ศูนย์ข่าวภูมิภาค - ตลาดกลางเมืองสุโขทัยยังจมบาดาล น้ำซึมบิ๊กแบ็กทะลักท่วมไม่หยุด แถมพื้นที่น้ำท่วมยังขยายวงไปถึงหน้าเทศบาลเมืองฯ ชาวบ้านเครียดจัดไม่รู้อนาคต“เอาอยู่”หรือไม่ ด้าน "นายกฯปู" ปัดตอบสื่อสุโขทัยเจอน้ำท่วมรอบ 2 โยน กบอ.แจง ฝ่าย "อานนท์" ยันปีนี้น้ำไม่ท่วมใหญ่เหมือนปี 54 แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุโขทัยวานนี้ (17 ก.ย.) ตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา กำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 3 ได้ขนกระสอบทรายจำนวนมาก เข้าไปอุดรูรั่วของบิ๊กแบ็คซึ่งเป็นแนวป้องกันแม่น้ำยม ไม่ให้ไหลเข้าท่วมตัวเมืองสุโขทัย รวมทั้งต้องเข้าไปช่วยชาวบ้านอุดรอยรั่วพนังกั้นน้ำ บริเวณชุมชนคูหาสุวรรณ และชุมชนราชธานี
ส่วนสถานการณ์เมื่อเช้าวานนี้ (17 ก.ย.) น้ำยมที่ยังคงรั่วซึมตรงบิ๊กแบ็ก-เกเบียน และไหลลอดเข้ามาตามท่อระบายน้ำ ได้ส่งผลให้ตัวตลาดเทศบาลเมืองสุโขทัยธานีถูกน้ำท่วมสูงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และได้ขยายวงกว้างไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ตรงสี่แยกไฟแดง เอ่อเข้าท่วมถนนบาลเมือง กับถนนวิเชียรจำนงค์ และไหลท่วมไปถึงถนนด้านหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี
นอกจากนี้ น้ำที่เอ่อล้นยังได้ไหลเข้าท่วมวัดและโรงเรียนวัดคูหาสุวรรณ กับวัดและโรงเรียนวัดไทยชุมพล ทำให้โรงเรียนทั้ง 2 แห่ง ต้องปิดการเรียนการสอนชั่วคราว และจากสถานการณ์น้ำท่วมดังกล่าว ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าตลาดสดเทศบาล ต้องขนย้ายข้าวของออกมาตั้งขายกันริมถนน ตรงบริเวณสี่แยกกลางเมืองสุโขทัย ส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างมาก
ต่อมาเวลา 14.00 น.นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจดูพนังกั้นน้ำที่มีการวางบิ๊กแบ็กและกล่องหินแกเบรียล ที่ยังมีรอยรั่วของน้ำขึ้นบริเวณฝาท่อระบายมีกระแสนน้ำผุดเพิ่มเติมเข้าพื้นที่น้ำท่วมอยู่ตลอดเวลา โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้และกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 3 ระดมวางกระสอบทรายเพื่ออุดรอยรั่วดังกล่าว ซึ่งถ้าอุดรูรั่วสำเร็จจากนั้นจะทำการสูบน้ำออกโดยเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วเมือง ซึ่งคณะทำงานกู้วิกฤตน้ำท่วมสุโขทัย มีการคาดการณ์ว่าระดับน้ำที่ท่วมขังเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานีจะแห้งได้ภายใน 24 ชั่วโมง
**ทหารเฝ้าระวังน้ำยมตลอดแนวคันกั้นน้ำ
ส่วนทางด้านกำลังทหารกว่า 350 นาย จากกองทัพภาคที่ 3 ได้แบ่งกำลังการเฝ้าระวังบริเวณจุดบิ๊กแบ็ก บริเวณตลาดริมน้ำและเฝ้าระวังน้ำเข้าวัดราชธานี บริเวณสะพานโตโยต้า สุโขทัย และสะพานพระร่วง รวมถึงจุดเปราะที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และเสริมกระสอบทรายเพิ่มในจุดที่พนังกั้นน้ำต่ำ ทำให้รอบนอกแนวจุดบิ๊กแบ็กคลี่คลายได้บางส่วน
**เตือน3อำเภอพิษณุโลกระดับน้ำจะเพิ่มสูง
นายชัยโรจน์ มีแดง ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยนายบรรดิษฐ์ อินต๊ะ ชลประทานจังหวัดพิษณุโลก นายบุญยิ่ง คุ้มสุพรรณ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก เดินทางไปสำรวจทางน้ำที่บริเวณประตูระบายน้ำคลองบางแก้ว สะพานข้ามแม่น้ำยม บ้านวังแร่ และคลองเกตุ คลองกล่ำ ต.ท่านางงาม และ ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ ซึ่งเป็นแม่น้ำยมสายเก่าที่ขณะนี้มวลน้ำจาก จ.สุโขทัย ได้ไหลผ่านเข้าสู่พื้นที่ลุ่ม 3 อำเภอ คือ อ.บางระกำ อ.พรหมพิราม และ อ.เมือง ส่งผลทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีน้ำท่วมพื้นที่ทางการเกษตรกว่า 22,500 ไร่ บ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วมกว่า 1,000 ครัวเรือน
