**การแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็น “โจทย์หิน” ของรัฐบาลเกือบทุกยุคทุกสมัย การเข้าไปแก้ปัญหาถูกบ้างผิดบ้าง แต่เสียงระเบิด-เสียงปืน-เสียงกรีดร้องไม่เคยหมดไป ทุกอย่างยังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตประจำวัน
เนื่องจากปัญหาในพื้นที่มีความซับซ้อนโยงใยเกือบทุกวงการ ทั้งการเมือง-การต่างประเทศ-ศาสนา-ผลประโยชน์ สิ่งสำคัญคือ วันนี้ทุกปัญหาเกี่ยวพันกันจน “แก้ปม” ไม่ออก
ยิ่ง “พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์” เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ออกมาเปิดเผยการอายัดทรัพย์สินเจ้าของ “โรงเรียนปอเนาะ” เพราะอาจจะมีเส้นทางการเงินที่เกี่ยวกับ “กลุ่มตอลีบัน” ยิ่งทำให้เห็นภาพว่า “ขบวนการผู้ก่อการร้าย” ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา และอาจมีความเชื่อมโยงกับกับกลุ่มก่อการร้ายระดับโลกในต่างประเทศอีกด้วย
**ยังไม่นับรวมถึงความขัดแย้งทางการเมืองยังเป็นตัวฉุด ทำให้ “ผู้บริหารประเทศ” ไม่เอาใจใส่การแก้ไขปัญหามากเข้าไปอีก
และไม่ว่ารัฐบาลชุดใดจะปรับเปลี่ยนวิธีการ-โครงสร้าง-หน่วยงานรับผิดชอบ ลงไปแก้ปัญหาก็ไม่เป็นผล เพราะสภาพการทำงานของ “ฝ่ายทหาร” กับ “ฝ่ายพลเรือน” ในพื้นที่ไม่สอดประสานกันเท่าที่ควร ต่างก็ชิงดีชิงเด่น งานคืบหน้าหน่อยก็จะรายงาน “เจ้านาย” โดยไม่มีการนำข้อมูลมาแบ่งปันกัน
ล่าสุดรัฐบาลภายใต้การนำของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ได้ผุด “ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้” หรือ ศปก.จชต. ขึ้นมาอีกหนึ่งหน่วย มอบหมายให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งผลสรุปของโครงสร้างจะช่วยบรรเทา-แก้ไข สถานการณ์ความรุนแรงได้มากน้อยแค่ไหน ต้องติดตามดูกันยาวๆ
เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่า ศปก.จชต. จะเข้าเสริมงานด้านใด เพราะ “ยิ่งลักษณ์” ก็พูดเองว่า ยังคงให้ กอ.รมน.-ศอ.บต. เป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่
ในขณะที่ฝ่ายปฏิบัติการ ยังมะรุ้มมะตุ้มไม่รู้ทิศทาง ด้าน “ฝ่ายการเมือง” ก็ดันผสมโรงท้ากันไปท้ากันมา จนได้เรื่อง ทั้ง “เพื่อไทย” กับ “ประชาธิปัตย์” เมื่อพรรคการเมืองขวัญใจ “คนใต้” ออกโรงท้าให้รัฐบาลรับฟังข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนเจอดัดหลังโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่เล่นบทตามน้ำรับลูกท้าทายทันที
พร้อมร่อนหนังสือเชิญถึง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอีก 10 ขุนพลแดนสะตอ ค่ายสีฟ้า ประกอบด้วย “ถาวร เสนเนียม - อันวาร์ สาและ - อิสมาแอล เบญอิลรอฮีม - กูอาเซ็ม กูจินามิง - สุรเชษฐ์ แวอาแซ - รำรี มานะ - เจะอามิง โตะตาหยง - ประเสริฐ พงษ์สุวรรณคีรี - อับดุลการิม เด็งระกีนา - ณรงค์ ดูดิง” โดยไม่ลืมที่จะออกหนังสือถึงพรรคการเมืองที่มี ส.ส.อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ทั้งที่ร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านให้มาร่วมวงด้วย โดยมีนัดหมายเข้า “ระดมสมอง-ลับฝีปาก” กันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในวันนี้ (7 ก.ย.) เวลา 13.30 น.
