ประชานิยมจนถังแตก คลังเตรียมแถลงผลงานรัฐบาล 1 ปี 10 ก.ย.นี้ “ทนุศักดิ์” รับรายได้หดขณะที่นโยบายส่วนใหญ่พลาดเป้า ชูผลงานรถคันแรกทำยอดฉลุย ด้าน ธอส.เล็งขอขยายโครงการบ้าน 0% ออกไปอีก 6 เดือนหลังปล่อยกู้ไปได้เพียง 5.5 พันล้าน
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันที่ 10 ก.ย.นี้กระทรวงการคลังจะจัดแถลงผลงานของรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังโดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีฯและ รมว.คลัง พร้อมนายทุนศักดิ์ เล็กอุทัย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลังและผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย โดยผลงานส่วนใหญ่กระทรวงการคลังมองว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือตามนโยบายที่รัฐบาลประกาศไว้
แต่ในความเป็นจริงหลายนโยบายที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เช่น โครงการบ้านหลังแรก ดอกเบี้ย 0% นาน 3 ปี วงเงิน 3 หมื่นล้านบาทนั้นก็ไม่ได้ตามเป้าหมาย ส่วนการพักหนี้ก็ได้ไม่ถึง 3 ล้านรายตามที่ประกาศไว้ โดยล่าสุดก็ถอนเรื่องที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ให้ลดดอกเบี้ย 3% โดยอัตโนมัติเนื่องจากนายกฯเกรงว่าจะมีกระแสวิพากย์จารณ์ตามมา
นายทนุศักดิ์กล่าวว่า จะรายงานข้อมูลในส่วนที่รับผิดชอบ เช่น การรายงานถึงการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2555 ที่อาจต่ำกว่าเป้าหมาย 1.98 ล้านล้านบาทเล็กน้อย ส่วนการพักหนี้ยอมรับก็พลาดเป้าในส่วนของธนาคารออมสินที่ได้ประมาณ 2 แสนรายจาก 3.8 แสนราย ซึ่งออมสินรับปากว่าจะดำเนินการให้ได้ตามเป้าหมายมากที่สุด สำหรับบัตรสินเชื่อเกษตรกรขณะนี้แจกไปแล้ว 8 แสนกว่าใบ เชื่อว่าจะได้ตามเป้า 2 ล้านใบอย่างแน่นอน
ส่วนนโยบายรถคันแรกถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายและอาจดีกว่าที่คิด โดยสิ้นปีนี้อาจได้มากกว่า 5 แสนคัน สำหรับโครงการบ้านหลังแรกในส่วนของมาตรการภาษีที่ขอคืนจากกรมสรรพากรในส่วนของราคาบ้านไม่เกิน 5 ล้านบาทนั้นรอรวบรวมตัวเลขอยู่
ด้านนายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธอส.รายงานถึงการดำเนินโครงการบ้านหลังแรก 0% นาน 3 ปีต่อกระทรวงการคลังว่าล่าสุดสิ้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมาปล่อยสินเชื่อไปได้ 5.5 พันล้านบาท จากเป้าหมาย 2 หมื่นล้านบาทที่ตั้งไว้ในช่วงแรก ซึ่งประเมินจากความต้องการในช่วงนั้นแต่ในความเป็นจริงมีที่อยู่อาศัยที่เข้าข่าย 1 ล้านบาท เพียงแค่ 9 พันล้านบาท เท่านั้น ทางกระทรวงการคลังจึงมองว่าอยู่ในระดับที่ยังรับได้
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวจะสิ้นสุดเดือนก.ย.นี้ จึงมีแนวคิดที่จะเสนอกระทรวงการคลังเพื่อขอยืดระยะเวลาของโครงการออกไปอีก 6 เดือนภายใต้เงื่อนไขเดิมคิดบ้าน ราคาไม่เกิน1 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าอาจมีคนกลุ่มหนึ่งที่ยังอยู่ระหว่าตัดสินใจหรือรอโครงการสร้างเสร็จ เพราะบางโครงการอาจก่อสร้างล่าช้าออกไปจากปัญหาน้ำท่วม โดยหากมีสินเชื่อเข้ามาประมาณเดือนละ 800 ล้านบาทก็อาจทำให้ยอดรวมทั้งโครงการปิดได้ที่ 10,000 ล้านบาทได้