ล่าสุดหลังจากฝนที่ตกในพื้นที่ภาคเหนือเมื่อช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มขึ้น ทำให้ที่ ต.วังวน ต.หนองแขม ต.พรหมพิราม ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม ต.บ้านกร่าง อ.เมือง และ ต.ชุมแสงสงคราม ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ มีระดับน้ำเพิ่มมากขึ้นและหลังจากการตรวจสอบทางน้ำครั้งนี้แล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำยม ให้ขนของขึ้นสู่ที่สูง เพื่อป้องกันความเสียหายต่อไปด้วย
**"นายกฯปู"โยน กบอ.แจงน้ำท่วมสุโขทัย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์การแก้ปัญหาอุทกภัยโดยเฉพาะที่ จ.สุโขทัย หลังเกิดน้ำท่วมรอบที่ 2 โดยกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า"ให้รอฟังการแถลงของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) วันเดียวกันนี้"
**"ประยุทธ์"หนุนสร้างเขื่อนแก้น้ำท่วม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ตนได้ปรึกษาหารือกับ พล.ท.ชาญชัยณรงค์ ธนารุณ แม่ทัพภาคที่ 3 อยู่ทุกวัน หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมมอบหมายภารกิจ โดยทุกหน่วยงานก็ต้องไปพูดคุยกัน ซึ่งเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ได้มีการประชุมในระดับพื้นที่ ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ 3 ก็ได้เข้าไปร่วมประชุมด้วย
ในส่วนของสถานการณ์ในพื้นที่ จ.สุโขทัยในขณะนี้นั้น ช่วงภาคเหนือตอนล่างมีกำแพงพนังกั้นน้ำยาว 180 กม.ถ้าฝนตกปกติก็สามารถกันระดับน้ำไว้ได้ประมาณ 7 เมตร แต่ปรากฏว่าเมื่อฝนตกมากขึ้น มวลน้ำก็เป็นก้อน ทำให้เอ่อล้นทำนบบางแห่ง หรือทำนบบางแห่งก็มีรูรั่วด้านล่าง เนื่องจากไม่ได้เป็นทำนบที่สร้างมาทีเดียวตลอดแนว แต่ว่าสร้างหลายครั้งต่อๆ กัน จนกระทั่งยาว 180 กม.เมื่อเกิดรอยรั่วก็ต้องแก้ไขว่าเราจะทำกันอย่างไรต่อไป
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นเพื่อกั้นแม่น้ำยมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่รู้ อย่าไปใช้คำว่าเขื่อนแก่งเสือเต้น แต่จะทำอย่างไรให้แม่น้ำยมมีที่ชะลอน้ำและกักเก็บน้ำในฤดูแล้ง เพราะฤดูฝนน้ำก็หลากท่วมทุกปี ทำอย่างไรน้ำไม่ให้ท่วม และทำอย่างไรสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งได้ ถ้าไม่ให้สร้างเขื่อนแล้วจะให้ทำอะไร จะให้ทำแก้มลิงหรือทำนบก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ซักอย่าง แล้วจะไปแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
**"อานนท์"ยันปีนี้น้ำไม่ท่วมใหญ่ซ้ำปี54
นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กล่าวว่า จากการใช้ดางเทียมตรวจสภาพน้ำผิวดินและประเมินสถานการณ์พื้นที่น้ำท่วมเป็นประจำตามสถิติในภาคเหนือและภาคกลางพบว่า ปีนี้มีพื้นที่น้ำท่วม 9 แสนไร่ ขณะที่ปี 2554 มีพื้นที่น้ำท่วม 35 ล้านไร่ และปี 2553 อยู่ที่ 2.2 ล้านไร่ ฉะนั้นปริมาณน้ำในปีนี้จึงน้อยกว่า 2 ปีที่แล้ว และยังไม่มีสัญญาณว่าจะมีโอกาสน้ำท่วมใหญ่แบบปี 2554