เรียกว่า ส.ส.ในกลุ่มจังหวัดด้ามขวานมีเท่าไร “รัฐบาลเพื่อไทย” บากหน้าส่งการ์ดเทียบเชิญกันครบ
นับถึงนาทีนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนจากทางฝั่งประชาธิปัตย์ ว่าจะยกคณะไปร่วมกับ “รองฯเหลิม” หรือไม่ มีก็แต่เพียงการแถลงเมื่อวันก่อนที่ขอให้ “ยิ่งลักษณ์” เข้าร่วมวงหารือด้วย มิเช่นนั้นก็ขอบาย ไม่เสวนาด้วย และให้รัฐบาลมาแลกเชอร์เอาเองในที่ประชุมสภาฯ ที่ยื่นญัตติด่วนเรื่องไฟใต้เข้าไปจ่อหลังจบญัตติราคายางพาราตกต่ำในสัปดาห์นี้
ใครก็รู้ว่าข้อเรียกร้องที่ขอให้ “ยิ่งลักษณ์” มาร่วมถกแก้ไฟใต้นอกรอบนั้นเป็นไปได้ยาก อีกทั้งก็ตรงกับวันเดินทางไปภารกิจต่างประเทศของเธออีกด้วย ก็ยิ่งยากไปกันใหญ่
ฟากประชาธิปัตย์ก็รู้ทั้งรู้ แต่ก็ยังหวังฟลุกที่จะดึงให้ “ยิ่งลักษณ์” เข้ามาเป็นตัวเล่นเอง-ออกหน้าเอง-ตอบโต้เอง โดยไม่ใช้แสตนอิน เพราะอย่าลืมว่าภาพของ “ยิ่งลักษณ์” คือภาพของ “พี่ชาย” ที่ชื่อ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยประสบความล้มเหลวในการแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาแล้วครั้งหนึ่ง
แถมยังมีภาพ “ยิ่งลักษณ์” ที่เป็นทั้ง “หัวหน้ารัฐบาล” ควบตำแหน่ง “ตัวแม่คนเสื้อแดง” ดังนั้น ข้อเสนอของประชาธิปัตย์จะมีผลในด้านจิตวิทยาต่อ “มวลชน” พรรคเพื่อไทยทันที
นอกจากนี้หาก “ยิ่งลักษณ์” ตัดสินรับข้อเสนอ สังคมมุมกลับก็จะย้อนถามทันทีว่า รัฐบาลของ “ยิ่งลักษณ์ - ทักษิณ” มี “น้ำยา” แค่ไหน ในการปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
**ดังนั้นเกมนี้หาก “ยิ่งลักษณ์” ลงมาเล่นเอง ประชาธิปัตย์มีแต่ได้กับได้
ฝั่ง “พลพรรคเพื่อแม้ว” ก็พอจะดักเหลี่ยมอ่านเกมออก โดยเฉพาะอาการของ “ยิ่งลักษณ์” บ่ายเบี่ยง บอกปัดทันทีไม่ให้ยืดเยื้อ อ้างติดภารกิจเยอะ เพราะดีดลูกคิดคำนวณผลได้-ผลเสีย ทุกทิศทางแล้ว เพื่อไทยไม่เอา “ขุน” ไปแลก “เบี้ย” แน่
ปล่อยให้ “ยิ่งลักษณ์” ลอยตัวเหนือเมฆจะดีที่สุด ไม่เสี่ยง-ไม่เสียราคา-ไม่เสียแต้ม แล้วให้ “ร.ต.อ.เฉลิม” บู๊แทน จะเสียก็เสียแค่ ร.ต.อ.เฉลิม
เมื่อเพื่อไทยไม่ยอมส่ง “ยิ่งลักษณ์” ตัวเป็นๆไปสู้กับประชาธิปัตย์ แต่มอบหมายให้ร่างทรงอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม ลงเล่นแทน ฝ่ายค้านอาชีพก็เปลี่ยนเกมกดดัน บลั๊ฟ ร.ต.อ.เฉลิม”ให้จมดินทันที โดย “อภิสิทธิ์” กรีดเบาๆ ว่า แค่คุยกับ “ร.ต.อ.เฉลิม” คงไม่ได้ประโยชน์ เพราะไม่มีอำนาจตัดสินใจ ต้องเป็นเบอร์ 1 อย่างยิ่งลักษณ์เท่านั้น
เมื่อต่างฝ่ายต่างตั้งแง่เช่นนี้ ก็คงหนีไม่พ้นต้อง “ล้มโต๊ะ” แล้วไปฉะกันในสภาฯ แบบแผ่นเสียงตกร่อง เพราะพูดกันมาทุกปี แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
มองการ “ล้มโต๊ะ” ครั้งนี้ได้แค่มุมเดียวคือ เรื่องการเมืองล้วนๆ ตั้งแต่ที่สองฝ่ายไม่บริสุทธิ์ใจ จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน มุ่งแต่เล่นเกมการเมืองกันไปเรื่อย คิดแค่จะขุดบ่อล่อเหยื่อให้ “ฝ่ายตรงข้าม” มาติดกับดักเท่านั้น
ดีไม่ดีเกมนี้ฝ่ายประชาธิปัตย์อาจจะ “เสียแต้ม” ด้วยซ้ำ เพราะเป็นผู้เริ่มต้น และเป็นผู้ “ตั้งแง่” ปฏิเสธก่อนเอง และหากประชาธิปัตย์ยังหวังดึง “ยิ่งลักษณ์” ลงมาเปิดหน้าเล่นเกมการเมืองด้วยตัวเอง โอกาสหน้าคงต้องแยบยลกว่านี้ เพราะบรรดากุนซือในเพื่อไทยคงไม่พลาดท่าให้ง่ายๆ
