ตลาดรถพุ่งแรง เพียงแค่ 8 เดือน ยอดสูงกว่าตลอดทั้งปีก่อนหน้า จากแรงผลักของโครงการรถคันแรก “มาสด้า” เชื่อจะฉุดยอดยาวไปถึงปีหน้า แต่หวั่นเป็นดาบสองคม เกิดวิกฤตขาดแคลนช่างบริการรถลูกค้า และเกิดศึกแย่งชิงซื้อตัวช่างรุนแรง ต้องสั่งดีลเลอร์ดูแลผลตอบแทนเต็มที่ พร้อมรับมือตุลาคมนี้เปิดช่องซ่อมเร่งด่วน โมบายเซอร์วิส และอะไหล่รองรับให้พร้อม
นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ปีนี้ขยายตัวสูงมาก โดยความต้องการน่าจะไม่ต่ำกว่า 1.30-1.35 ล้านคัน แต่หากดูกำลังการผลิตรวมของแต่ละยี่ห้อ น่าจะส่งมอบได้ไม่เกิน 1.2 ล้านคัน และเมื่อยอดขายช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ทำได้มากกว่า 8.59 แสนคัน ซึ่งมากกว่าตัวเลขยอดขายรถยนต์ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา 7.94 แสนคัน หรือมากกว่าปี 2553 ที่เป็นตัวเลขสูงสุดในรอบหลายปี ยังทำได้เพียง 7.99 แสนคัน
“ปัจจัยที่ทำให้ตลาดรถยนต์ปีนี้เติบโตสูง มาจากโครงการรถคันแรกเป็นสำคัญ ซึ่งจากการสำรวจของมาสด้ากับลูกค้าที่จองซื้อรถ พบว่ากว่า 90% ที่ซื้อรถยนต์นั่ง หรือเก๋งขนาดเล็ก เช่นเดียวกับปิกอัพที่พบมากกว่า 70% มาจากโครงการรถคันแรก และยิ่งรัฐบาลเลื่อนกำหนดส่งมอบรถของโครงการนี้ไม่มีกำหนด ทำให้ยอดค้างส่งมอบรถจะยาวไปตลอดปีหน้า แต่กลับกันสิ่งที่น่าเป็นห่วง คือจะเกิดวิกฤตแรงงานช่างประจำศูนย์บริการ ที่ขาดแคลนไม่เพียงพอต่อการให้บริการรถลูกค้า ที่เพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดดเช่นนี้ และต่อไปอาจจะส่งผลให้เกิดการแย่งซื้อตัวช่างด้วย”
โดยการขาดแคลนไม่เพียงเกิดจากปริมาณรถยนต์ในตลาด มากกว่าช่างที่จะให้บริการแล้ว ในเรื่องของบุคลากรที่จะเข้าสู่ภาคการทำงาน อย่างนักศึกษาวิชาชีพที่จบออกมาอาจจะลดลง จากนโยบายรัฐบาลที่ปรับเงินเดือนให้กับผู้จบปริญญาตรีไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท ทำให้นักศึกษาวิชาชีพบางส่วนเรียนต่อให้ได้วุฒิปริญญาตรีมากขึ้น ส่งผลให้แรงงานช่างฝีมือหายไปส่วนหนึ่ง ขณะที่ปริมาณรถกลับขยายตัวสวนทางเป็นอย่างมาก
นางสาวสุรีทิพย์เปิดเผยว่า จากปรากฎการณ์ดังกล่าว หากค่ายรถไม่เตรียมป้องกันไว้ เชื่อว่าจะทำให้ลูกค้าที่นำรถเข้าศูนย์บริการ อย่างกรณีเข้ารับตรวจเช็คตามระยะทาง ปัจจุบันใช้เวลาประมาณชั่วโมง หรือชั่วโมงครึ่ง และหากเป็นการซ่อมอย่างเร็วอาจต้องรอเป็นสัปดาห์ โดยมาสด้ามองเห็นปัญหาตรงนี้ จึงจะใช้โอกาสที่ตลาดเติบโตยาวไปถึงปีหน้า จากการค้างส่งมอบรถในโครงการรถคันแรก เตรียมความพร้อมงานด้านบริการ ไม่ว่าจะเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการให้เป็น 160 แห่งในปีหน้า จากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 130 แห่ง และจะเพิ่มให้ได้ 148 แห่งในสิ้นปีนี้
นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ปีนี้ขยายตัวสูงมาก โดยความต้องการน่าจะไม่ต่ำกว่า 1.30-1.35 ล้านคัน แต่หากดูกำลังการผลิตรวมของแต่ละยี่ห้อ น่าจะส่งมอบได้ไม่เกิน 1.2 ล้านคัน และเมื่อยอดขายช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ทำได้มากกว่า 8.59 แสนคัน ซึ่งมากกว่าตัวเลขยอดขายรถยนต์ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา 7.94 แสนคัน หรือมากกว่าปี 2553 ที่เป็นตัวเลขสูงสุดในรอบหลายปี ยังทำได้เพียง 7.99 แสนคัน
“ปัจจัยที่ทำให้ตลาดรถยนต์ปีนี้เติบโตสูง มาจากโครงการรถคันแรกเป็นสำคัญ ซึ่งจากการสำรวจของมาสด้ากับลูกค้าที่จองซื้อรถ พบว่ากว่า 90% ที่ซื้อรถยนต์นั่ง หรือเก๋งขนาดเล็ก เช่นเดียวกับปิกอัพที่พบมากกว่า 70% มาจากโครงการรถคันแรก และยิ่งรัฐบาลเลื่อนกำหนดส่งมอบรถของโครงการนี้ไม่มีกำหนด ทำให้ยอดค้างส่งมอบรถจะยาวไปตลอดปีหน้า แต่กลับกันสิ่งที่น่าเป็นห่วง คือจะเกิดวิกฤตแรงงานช่างประจำศูนย์บริการ ที่ขาดแคลนไม่เพียงพอต่อการให้บริการรถลูกค้า ที่เพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดดเช่นนี้ และต่อไปอาจจะส่งผลให้เกิดการแย่งซื้อตัวช่างด้วย”
โดยการขาดแคลนไม่เพียงเกิดจากปริมาณรถยนต์ในตลาด มากกว่าช่างที่จะให้บริการแล้ว ในเรื่องของบุคลากรที่จะเข้าสู่ภาคการทำงาน อย่างนักศึกษาวิชาชีพที่จบออกมาอาจจะลดลง จากนโยบายรัฐบาลที่ปรับเงินเดือนให้กับผู้จบปริญญาตรีไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท ทำให้นักศึกษาวิชาชีพบางส่วนเรียนต่อให้ได้วุฒิปริญญาตรีมากขึ้น ส่งผลให้แรงงานช่างฝีมือหายไปส่วนหนึ่ง ขณะที่ปริมาณรถกลับขยายตัวสวนทางเป็นอย่างมาก
นางสาวสุรีทิพย์เปิดเผยว่า จากปรากฎการณ์ดังกล่าว หากค่ายรถไม่เตรียมป้องกันไว้ เชื่อว่าจะทำให้ลูกค้าที่นำรถเข้าศูนย์บริการ อย่างกรณีเข้ารับตรวจเช็คตามระยะทาง ปัจจุบันใช้เวลาประมาณชั่วโมง หรือชั่วโมงครึ่ง และหากเป็นการซ่อมอย่างเร็วอาจต้องรอเป็นสัปดาห์ โดยมาสด้ามองเห็นปัญหาตรงนี้ จึงจะใช้โอกาสที่ตลาดเติบโตยาวไปถึงปีหน้า จากการค้างส่งมอบรถในโครงการรถคันแรก เตรียมความพร้อมงานด้านบริการ ไม่ว่าจะเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการให้เป็น 160 แห่งในปีหน้า จากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 130 แห่ง และจะเพิ่มให้ได้ 148 แห่งในสิ้นปีนี้