ขณะที่น้ำท่วมเป็นจุดๆกระจายหลายเเห่งในระยะนี้ ยืนยันว่าไม่ใช้เหตุการณ์ต่อเนื่องเหมือนปีที่แล้ว โดยกรณีจ.สุโขทัยที่ปีนี้ท่วมสองครั้งติดต่อกันภายในเวลาไม่กี่วันนั้น ต้องมีการเสริมการป้องกันให้เข้มเเข็ง เพราะบางครั้งน้ำมันมามากเเละยากในการประเมิน โดยต้องตรวจสอบมาตรฐานการก่อสร้างพนังกั้นน้ำในพื้นที่ต่างๆด้วย อย่างไรก็ตามระดับน้ำในเเม่น้ำยมตั้งเเต่เมื่อคืนวันที่ 16 ก.ย.เริ่มลดระดับเเล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุโขทัยวานนี้ (17 ก.ย.) ตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา กำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 3 ได้ขนกระสอบทรายจำนวนมาก เข้าไปอุดรูรั่วของบิ๊กแบ็คซึ่งเป็นแนวป้องกันแม่น้ำยม ไม่ให้ไหลเข้าท่วมตัวเมืองสุโขทัย รวมทั้งต้องเข้าไปช่วยชาวบ้านอุดรอยรั่วพนังกั้นน้ำ บริเวณชุมชนคูหาสุวรรณ และชุมชนราชธานี
ส่วนสถานการณ์เมื่อเช้าวานนี้ (17 ก.ย.) น้ำยมที่ยังคงรั่วซึมตรงบิ๊กแบ็ก-เกเบียน และไหลลอดเข้ามาตามท่อระบายน้ำ ได้ส่งผลให้ตัวตลาดเทศบาลเมืองสุโขทัยธานีถูกน้ำท่วมสูงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และได้ขยายวงกว้างไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ตรงสี่แยกไฟแดง เอ่อเข้าท่วมถนนบาลเมือง กับถนนวิเชียรจำนงค์ และไหลท่วมไปถึงถนนด้านหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี
นอกจากนี้ น้ำที่เอ่อล้นยังได้ไหลเข้าท่วมวัดและโรงเรียนวัดคูหาสุวรรณ กับวัดและโรงเรียนวัดไทยชุมพล ทำให้โรงเรียนทั้ง 2 แห่ง ต้องปิดการเรียนการสอนชั่วคราว และจากสถานการณ์น้ำท่วมดังกล่าว ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าตลาดสดเทศบาล ต้องขนย้ายข้าวของออกมาตั้งขายกันริมถนน ตรงบริเวณสี่แยกกลางเมืองสุโขทัย ส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างมาก
ต่อมาเวลา 14.00 น.นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจดูพนังกั้นน้ำที่มีการวางบิ๊กแบ็กและกล่องหินแกเบรียล ที่ยังมีรอยรั่วของน้ำขึ้นบริเวณฝาท่อระบายมีกระแสนน้ำผุดเพิ่มเติมเข้าพื้นที่น้ำท่วมอยู่ตลอดเวลา โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้และกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 3 ระดมวางกระสอบทรายเพื่ออุดรอยรั่วดังกล่าว ซึ่งถ้าอุดรูรั่วสำเร็จจากนั้นจะทำการสูบน้ำออกโดยเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วเมือง ซึ่งคณะทำงานกู้วิกฤตน้ำท่วมสุโขทัย มีการคาดการณ์ว่าระดับน้ำที่ท่วมขังเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานีจะแห้งได้ภายใน 24 ชั่วโมง
**ทหารเฝ้าระวังน้ำยมตลอดแนวคันกั้นน้ำ
ส่วนทางด้านกำลังทหารกว่า 350 นาย จากกองทัพภาคที่ 3 ได้แบ่งกำลังการเฝ้าระวังบริเวณจุดบิ๊กแบ็ก บริเวณตลาดริมน้ำและเฝ้าระวังน้ำเข้าวัดราชธานี บริเวณสะพานโตโยต้า สุโขทัย และสะพานพระร่วง รวมถึงจุดเปราะที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และเสริมกระสอบทรายเพิ่มในจุดที่พนังกั้นน้ำต่ำ ทำให้รอบนอกแนวจุดบิ๊กแบ็กคลี่คลายได้บางส่วน
**เตือน3อำเภอพิษณุโลกระดับน้ำจะเพิ่มสูง
นายชัยโรจน์ มีแดง ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยนายบรรดิษฐ์ อินต๊ะ ชลประทานจังหวัดพิษณุโลก นายบุญยิ่ง คุ้มสุพรรณ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก เดินทางไปสำรวจทางน้ำที่บริเวณประตูระบายน้ำคลองบางแก้ว สะพานข้ามแม่น้ำยม บ้านวังแร่ และคลองเกตุ คลองกล่ำ ต.ท่านางงาม และ ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ ซึ่งเป็นแม่น้ำยมสายเก่าที่ขณะนี้มวลน้ำจาก จ.สุโขทัย ได้ไหลผ่านเข้าสู่พื้นที่ลุ่ม 3 อำเภอ คือ อ.บางระกำ อ.พรหมพิราม และ อ.เมือง ส่งผลทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีน้ำท่วมพื้นที่ทางการเกษตรกว่า 22,500 ไร่ บ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วมกว่า 1,000 ครัวเรือน