**ระหว่างนี้คนไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แท้ๆ ก็ต้องรับเคราะห์จาก “เกมการเมือง” ที่ยังไม่ลงตัวหลบกระสุน หนีระเบิด กันไปพลางก่อน
เนื่องจากปัญหาในพื้นที่มีความซับซ้อนโยงใยเกือบทุกวงการ ทั้งการเมือง-การต่างประเทศ-ศาสนา-ผลประโยชน์ สิ่งสำคัญคือ วันนี้ทุกปัญหาเกี่ยวพันกันจน “แก้ปม” ไม่ออก
ยิ่ง “พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์” เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ออกมาเปิดเผยการอายัดทรัพย์สินเจ้าของ “โรงเรียนปอเนาะ” เพราะอาจจะมีเส้นทางการเงินที่เกี่ยวกับ “กลุ่มตอลีบัน” ยิ่งทำให้เห็นภาพว่า “ขบวนการผู้ก่อการร้าย” ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา และอาจมีความเชื่อมโยงกับกับกลุ่มก่อการร้ายระดับโลกในต่างประเทศอีกด้วย
**ยังไม่นับรวมถึงความขัดแย้งทางการเมืองยังเป็นตัวฉุด ทำให้ “ผู้บริหารประเทศ” ไม่เอาใจใส่การแก้ไขปัญหามากเข้าไปอีก
และไม่ว่ารัฐบาลชุดใดจะปรับเปลี่ยนวิธีการ-โครงสร้าง-หน่วยงานรับผิดชอบ ลงไปแก้ปัญหาก็ไม่เป็นผล เพราะสภาพการทำงานของ “ฝ่ายทหาร” กับ “ฝ่ายพลเรือน” ในพื้นที่ไม่สอดประสานกันเท่าที่ควร ต่างก็ชิงดีชิงเด่น งานคืบหน้าหน่อยก็จะรายงาน “เจ้านาย” โดยไม่มีการนำข้อมูลมาแบ่งปันกัน
ล่าสุดรัฐบาลภายใต้การนำของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ได้ผุด “ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้” หรือ ศปก.จชต. ขึ้นมาอีกหนึ่งหน่วย มอบหมายให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งผลสรุปของโครงสร้างจะช่วยบรรเทา-แก้ไข สถานการณ์ความรุนแรงได้มากน้อยแค่ไหน ต้องติดตามดูกันยาวๆ
เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่า ศปก.จชต. จะเข้าเสริมงานด้านใด เพราะ “ยิ่งลักษณ์” ก็พูดเองว่า ยังคงให้ กอ.รมน.-ศอ.บต. เป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่
ในขณะที่ฝ่ายปฏิบัติการ ยังมะรุ้มมะตุ้มไม่รู้ทิศทาง ด้าน “ฝ่ายการเมือง” ก็ดันผสมโรงท้ากันไปท้ากันมา จนได้เรื่อง ทั้ง “เพื่อไทย” กับ “ประชาธิปัตย์” เมื่อพรรคการเมืองขวัญใจ “คนใต้” ออกโรงท้าให้รัฐบาลรับฟังข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนเจอดัดหลังโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่เล่นบทตามน้ำรับลูกท้าทายทันที
พร้อมร่อนหนังสือเชิญถึง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอีก 10 ขุนพลแดนสะตอ ค่ายสีฟ้า ประกอบด้วย “ถาวร เสนเนียม - อันวาร์ สาและ - อิสมาแอล เบญอิลรอฮีม - กูอาเซ็ม กูจินามิง - สุรเชษฐ์ แวอาแซ - รำรี มานะ - เจะอามิง โตะตาหยง - ประเสริฐ พงษ์สุวรรณคีรี - อับดุลการิม เด็งระกีนา - ณรงค์ ดูดิง” โดยไม่ลืมที่จะออกหนังสือถึงพรรคการเมืองที่มี ส.ส.อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ทั้งที่ร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านให้มาร่วมวงด้วย โดยมีนัดหมายเข้า “ระดมสมอง-ลับฝีปาก” กันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในวันนี้ (7 ก.ย.) เวลา 13.30 น.
