แฉสิ้นไส้! ชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นตำรวจพกปืนขู่ร้านเกมเชียงราย อ้างเปิดเกินเวลาก่อนแสดงพฤติกรรมถ่อยตบพนักงานในร้านทั้งชาย-หญิง แถมชักปืนยิงขู่อีก 3 นัด เหยื่อเผยเป็นนักข่าวในพื้นที่ตั้งกลุ่มรีดเงินทำกับหลายร้าน ด้านเจ้าของร้านเกมเชียงรายนำลูกจ้างขึ้นโรงพักแจ้งดำเนินคดีเพิ่ม 4 ข้อหาทั้ง “บุกรุก ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สินหลายรายการ และพยายามฆ่า” หลังตำรวจดำเนินคดีเฉพาะเรื่องอาวุธปืนไปก่อนหน้านี้
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงรายแจ้งว่า กรณีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้าไปในร้านเกมอินเทอร์เน็ตชื่อร้าน เวอร์จิ้นเน็ต เลขที่ 665/4 ถ.ศรีเกิด เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย หลังอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย ห่างจาก สภ.เมืองเชียงราย และกองบังคับการ ภ.เชียงราย เพียงเล็กน้อย จนเกิดเหตุรุนแรงถึงขั้นยิงปืนขู่กันกลางเมือง เมื่อเช้ามืดวันที่ 8 ก.ย.นั้น
วานนี้ (9 ก.ย.) นายธัชพล พันธุศิลป์ อายุ 32 ปี เจ้าของร้าน นายณรงค์เดช บุญกล้าหาญ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 166/2 ม.13 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร และ น.ส.ศิริสัญญา ศรีจันทร์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 246 ม.4 ต.ฝายกวาง อ.เชียงคำ อ.เมืองพะเยา ลูกจ้างร้านที่ถูกทำร้ายได้เข้าพบ ร.ต.อ.สันติ ศิริสำราญ ร้อยเวร สภ.เมืองเชียงราย เจ้าของคดี เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 2 คน ประกอบไปด้วย นายธีรวัฒน์ คำธิตา ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ ช่อง 7 ประจำจังหวัดเชียงราย และเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น "ฟ้าล้านนา" เลขที่ 881/8 อาคารการเคหะ ถ.อุตรกิจ ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย นอกจากนี้นายธีรวัฒน์ ยังเป็นนักข่าวหัวสีอีกหลายฉบับประจำจังหวัดเชียงราย ส่วนอีกคนเป็นนักข่าวทีมงานของหนังสือพิมพ์ "ฟ้าล้านนา" ในอีก 4 ข้อหา คือ บุกรุก ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สินหลายรายการ และพยายามฆ่า
นายธัชพล และพวกให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีกลุ่มชาย 4 คน อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากร้านเกม แต่ทางร้านไม่ยอมให้ ต่อมา กลุ่มคนเดียวกันแต่คราวนี้ไปกันแค่ 2 คน บุกเข้าไปทำร้ายร่างกายคนในร้านทั้งชายและหญิง รวมถึงทำลายทรัพย์สิน ก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงขู่หลายนัด รวมทั้งหันปากกระบอกปืนไปที่พวกตน จากนั้นได้ลั่นไกขึ้นแต่โชคดีปืนแฉลบลงพื้น จึงไม่มีผู้ใดถูกยิงจนได้รับอันตราย ซึ่งทาง ร.ต.อ.สาธิต ได้บันทึกปากคำไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับหลักฐานอื่นๆ เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิด เอกสารการรักษาจากโรงพยาบาล ฯลฯ
