วานนี้ ( 17 ก.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สนใจติดตามปัญหาการทุจริตงบน้ำท่วม ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ถูกจุด จึงอยากให้นายกฯ ตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ เพื่อติดตามไล่บี้ โครงการของรัฐบาลที่มีการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งที่ผ่านมารัฐได้ใช้งบประมาณ 8 หมื่นล้านบาท จากงบ 1.2 แสนล้านบาท ลงไปในพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และพบว่า มีปัญหาการทุจริต ถึง 20จังหวัด โดยเฉพาะจ.สุโขทัย ที่เรามีหลักฐานชัดเจนว่า มีการขุดลอกลำน้ำแค่ต้น และปลายลำน้ำเท่านั้น ส่วนกลางลำน้ำไม่มีการขุดลอก แต่กลับได้งบประมาณในการขุดลอกทั้งลำน้ำ และยังพบว่า ไม่มีการตอกเสาเข็มในการสร้างพนังกั้นน้ำ ทำให้ไม่สามารถต้านรับแรงดันน้ำได้ จึงอยากให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ เร่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อไล่บี้ เร่งรัด จัดการ มิเช่นนั้น จะทำให้ ผู้รับเหมา ไปนั่งคุยกับ เจ๊ “ด” ไม่จบ
“นอกจากนี้ขอให้ตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบกรณีที่มีข่าวว่าเจ๊ “ด” หักหัวคิว 40เปอร์เซ็นต์ ในการแจกงานให้กับส.ส.ในพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถทำโครงการได้สำเร็จ และยังมีการหัก 10 เปอร์เซ็นต์ให้กับคนเซ็นโครงการ และอีก 3เปอร์เซ็นต์ให้กับคนเขียนทีโออาร์ เท่ากับว่ามีการหักหัวคิวถึง 53 เปอร์เซ็นต์ ไม่ทราบว่าเจ๊”ด” เป็นต้นเหตุทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากหรือไม่ เพราะผู้รับเหมามืออาชีพได้กำไรน้อย จึงไม่สนใจทำโครงการ ทำให้มีแต่ผู้รับเหมาที่ไม่ใช่มืออาชีพมาทำแทน พร้อมกันนี้ควรตั้งคณะกรรมการติดตามการใช้งบประมาณเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาทด้วย”
น.ส.มัลลิกา กล่าวอีกว่า ตนอยากเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการทั้งของสภาฯและวุฒิสภา ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ และหากพื้นที่ไหนยังไม่มีการตรวจสอบ จะจัดทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ลงไล่ตรวจสอบตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และขอให้ภาคีเครือข่ายต่างๆ ร่วมกันส่งข้อมูลมายังพรรปคระชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคจะเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลเพื่อส่งให้คณะกรรมาธิการป.ป.ช. และป.ป.ท. ต่อไป ทั้งนี้จะมีการตรวจสอบข่าวที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน 1 หมื่นล้านบาทที่ฮ่องกงด้วย
ด้านนายชื่นชอบ คงอุดม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้เลิกโจมตีการทำงานของกทม.ในการป้องกันน้ำท่วม ว่า ที่ผ่านมากทม.ได้ทำงาน อย่างเต็มที่และมีผลงานดีมาโดยตลอด จึงอยากให้นายพร้อมพงศ์ หันไปตรวจสอบรัฐบาลจะดีกว่า เพราะพบว่า การรอขุดลอกคลองในกทม. ทำอย่างไม่ทั่วถึง เช่น คลองลาดพร้าว และตนสงสัยว่า คลอสุวรรณภูมิ ที่สร้างสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้เวลาสร้างถึง 6ปี และเป็นคลองที่สำคัญในการระบายน้ำ ฝั่งกรุงเทพฯตะวันออก ขณะนี้มีการก่อสร้างเสร็จหรือยัง ดังนั้นพรรคเพื่อไทยควรตรวจสอบรัฐบาลมากกว่าเล่นเกมการเมือง เพื่อหาผลประโยชน์ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ขอให้หยุดการกระทำในลักษณะบ่อนทำลาย และสร้างความหวั่นวิตกให้กับคนในกทม.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภักดีหาญ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงโจมตีการทำงานของ กทม.ในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ว่า จากการที่ตน และทีมงานของพรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่สำรวจความคืบหน้าโครงการป้องกันน้ำท่วมของ กทม.ในหลายเขตเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่าโครงการทั้งหมด 82 โครงการที่กทม.ได้รับงบอุดหนุนจากรัฐบาลในปีงบประมาณ 2555 จำนวน 1,845 ล้านบาท ไม่มีความคืบหน้า ขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียง 13 วันก็จะสิ้นปีงบประมาณแล้ว แต่กลับพบว่าเกือบทุกโครงการยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ขณะที่บางโครงการยังไม่ได้เริ่มดำเนินการเลย โดยจากข้อมูลจนถึงวันที่ 5 ก.ย. กทม. เบิกจ่ายงบประมาณไปเพียง 269 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.61 เท่านั้น ซึ่งโครงการที่ยังไม่ได้ดำเนินการ หรือดำเนินการไม่แล้วเสร็จ
ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตพื้นที่ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เช่น โครงการจัดหาคันคอนกรีต หรือ แบริเออร์ ความยาว 48,000เมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วมทางฝั่งตะวันออกของกทม. โดยเฉพาะเขตสายไหม และเขตมีนบุรี ซึ่งใช้งบประมาณ 71.8 ล้านบาท ก็ยังไม่ดำเนินการอะไรเลย หากเกิดฝนตกหนักและมีน้ำมาจำนวนมาก ทั้ง 2 เขตต้องถูกน้ำท่วมอย่างแน่นอน และจะส่งผลกระทบไปถึงพื้นที่ กทม.ในเขตอื่น ๆ ด้วย หรือโครงการสร้างทำนบกั้นน้ำ 5 แห่ง ย่านคลองสามวา งบประมาณโครงการ 23 ล้านบาท ก็ยังไม่มีการเบิกจ่ายงบประมาณเช่นเดียวกัน และยังน่าสังเกตว่าใช้บริษัทรับเหมาเพียงบริษัทเดียวเข้าไปทำ
“เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของกทม.อย่างเห็นได้ชัด อยากถามไปถึงผู้บริหาร กทม.ว่ามีนัยการเมืองหรือไม่ และจะแก้ไขอย่างไร เพราะรัฐบาลให้เงินอุดหนุนไปหมดแล้ว หากทำไม่ได้ ทำไมถึงไม่ให้หน่วยงานอื่นเข้าไปทำ เพื่อไม่ให้คนกทม. ทั้ง 50 เขตต้องเดือดร้อน รัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉย แต่การบริหารจัดการน้ำ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รัฐบาลจึงได้มอบเงินอุดหนุนให้หน่วยงานต่าง ๆ ไปดำเนินการอย่างเต็มที่ รวมทั้ง กทม.ด้วย ความจริงถ้าทุกหน่วยงาน รวมทั้ง กทม.ดำเนินการอย่างจริงจัง และทำตามแผนที่กำหนดไว้ ก็เชื่อว่าทุกอย่างเอาอยู่แน่นอน”นายภักดีหาญกล่าว
“นอกจากนี้ขอให้ตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบกรณีที่มีข่าวว่าเจ๊ “ด” หักหัวคิว 40เปอร์เซ็นต์ ในการแจกงานให้กับส.ส.ในพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถทำโครงการได้สำเร็จ และยังมีการหัก 10 เปอร์เซ็นต์ให้กับคนเซ็นโครงการ และอีก 3เปอร์เซ็นต์ให้กับคนเขียนทีโออาร์ เท่ากับว่ามีการหักหัวคิวถึง 53 เปอร์เซ็นต์ ไม่ทราบว่าเจ๊”ด” เป็นต้นเหตุทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากหรือไม่ เพราะผู้รับเหมามืออาชีพได้กำไรน้อย จึงไม่สนใจทำโครงการ ทำให้มีแต่ผู้รับเหมาที่ไม่ใช่มืออาชีพมาทำแทน พร้อมกันนี้ควรตั้งคณะกรรมการติดตามการใช้งบประมาณเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาทด้วย”
น.ส.มัลลิกา กล่าวอีกว่า ตนอยากเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการทั้งของสภาฯและวุฒิสภา ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ และหากพื้นที่ไหนยังไม่มีการตรวจสอบ จะจัดทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ลงไล่ตรวจสอบตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และขอให้ภาคีเครือข่ายต่างๆ ร่วมกันส่งข้อมูลมายังพรรปคระชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคจะเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลเพื่อส่งให้คณะกรรมาธิการป.ป.ช. และป.ป.ท. ต่อไป ทั้งนี้จะมีการตรวจสอบข่าวที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน 1 หมื่นล้านบาทที่ฮ่องกงด้วย
