 และ 212 ตามลำดับ
ลุยซา โครลล์ บรรณาธิการอาวุโสฝ่ายจัดอันดับอภิมหาเศรษฐีของฟอร์บส์ ชี้ด้วยว่าช่องว่างระหว่างคนรวยมากกับคนรวยในสหรัฐฯนั้นถ่างกว้างขึ้น และช่วยดันมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของ 400 มหาเศรษฐีฟอร์บส์ทำสถิติใหม่ที่ 4,200 ล้านดอลลาร์
มหาเศรษฐีทั้งหมดนี้มีสินทรัพย์รวมกันเท่ากับ 1 ใน 8 ของมูลค่าจีดีพีสหรัฐฯซึ่งอยู่ที่ 13.56 ล้านล้านดอลลาร์ แต่สินทรัพย์ของซูเปอร์ริชเหล่านี้ขยายตัวถึง 13% อันเนื่องมาจากผลงานในตลาดหุ้นและการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่เศรษฐกิจแดนอินทรีขยายตัวเพียง 1.7% ในไตรมาส 2 ของปีนี้
กระนั้น อัตราเติบโตของสินทรัพย์ของมหาเศรษฐีฟอร์บส์ยังเป็นรองตลาดหุ้น โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 24 สิงหาคมซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการเก็บข้อมูลของฟอร์บส์สำหรับการจัดอันดับในปีนี้ ดัชนีสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส 500 พุ่งขึ้นเกือบ 20%
ขณะเดียวกัน เกตส์ ประธานกรรมการไมโครซอฟท์ ยังครองอันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 19 ด้วยสินทรัพย์ 66,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา
บัฟเฟตต์ ประธานกรรมการและประธานบริหารเบิร์กไชร์ แฮตอะเวย์ กลุ่มกิจการด้านการประกันภัย ปักหลักในอันดับ 2 ด้วยสินทรัพย์ 46,000 ล้านดอลลาร์ ตามด้วยเอลลิสัน ประธานออราเคิล 41,000 ล้านดอลลาร์ และชาร์ลส์ กับ เดวิด คอช เจ้าของกลุ่มกิจการพลังงานและเคมีภัณฑ์ คอช อินดัสทรีส์ มีทรัพย์สินเท่ากันที่ 31,000 ล้านดอลลาร์ จึงติดอันดับ 4 ทั้งคู่
ฟอร์บส์ระบุว่าแม้อันดับท็อป 5 ยังคงเดิม ทว่า มี 2 คนที่หลุดจากท็อป 10 คือ เชลดอน อะเดลสัน นักธุรกิจกาสิโน ที่หล่นจากอันดับ 8 เป็น 12 และจอร์จ โซรอส นักการเงินและผู้บริจาคการกุศลชื่อดัง ที่ตกไป 5 ขั้นอยู่ที่ 12
ไมเคิล บลูมเบิร์ก มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบลูมเบิร์ก และรั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ซิตี้ สมัยที่ 3 ไต่ขึ้นมาอยู่อันดับ 10
ส่วนหน้าใหม่ในตารางมีอาทิ ลอรีน เพาเวลล์ จ็อบส์ ภรรยาม่ายของสตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งแอปเปิล และปัจจุบันเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดในซิลลิคอน แวลลีย์ และแจ็ค ดอร์ซี ผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์
ในบรรดามหาเศรษฐี 400 คนของปีนี้ มีผู้หญิง 45 คน เพิ่มจากปีที่แล้วที่มี 42 คน
แคลิฟอร์เนียเป็นมลรัฐที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุดคือ 87 คน ตามด้วยนิวยอร์ก เทกซัส ฟลอริดา และอิลลินอยส์ แต่ถ้านับในระดับเมือง นิวยอร์ก ซิตี้เข้าเส้นชัยด้วยตัวเลข 53 คน รองลงมาได้แก่ ซานฟรานซิสโก ดัลลัส ลอสแองเจลีส และฮิวสตัน
ฟอร์บส์แจกแจงด้วยว่า 1 ใน 4 มหาเศรษฐีของปีนี้มาจากภาคการเงินและการลงทุน ขณะที่อีก 1 ใน 4 มาจากภาคเทคโนโลยี สื่อ หรือพลังงาน