นายธัชพล กล่าวว่า ตนขอให้ทางตำรวจดำเนินคดีให้เต็มที่และถึงที่สุด เพราะถือว่าก่อเหตุกันอย่างอุกอาจกลางเมือง โดยนอกจากจะบุกเข้าไปทำร้ายคนในร้าน ยังใช้อาวุธปืนยิงในที่สาธารณะ และยังทำร้ายร่างกายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งมีการทำลายทรัพย์สินทั้งใน-นอกร้าน เช่น คอมพิวเตอร์หลายเครื่อง จักรยานยนต์ลูกค้า ฯลฯ เพราะหากไม่การดำเนินการใดๆ เกรงว่าตนและคนอื่นๆ อาจจะไม่ปลอดภัยกันอีกต่อไป
ด้าน ร.ต.อ.สันติ แจ้งว่า ทางตำรวจได้รับเรื่องไว้แล้ว และก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งข้อหาแก่นักข่าวทั้ง 2 คนคือนายธีรวัฒน์ คำธิตา และพวกในคดีมีอาวุธปืน ครอบครองอาวุธปืน พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ และยิงปืนในที่สาธารณะ ซึ่งทั้งคู่ได้ประกันตัวออกไปแล้ว แต่ครั้งนี้ได้รับแจ้งความเพิ่มเติมอีก 4 ข้อหาแล้ว ทั้งนี้ ทางผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจ และยืนยันว่าจะให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า หลังเกิดเหตุได้มีการเสนอภาพคลิปจากกล้องวงจรปิดผ่านโซเชียลมีเดีย และปรากฎเป็นข่าวทางโทรทัศน์หลายช่องระบุภาพชายฉกรรจ์ 2 คน เข้าไปที่ร้านเกมอินเทอร์เน็ตชื่อร้านเวอร์จิ้นเน็ต จากนั้นตบ-ต่อยคนดูแลร้านทั้งชายและหญิงอย่างอุกอาจ ก่อนจะชกต่อยกับคนดูแลร้าน แล้วออกไปที่หน้าร้านถีบผลักรถจักรยานยนต์ของผู้ไปใช้บริการร้านจนล้มลงหลายคัน จากนั้นได้ชักอาวุธปืนพกสั้นยิงเพื่อข่มขู่อีกหลายนัด
กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปควบคุมตัวไประงับสติอารมณ์ที่ สภ.เมืองเชียงราย และยึดอาวุธปืนของกลางเป็นปืนพกสั้นออโตเมติก ขนาด 9 มม.ยี่ห้อซีแซด เอาไว้เป็นของกลาง และช่วงเช้าทั้งคู่ประกันตัวออกไปด้วยวงเงินประมาณ 200,000 บาท จนเจ้าทุกข์มาแจ้งความเพิ่มเติมดังกล่าว
ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีคนนำคลิปแฉให้เห็นถึงพฤติกรรมชายฉกรรจ์หลายคนอ้างตัวเป็นตำรวจ บุกเข้าไปในร้านเกม-อินเทอร์เน็ต ชื่อร้านเวอร์จิ้นเน็ต เลขที่ 665/4 ถ.ศรีเกิด เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงรายก่อนข่มขู่ - ทำร้ายร่างกาย - ยิงปืนขึ้นฟ้า อย่างอุกอาจ โพสต์ผ่านยูทูป และโซเชียลมีเดียหลากหลายช่องทาง
ภาพดังกล่าว เป็นภาพในกล้องวงจรปิดของร้านที่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนว่า กลุ่มคนดังกล่าวเข้าไปตบต่อยคนดูแลร้านทั้งชาย-หญิงอย่างอุกอาจก่อนจะชกต่อยกับเจ้าของร้าน และออกไปที่หน้าร้าน เตะ-ถีบ-ผลักรถจักรยานยนต์ของผู้ไปใช้บริการร้านจนล้มลงหลายคัน รวมทั้งได้ชักอาวุธปืนพกสั้นยิง เพื่อข่มขู่อีกหลายนัด
ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดบริเวณอาคารการเคหะแห่งชาติหลังอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ห่างจาก สภ.เมืองเชียงราย และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 8 ก.ย.55 ร.ต.ท.ศักรินทร์ บุรีแก้ว รอง สวป.สภ.เมืองเชียงราย ได้รับแจ้งมีเหตุรุนแรงขึ้นที่ร้านเกมส์เวอร์จิ้นเน็ตดังกล่าว จึงไปตรวจสอบพบชาย 2 คน กำลังทะเลาะวิวาทกับคนในร้าน โดยหนึ่งในนั้นถืออาวุธปืนด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบเข้าไประงับเหตุ แต่ชายทั้งคู่ได้เดินเลี่ยงไปข้างร้าน และก่อนจะมีเหตุตะลุมบอนกันขึ้นอีก ชายอีกคนกลับยิงปืนขึ้นฟ้าอีก 3 นัด