ด้านนายชื่นชอบ คงอุดม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้เลิกโจมตีการทำงานของกทม.ในการป้องกันน้ำท่วม ว่า ที่ผ่านมากทม.ได้ทำงาน อย่างเต็มที่และมีผลงานดีมาโดยตลอด จึงอยากให้นายพร้อมพงศ์ หันไปตรวจสอบรัฐบาลจะดีกว่า เพราะพบว่า การรอขุดลอกคลองในกทม. ทำอย่างไม่ทั่วถึง เช่น คลองลาดพร้าว และตนสงสัยว่า คลอสุวรรณภูมิ ที่สร้างสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้เวลาสร้างถึง 6ปี และเป็นคลองที่สำคัญในการระบายน้ำ ฝั่งกรุงเทพฯตะวันออก ขณะนี้มีการก่อสร้างเสร็จหรือยัง ดังนั้นพรรคเพื่อไทยควรตรวจสอบรัฐบาลมากกว่าเล่นเกมการเมือง เพื่อหาผลประโยชน์ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ขอให้หยุดการกระทำในลักษณะบ่อนทำลาย และสร้างความหวั่นวิตกให้กับคนในกทม.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภักดีหาญ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงโจมตีการทำงานของ กทม.ในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ว่า จากการที่ตน และทีมงานของพรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่สำรวจความคืบหน้าโครงการป้องกันน้ำท่วมของ กทม.ในหลายเขตเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่าโครงการทั้งหมด 82 โครงการที่กทม.ได้รับงบอุดหนุนจากรัฐบาลในปีงบประมาณ 2555 จำนวน 1,845 ล้านบาท ไม่มีความคืบหน้า ขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียง 13 วันก็จะสิ้นปีงบประมาณแล้ว แต่กลับพบว่าเกือบทุกโครงการยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ขณะที่บางโครงการยังไม่ได้เริ่มดำเนินการเลย โดยจากข้อมูลจนถึงวันที่ 5 ก.ย. กทม. เบิกจ่ายงบประมาณไปเพียง 269 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.61 เท่านั้น ซึ่งโครงการที่ยังไม่ได้ดำเนินการ หรือดำเนินการไม่แล้วเสร็จ
ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตพื้นที่ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เช่น โครงการจัดหาคันคอนกรีต หรือ แบริเออร์ ความยาว 48,000เมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วมทางฝั่งตะวันออกของกทม. โดยเฉพาะเขตสายไหม และเขตมีนบุรี ซึ่งใช้งบประมาณ 71.8 ล้านบาท ก็ยังไม่ดำเนินการอะไรเลย หากเกิดฝนตกหนักและมีน้ำมาจำนวนมาก ทั้ง 2 เขตต้องถูกน้ำท่วมอย่างแน่นอน และจะส่งผลกระทบไปถึงพื้นที่ กทม.ในเขตอื่น ๆ ด้วย หรือโครงการสร้างทำนบกั้นน้ำ 5 แห่ง ย่านคลองสามวา งบประมาณโครงการ 23 ล้านบาท ก็ยังไม่มีการเบิกจ่ายงบประมาณเช่นเดียวกัน และยังน่าสังเกตว่าใช้บริษัทรับเหมาเพียงบริษัทเดียวเข้าไปทำ
“เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของกทม.อย่างเห็นได้ชัด อยากถามไปถึงผู้บริหาร กทม.ว่ามีนัยการเมืองหรือไม่ และจะแก้ไขอย่างไร เพราะรัฐบาลให้เงินอุดหนุนไปหมดแล้ว หากทำไม่ได้ ทำไมถึงไม่ให้หน่วยงานอื่นเข้าไปทำ เพื่อไม่ให้คนกทม. ทั้ง 50 เขตต้องเดือดร้อน รัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉย แต่การบริหารจัดการน้ำ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รัฐบาลจึงได้มอบเงินอุดหนุนให้หน่วยงานต่าง ๆ ไปดำเนินการอย่างเต็มที่ รวมทั้ง กทม.ด้วย ความจริงถ้าทุกหน่วยงาน รวมทั้ง กทม.ดำเนินการอย่างจริงจัง และทำตามแผนที่กำหนดไว้ ก็เชื่อว่าทุกอย่างเอาอยู่แน่นอน”นายภักดีหาญกล่าว