***จ่ายเงินคืนรถคันแรกต้องรอ 1 ต.ค.
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลางเปิดเผยถึงการเตรียมการในการคืนเงินตามโครงการรถยนต์คันแรกว่า จากการดึงข้อมูลจากกรมสรรพสามิตพบว่า มีประชาชนที่จะได้รับเงินตามโครงการรถยนต์คันแรกชุดแรกในเดือนกันยายนมีประมาณ 50 คน แต่กรมสรรพสามิตได้ตั้งงบประมาณการเบิกจ่ายคืนเงินไว้ในปีงบประมาณ 2556 ทั้งสิ้น 7.5 พันล้านบาท ทำให้การจ่ายเงินคืนครั้งแรกจะทำได้ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2555 โดยที่กรมบัญชีกลางจะโอนเงินเข้าธนาคาร กรุงไทย เพื่อให้ธนาคารโอนเงินไปยังบัญชีของผู้ที่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าว จากนั้นกรมบัญชีกลางจึงจะแจ้งให้ผู้รับเงินทราบทางเอสเอ็มเอส
อย่างไรก็ตาม การโอนเงินกรมบัญชีกลางจะดำเนินแบ่งจ่ายเดือนละ 2 ครั้งคือทุกวันที่ 5 และ 20 ของเดือน ตามรายชื่อที่ได้รับจากกรมสรรพสามิต ซึ่งหากผู้ได้รับสิทธิ์ไม่ได้รับเงิน ก็สามารถแจ้งปัญหามาที่คอลเซ็นเตอร์ของกรม เพื่อประสานงานกับกรมสรรพสามิตและกรมขนส่งต่อไป และกรมบัญชียังมีหน้าที่ติดตามเงินคืน กรณีที่ตรวจสอบพบว่า ไม่เข้าข่ายได้รับการสิทธิ์คืนเงิน เนื่องจากการมีการโอนเปลี่ยนมือก่อน 5 ปี ตามที่กำหนดไว้ด้วย.
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันที่ 10 ก.ย.นี้กระทรวงการคลังจะจัดแถลงผลงานของรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังโดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีฯและ รมว.คลัง พร้อมนายทุนศักดิ์ เล็กอุทัย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลังและผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย โดยผลงานส่วนใหญ่กระทรวงการคลังมองว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือตามนโยบายที่รัฐบาลประกาศไว้
แต่ในความเป็นจริงหลายนโยบายที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เช่น โครงการบ้านหลังแรก ดอกเบี้ย 0% นาน 3 ปี วงเงิน 3 หมื่นล้านบาทนั้นก็ไม่ได้ตามเป้าหมาย ส่วนการพักหนี้ก็ได้ไม่ถึง 3 ล้านรายตามที่ประกาศไว้ โดยล่าสุดก็ถอนเรื่องที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ให้ลดดอกเบี้ย 3% โดยอัตโนมัติเนื่องจากนายกฯเกรงว่าจะมีกระแสวิพากย์จารณ์ตามมา
นายทนุศักดิ์กล่าวว่า จะรายงานข้อมูลในส่วนที่รับผิดชอบ เช่น การรายงานถึงการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2555 ที่อาจต่ำกว่าเป้าหมาย 1.98 ล้านล้านบาทเล็กน้อย ส่วนการพักหนี้ยอมรับก็พลาดเป้าในส่วนของธนาคารออมสินที่ได้ประมาณ 2 แสนรายจาก 3.8 แสนราย ซึ่งออมสินรับปากว่าจะดำเนินการให้ได้ตามเป้าหมายมากที่สุด สำหรับบัตรสินเชื่อเกษตรกรขณะนี้แจกไปแล้ว 8 แสนกว่าใบ เชื่อว่าจะได้ตามเป้า 2 ล้านใบอย่างแน่นอน
ส่วนนโยบายรถคันแรกถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายและอาจดีกว่าที่คิด โดยสิ้นปีนี้อาจได้มากกว่า 5 แสนคัน สำหรับโครงการบ้านหลังแรกในส่วนของมาตรการภาษีที่ขอคืนจากกรมสรรพากรในส่วนของราคาบ้านไม่เกิน 5 ล้านบาทนั้นรอรวบรวมตัวเลขอยู่
ด้านนายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธอส.รายงานถึงการดำเนินโครงการบ้านหลังแรก 0% นาน 3 ปีต่อกระทรวงการคลังว่าล่าสุดสิ้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมาปล่อยสินเชื่อไปได้ 5.5 พันล้านบาท จากเป้าหมาย 2 หมื่นล้านบาทที่ตั้งไว้ในช่วงแรก ซึ่งประเมินจากความต้องการในช่วงนั้นแต่ในความเป็นจริงมีที่อยู่อาศัยที่เข้าข่าย 1 ล้านบาท เพียงแค่ 9 พันล้านบาท เท่านั้น ทางกระทรวงการคลังจึงมองว่าอยู่ในระดับที่ยังรับได้
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวจะสิ้นสุดเดือนก.ย.นี้ จึงมีแนวคิดที่จะเสนอกระทรวงการคลังเพื่อขอยืดระยะเวลาของโครงการออกไปอีก 6 เดือนภายใต้เงื่อนไขเดิมคิดบ้าน ราคาไม่เกิน1 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าอาจมีคนกลุ่มหนึ่งที่ยังอยู่ระหว่าตัดสินใจหรือรอโครงการสร้างเสร็จ เพราะบางโครงการอาจก่อสร้างล่าช้าออกไปจากปัญหาน้ำท่วม โดยหากมีสินเชื่อเข้ามาประมาณเดือนละ 800 ล้านบาทก็อาจทำให้ยอดรวมทั้งโครงการปิดได้ที่ 10,000 ล้านบาทได้
***จ่ายเงินคืนรถคันแรกต้องรอ 1 ต.ค.
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลางเปิดเผยถึงการเตรียมการในการคืนเงินตามโครงการรถยนต์คันแรกว่า จากการดึงข้อมูลจากกรมสรรพสามิตพบว่า มีประชาชนที่จะได้รับเงินตามโครงการรถยนต์คันแรกชุดแรกในเดือนกันยายนมีประมาณ 50 คน แต่กรมสรรพสามิตได้ตั้งงบประมาณการเบิกจ่ายคืนเงินไว้ในปีงบประมาณ 2556 ทั้งสิ้น 7.5 พันล้านบาท ทำให้การจ่ายเงินคืนครั้งแรกจะทำได้ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2555 โดยที่กรมบัญชีกลางจะโอนเงินเข้าธนาคาร กรุงไทย เพื่อให้ธนาคารโอนเงินไปยังบัญชีของผู้ที่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าว จากนั้นกรมบัญชีกลางจึงจะแจ้งให้ผู้รับเงินทราบทางเอสเอ็มเอส
อย่างไรก็ตาม การโอนเงินกรมบัญชีกลางจะดำเนินแบ่งจ่ายเดือนละ 2 ครั้งคือทุกวันที่ 5 และ 20 ของเดือน ตามรายชื่อที่ได้รับจากกรมสรรพสามิต ซึ่งหากผู้ได้รับสิทธิ์ไม่ได้รับเงิน ก็สามารถแจ้งปัญหามาที่คอลเซ็นเตอร์ของกรม เพื่อประสานงานกับกรมสรรพสามิตและกรมขนส่งต่อไป และกรมบัญชียังมีหน้าที่ติดตามเงินคืน กรณีที่ตรวจสอบพบว่า ไม่เข้าข่ายได้รับการสิทธิ์คืนเงิน เนื่องจากการมีการโอนเปลี่ยนมือก่อน 5 ปี ตามที่กำหนดไว้ด้วย.