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบเข้าจับกุมและควบคุมตัวไประงับสติอารมณ์ที่ สภ.เมืองเชียงราย และยึดอาวุธปืนของกลางเป็นปืนพกสั้นออโตเมติก ขนาด 9 มม.ยี่ห้อซีแซด เอาไว้
ส่วนชายฉกรรจ์ทั้งคู่นั้น เป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นคนหนึ่ง และผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ส่วนกลางอีก 1 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาครอบครองอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืนเข้ามาในเมืองโดยไม่มีเหตุอันสมควร และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ให้การปฏิเสธและไม่ยอมลงชื่อรับทราบข้อกล่าวหา ล่าสุดได้มีการประกันออกไปสู้คดีแล้วด้วยวงเงินรวมทั้ง 2 คน ประมาณ 200,000 บาท
ต่อมาเย็นวันเดียวกันนายธัชพล พันธุศิลป์ อายุ 32 ปี เจ้าของร้านเวอร์จิ้นเน็ต ได้นำหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านและเอกสารการรักษาตัวเข้าแจ้งความเพิ่มเติมในข้อหาอื่นๆ ต่อ ร.ต.อ.สันติ ศิริสำราญ ร้อยเวร สภ.เมืองเชียงราย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับเรื่องไว้และนัดสอบปากคำในช่วงเช้าวันที่ 9 ก.ย.55
นายธัชพล ระบุว่า เขาเป็นประธานชมรมร้านเกมบริเวณห้าแยกพ่อขุนฯ และก่อนหน้านี้ได้ถูกคนกลุ่มเดียวกันนี้ร่วมกับชายฉกรรจ์อีก 2 คน รวมเป็น 4 คน อ้างเป็นตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ เข้าไปตรวจร้านเกมอ้างว่า ปล่อยให้เด็กเข้าไปเล่นเกินเวลา โดยได้นำสติ๊กเกอร์ไปติดหน้าร้านระบุว่า เปิดเกินเวลา แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ได้ต่อรองให้จ่ายเงินให้เดือนละ 2,000-3,000 บาท แต่เมื่อไม่ยอมจ่ายทำให้ชายฉกรรจ์แยกย้ายไป
กระทั่งคืนเกิดเหตุ ได้รับแจ้งจากคนเฝ้าร้าน และดูจากกล้องวงจรปิดทราบว่า มีคนเข้าไปที่ร้านอีก แต่คราวนี้ไปหาเรื่องอ้างว่า เปิดเกินเวลา ซึ่งเด็กผู้หญิงหน้าร้านบอกกลับไปว่า ร้านมีใบอนุญาตถูกต้องเหตุใดจึงทำเช่นนี้จึงถูกตบทันที ทั้งยังไล่ทำร้ายพนักงานคุมร้าน ทั้งชายและผู้หญิงรวม 2 คน - ล้มโต๊ะ พร้อมกับพยายามพังคอมพิวเตอร์ ไล่เตะต่อยคน ก่อนออกมาถีบจักรยานยนต์หน้าร้านจนล้มหลายคัน
นายธัชพล กล่าวอีกว่า เมื่อตนได้รับแจ้งจึงไปที่ร้านก็ถูกขว้างปาสิ่งของเข้าใส่และชกต่อย ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเอาปืนจ่อที่ตนพร้อมข่มขู่และยึดกุญแจรถจักรยานยนต์ไป ตนตกใจวิ่งเข้าไปในร้านก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุแล้ว
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุได้มีคนพยายามโทรศัพท์ไปขอให้ถอนแจ้งความ แต่ตนไม่ยอมและจะต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด ขณะเดียวกันก็ทราบว่าบุคคลดังกล่าวก็ไม่ใช่ตำรวจจริง แต่เป็นนักข่าวแขนงหนึ่งเท่านั้น ตนยังทราบว่าพฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นกับร้านอื่นเช่นกัน แต่ไม่รุนแรงเหมือนร้านตน หรืออาจเป็นเพราะร้านอื่นไม่กล้าขัดแย้ง หรือไม่กล้าไปแจ้งความดำเนินคดีนั่นเอง