ล่าสุดหลังจากฝนที่ตกในพื้นที่ภาคเหนือเมื่อช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มขึ้น ทำให้ที่ ต.วังวน ต.หนองแขม ต.พรหมพิราม ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม ต.บ้านกร่าง อ.เมือง และ ต.ชุมแสงสงคราม ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ มีระดับน้ำเพิ่มมากขึ้นและหลังจากการตรวจสอบทางน้ำครั้งนี้แล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำยม ให้ขนของขึ้นสู่ที่สูง เพื่อป้องกันความเสียหายต่อไปด้วย
**"นายกฯปู"โยน กบอ.แจงน้ำท่วมสุโขทัย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์การแก้ปัญหาอุทกภัยโดยเฉพาะที่ จ.สุโขทัย หลังเกิดน้ำท่วมรอบที่ 2 โดยกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า"ให้รอฟังการแถลงของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) วันเดียวกันนี้"
**"ประยุทธ์"หนุนสร้างเขื่อนแก้น้ำท่วม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ตนได้ปรึกษาหารือกับ พล.ท.ชาญชัยณรงค์ ธนารุณ แม่ทัพภาคที่ 3 อยู่ทุกวัน หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมมอบหมายภารกิจ โดยทุกหน่วยงานก็ต้องไปพูดคุยกัน ซึ่งเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ได้มีการประชุมในระดับพื้นที่ ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ 3 ก็ได้เข้าไปร่วมประชุมด้วย
ในส่วนของสถานการณ์ในพื้นที่ จ.สุโขทัยในขณะนี้นั้น ช่วงภาคเหนือตอนล่างมีกำแพงพนังกั้นน้ำยาว 180 กม.ถ้าฝนตกปกติก็สามารถกันระดับน้ำไว้ได้ประมาณ 7 เมตร แต่ปรากฏว่าเมื่อฝนตกมากขึ้น มวลน้ำก็เป็นก้อน ทำให้เอ่อล้นทำนบบางแห่ง หรือทำนบบางแห่งก็มีรูรั่วด้านล่าง เนื่องจากไม่ได้เป็นทำนบที่สร้างมาทีเดียวตลอดแนว แต่ว่าสร้างหลายครั้งต่อๆ กัน จนกระทั่งยาว 180 กม.เมื่อเกิดรอยรั่วก็ต้องแก้ไขว่าเราจะทำกันอย่างไรต่อไป
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นเพื่อกั้นแม่น้ำยมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่รู้ อย่าไปใช้คำว่าเขื่อนแก่งเสือเต้น แต่จะทำอย่างไรให้แม่น้ำยมมีที่ชะลอน้ำและกักเก็บน้ำในฤดูแล้ง เพราะฤดูฝนน้ำก็หลากท่วมทุกปี ทำอย่างไรน้ำไม่ให้ท่วม และทำอย่างไรสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งได้ ถ้าไม่ให้สร้างเขื่อนแล้วจะให้ทำอะไร จะให้ทำแก้มลิงหรือทำนบก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ซักอย่าง แล้วจะไปแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
**"อานนท์"ยันปีนี้น้ำไม่ท่วมใหญ่ซ้ำปี54
นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กล่าวว่า จากการใช้ดางเทียมตรวจสภาพน้ำผิวดินและประเมินสถานการณ์พื้นที่น้ำท่วมเป็นประจำตามสถิติในภาคเหนือและภาคกลางพบว่า ปีนี้มีพื้นที่น้ำท่วม 9 แสนไร่ ขณะที่ปี 2554 มีพื้นที่น้ำท่วม 35 ล้านไร่ และปี 2553 อยู่ที่ 2.2 ล้านไร่ ฉะนั้นปริมาณน้ำในปีนี้จึงน้อยกว่า 2 ปีที่แล้ว และยังไม่มีสัญญาณว่าจะมีโอกาสน้ำท่วมใหญ่แบบปี 2554
ขณะที่น้ำท่วมเป็นจุดๆกระจายหลายเเห่งในระยะนี้ ยืนยันว่าไม่ใช้เหตุการณ์ต่อเนื่องเหมือนปีที่แล้ว โดยกรณีจ.สุโขทัยที่ปีนี้ท่วมสองครั้งติดต่อกันภายในเวลาไม่กี่วันนั้น ต้องมีการเสริมการป้องกันให้เข้มเเข็ง เพราะบางครั้งน้ำมันมามากเเละยากในการประเมิน โดยต้องตรวจสอบมาตรฐานการก่อสร้างพนังกั้นน้ำในพื้นที่ต่างๆด้วย อย่างไรก็ตามระดับน้ำในเเม่น้ำยมตั้งเเต่เมื่อคืนวันที่ 16 ก.ย.เริ่มลดระดับเเล้ว