“ดังนั้นหากผมยอมก็จะทำให้ตนและคนอื่นๆ ถูกกระทำเหมือนเดิมอีก”
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงรายแจ้งว่า กรณีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้าไปในร้านเกมอินเทอร์เน็ตชื่อร้าน เวอร์จิ้นเน็ต เลขที่ 665/4 ถ.ศรีเกิด เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย หลังอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย ห่างจาก สภ.เมืองเชียงราย และกองบังคับการ ภ.เชียงราย เพียงเล็กน้อย จนเกิดเหตุรุนแรงถึงขั้นยิงปืนขู่กันกลางเมือง เมื่อเช้ามืดวันที่ 8 ก.ย.นั้น
วานนี้ (9 ก.ย.) นายธัชพล พันธุศิลป์ อายุ 32 ปี เจ้าของร้าน นายณรงค์เดช บุญกล้าหาญ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 166/2 ม.13 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร และ น.ส.ศิริสัญญา ศรีจันทร์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 246 ม.4 ต.ฝายกวาง อ.เชียงคำ อ.เมืองพะเยา ลูกจ้างร้านที่ถูกทำร้ายได้เข้าพบ ร.ต.อ.สันติ ศิริสำราญ ร้อยเวร สภ.เมืองเชียงราย เจ้าของคดี เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 2 คน ประกอบไปด้วย นายธีรวัฒน์ คำธิตา ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ ช่อง 7 ประจำจังหวัดเชียงราย และเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น "ฟ้าล้านนา" เลขที่ 881/8 อาคารการเคหะ ถ.อุตรกิจ ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย นอกจากนี้นายธีรวัฒน์ ยังเป็นนักข่าวหัวสีอีกหลายฉบับประจำจังหวัดเชียงราย ส่วนอีกคนเป็นนักข่าวทีมงานของหนังสือพิมพ์ "ฟ้าล้านนา" ในอีก 4 ข้อหา คือ บุกรุก ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สินหลายรายการ และพยายามฆ่า
นายธัชพล และพวกให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีกลุ่มชาย 4 คน อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากร้านเกม แต่ทางร้านไม่ยอมให้ ต่อมา กลุ่มคนเดียวกันแต่คราวนี้ไปกันแค่ 2 คน บุกเข้าไปทำร้ายร่างกายคนในร้านทั้งชายและหญิง รวมถึงทำลายทรัพย์สิน ก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงขู่หลายนัด รวมทั้งหันปากกระบอกปืนไปที่พวกตน จากนั้นได้ลั่นไกขึ้นแต่โชคดีปืนแฉลบลงพื้น จึงไม่มีผู้ใดถูกยิงจนได้รับอันตราย ซึ่งทาง ร.ต.อ.สาธิต ได้บันทึกปากคำไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับหลักฐานอื่นๆ เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิด เอกสารการรักษาจากโรงพยาบาล ฯลฯ
นายธัชพล กล่าวว่า ตนขอให้ทางตำรวจดำเนินคดีให้เต็มที่และถึงที่สุด เพราะถือว่าก่อเหตุกันอย่างอุกอาจกลางเมือง โดยนอกจากจะบุกเข้าไปทำร้ายคนในร้าน ยังใช้อาวุธปืนยิงในที่สาธารณะ และยังทำร้ายร่างกายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งมีการทำลายทรัพย์สินทั้งใน-นอกร้าน เช่น คอมพิวเตอร์หลายเครื่อง จักรยานยนต์ลูกค้า ฯลฯ เพราะหากไม่การดำเนินการใดๆ เกรงว่าตนและคนอื่นๆ อาจจะไม่ปลอดภัยกันอีกต่อไป
ด้าน ร.ต.อ.สันติ แจ้งว่า ทางตำรวจได้รับเรื่องไว้แล้ว และก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งข้อหาแก่นักข่าวทั้ง 2 คนคือนายธีรวัฒน์ คำธิตา และพวกในคดีมีอาวุธปืน ครอบครองอาวุธปืน พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ และยิงปืนในที่สาธารณะ ซึ่งทั้งคู่ได้ประกันตัวออกไปแล้ว แต่ครั้งนี้ได้รับแจ้งความเพิ่มเติมอีก 4 ข้อหาแล้ว ทั้งนี้ ทางผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจ และยืนยันว่าจะให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า หลังเกิดเหตุได้มีการเสนอภาพคลิปจากกล้องวงจรปิดผ่านโซเชียลมีเดีย และปรากฎเป็นข่าวทางโทรทัศน์หลายช่องระบุภาพชายฉกรรจ์ 2 คน เข้าไปที่ร้านเกมอินเทอร์เน็ตชื่อร้านเวอร์จิ้นเน็ต จากนั้นตบ-ต่อยคนดูแลร้านทั้งชายและหญิงอย่างอุกอาจ ก่อนจะชกต่อยกับคนดูแลร้าน แล้วออกไปที่หน้าร้านถีบผลักรถจักรยานยนต์ของผู้ไปใช้บริการร้านจนล้มลงหลายคัน จากนั้นได้ชักอาวุธปืนพกสั้นยิงเพื่อข่มขู่อีกหลายนัด
กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปควบคุมตัวไประงับสติอารมณ์ที่ สภ.เมืองเชียงราย และยึดอาวุธปืนของกลางเป็นปืนพกสั้นออโตเมติก ขนาด 9 มม.ยี่ห้อซีแซด เอาไว้เป็นของกลาง และช่วงเช้าทั้งคู่ประกันตัวออกไปด้วยวงเงินประมาณ 200,000 บาท จนเจ้าทุกข์มาแจ้งความเพิ่มเติมดังกล่าว
ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีคนนำคลิปแฉให้เห็นถึงพฤติกรรมชายฉกรรจ์หลายคนอ้างตัวเป็นตำรวจ บุกเข้าไปในร้านเกม-อินเทอร์เน็ต ชื่อร้านเวอร์จิ้นเน็ต เลขที่ 665/4 ถ.ศรีเกิด เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงรายก่อนข่มขู่ - ทำร้ายร่างกาย - ยิงปืนขึ้นฟ้า อย่างอุกอาจ โพสต์ผ่านยูทูป และโซเชียลมีเดียหลากหลายช่องทาง
ภาพดังกล่าว เป็นภาพในกล้องวงจรปิดของร้านที่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนว่า กลุ่มคนดังกล่าวเข้าไปตบต่อยคนดูแลร้านทั้งชาย-หญิงอย่างอุกอาจก่อนจะชกต่อยกับเจ้าของร้าน และออกไปที่หน้าร้าน เตะ-ถีบ-ผลักรถจักรยานยนต์ของผู้ไปใช้บริการร้านจนล้มลงหลายคัน รวมทั้งได้ชักอาวุธปืนพกสั้นยิง เพื่อข่มขู่อีกหลายนัด
ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดบริเวณอาคารการเคหะแห่งชาติหลังอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ห่างจาก สภ.เมืองเชียงราย และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 8 ก.ย.55 ร.ต.ท.ศักรินทร์ บุรีแก้ว รอง สวป.สภ.เมืองเชียงราย ได้รับแจ้งมีเหตุรุนแรงขึ้นที่ร้านเกมส์เวอร์จิ้นเน็ตดังกล่าว จึงไปตรวจสอบพบชาย 2 คน กำลังทะเลาะวิวาทกับคนในร้าน โดยหนึ่งในนั้นถืออาวุธปืนด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบเข้าไประงับเหตุ แต่ชายทั้งคู่ได้เดินเลี่ยงไปข้างร้าน และก่อนจะมีเหตุตะลุมบอนกันขึ้นอีก ชายอีกคนกลับยิงปืนขึ้นฟ้าอีก 3 นัด
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบเข้าจับกุมและควบคุมตัวไประงับสติอารมณ์ที่ สภ.เมืองเชียงราย และยึดอาวุธปืนของกลางเป็นปืนพกสั้นออโตเมติก ขนาด 9 มม.ยี่ห้อซีแซด เอาไว้
ส่วนชายฉกรรจ์ทั้งคู่นั้น เป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นคนหนึ่ง และผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ส่วนกลางอีก 1 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาครอบครองอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืนเข้ามาในเมืองโดยไม่มีเหตุอันสมควร และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ให้การปฏิเสธและไม่ยอมลงชื่อรับทราบข้อกล่าวหา ล่าสุดได้มีการประกันออกไปสู้คดีแล้วด้วยวงเงินรวมทั้ง 2 คน ประมาณ 200,000 บาท
ต่อมาเย็นวันเดียวกันนายธัชพล พันธุศิลป์ อายุ 32 ปี เจ้าของร้านเวอร์จิ้นเน็ต ได้นำหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านและเอกสารการรักษาตัวเข้าแจ้งความเพิ่มเติมในข้อหาอื่นๆ ต่อ ร.ต.อ.สันติ ศิริสำราญ ร้อยเวร สภ.เมืองเชียงราย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับเรื่องไว้และนัดสอบปากคำในช่วงเช้าวันที่ 9 ก.ย.55
นายธัชพล ระบุว่า เขาเป็นประธานชมรมร้านเกมบริเวณห้าแยกพ่อขุนฯ และก่อนหน้านี้ได้ถูกคนกลุ่มเดียวกันนี้ร่วมกับชายฉกรรจ์อีก 2 คน รวมเป็น 4 คน อ้างเป็นตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ เข้าไปตรวจร้านเกมอ้างว่า ปล่อยให้เด็กเข้าไปเล่นเกินเวลา โดยได้นำสติ๊กเกอร์ไปติดหน้าร้านระบุว่า เปิดเกินเวลา แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ได้ต่อรองให้จ่ายเงินให้เดือนละ 2,000-3,000 บาท แต่เมื่อไม่ยอมจ่ายทำให้ชายฉกรรจ์แยกย้ายไป
กระทั่งคืนเกิดเหตุ ได้รับแจ้งจากคนเฝ้าร้าน และดูจากกล้องวงจรปิดทราบว่า มีคนเข้าไปที่ร้านอีก แต่คราวนี้ไปหาเรื่องอ้างว่า เปิดเกินเวลา ซึ่งเด็กผู้หญิงหน้าร้านบอกกลับไปว่า ร้านมีใบอนุญาตถูกต้องเหตุใดจึงทำเช่นนี้จึงถูกตบทันที ทั้งยังไล่ทำร้ายพนักงานคุมร้าน ทั้งชายและผู้หญิงรวม 2 คน - ล้มโต๊ะ พร้อมกับพยายามพังคอมพิวเตอร์ ไล่เตะต่อยคน ก่อนออกมาถีบจักรยานยนต์หน้าร้านจนล้มหลายคัน
นายธัชพล กล่าวอีกว่า เมื่อตนได้รับแจ้งจึงไปที่ร้านก็ถูกขว้างปาสิ่งของเข้าใส่และชกต่อย ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเอาปืนจ่อที่ตนพร้อมข่มขู่และยึดกุญแจรถจักรยานยนต์ไป ตนตกใจวิ่งเข้าไปในร้านก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุแล้ว
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุได้มีคนพยายามโทรศัพท์ไปขอให้ถอนแจ้งความ แต่ตนไม่ยอมและจะต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด ขณะเดียวกันก็ทราบว่าบุคคลดังกล่าวก็ไม่ใช่ตำรวจจริง แต่เป็นนักข่าวแขนงหนึ่งเท่านั้น ตนยังทราบว่าพฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นกับร้านอื่นเช่นกัน แต่ไม่รุนแรงเหมือนร้านตน หรืออาจเป็นเพราะร้านอื่นไม่กล้าขัดแย้ง หรือไม่กล้าไปแจ้งความดำเนินคดีนั่นเอง
“ดังนั้นหากผมยอมก็จะทำให้ตนและคนอื่นๆ ถูกกระทำเหมือนเดิมอีก”