เรียกว่า ส.ส.ในกลุ่มจังหวัดด้ามขวานมีเท่าไร “รัฐบาลเพื่อไทย” บากหน้าส่งการ์ดเทียบเชิญกันครบ
นับถึงนาทีนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนจากทางฝั่งประชาธิปัตย์ ว่าจะยกคณะไปร่วมกับ “รองฯเหลิม” หรือไม่ มีก็แต่เพียงการแถลงเมื่อวันก่อนที่ขอให้ “ยิ่งลักษณ์” เข้าร่วมวงหารือด้วย มิเช่นนั้นก็ขอบาย ไม่เสวนาด้วย และให้รัฐบาลมาแลกเชอร์เอาเองในที่ประชุมสภาฯ ที่ยื่นญัตติด่วนเรื่องไฟใต้เข้าไปจ่อหลังจบญัตติราคายางพาราตกต่ำในสัปดาห์นี้
ใครก็รู้ว่าข้อเรียกร้องที่ขอให้ “ยิ่งลักษณ์” มาร่วมถกแก้ไฟใต้นอกรอบนั้นเป็นไปได้ยาก อีกทั้งก็ตรงกับวันเดินทางไปภารกิจต่างประเทศของเธออีกด้วย ก็ยิ่งยากไปกันใหญ่
ฟากประชาธิปัตย์ก็รู้ทั้งรู้ แต่ก็ยังหวังฟลุกที่จะดึงให้ “ยิ่งลักษณ์” เข้ามาเป็นตัวเล่นเอง-ออกหน้าเอง-ตอบโต้เอง โดยไม่ใช้แสตนอิน เพราะอย่าลืมว่าภาพของ “ยิ่งลักษณ์” คือภาพของ “พี่ชาย” ที่ชื่อ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยประสบความล้มเหลวในการแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาแล้วครั้งหนึ่ง
แถมยังมีภาพ “ยิ่งลักษณ์” ที่เป็นทั้ง “หัวหน้ารัฐบาล” ควบตำแหน่ง “ตัวแม่คนเสื้อแดง” ดังนั้น ข้อเสนอของประชาธิปัตย์จะมีผลในด้านจิตวิทยาต่อ “มวลชน” พรรคเพื่อไทยทันที
นอกจากนี้หาก “ยิ่งลักษณ์” ตัดสินรับข้อเสนอ สังคมมุมกลับก็จะย้อนถามทันทีว่า รัฐบาลของ “ยิ่งลักษณ์ - ทักษิณ” มี “น้ำยา” แค่ไหน ในการปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
**ดังนั้นเกมนี้หาก “ยิ่งลักษณ์” ลงมาเล่นเอง ประชาธิปัตย์มีแต่ได้กับได้
ฝั่ง “พลพรรคเพื่อแม้ว” ก็พอจะดักเหลี่ยมอ่านเกมออก โดยเฉพาะอาการของ “ยิ่งลักษณ์” บ่ายเบี่ยง บอกปัดทันทีไม่ให้ยืดเยื้อ อ้างติดภารกิจเยอะ เพราะดีดลูกคิดคำนวณผลได้-ผลเสีย ทุกทิศทางแล้ว เพื่อไทยไม่เอา “ขุน” ไปแลก “เบี้ย” แน่
ปล่อยให้ “ยิ่งลักษณ์” ลอยตัวเหนือเมฆจะดีที่สุด ไม่เสี่ยง-ไม่เสียราคา-ไม่เสียแต้ม แล้วให้ “ร.ต.อ.เฉลิม” บู๊แทน จะเสียก็เสียแค่ ร.ต.อ.เฉลิม
เมื่อเพื่อไทยไม่ยอมส่ง “ยิ่งลักษณ์” ตัวเป็นๆไปสู้กับประชาธิปัตย์ แต่มอบหมายให้ร่างทรงอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม ลงเล่นแทน ฝ่ายค้านอาชีพก็เปลี่ยนเกมกดดัน บลั๊ฟ ร.ต.อ.เฉลิม”ให้จมดินทันที โดย “อภิสิทธิ์” กรีดเบาๆ ว่า แค่คุยกับ “ร.ต.อ.เฉลิม” คงไม่ได้ประโยชน์ เพราะไม่มีอำนาจตัดสินใจ ต้องเป็นเบอร์ 1 อย่างยิ่งลักษณ์เท่านั้น
เมื่อต่างฝ่ายต่างตั้งแง่เช่นนี้ ก็คงหนีไม่พ้นต้อง “ล้มโต๊ะ” แล้วไปฉะกันในสภาฯ แบบแผ่นเสียงตกร่อง เพราะพูดกันมาทุกปี แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
มองการ “ล้มโต๊ะ” ครั้งนี้ได้แค่มุมเดียวคือ เรื่องการเมืองล้วนๆ ตั้งแต่ที่สองฝ่ายไม่บริสุทธิ์ใจ จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน มุ่งแต่เล่นเกมการเมืองกันไปเรื่อย คิดแค่จะขุดบ่อล่อเหยื่อให้ “ฝ่ายตรงข้าม” มาติดกับดักเท่านั้น
ดีไม่ดีเกมนี้ฝ่ายประชาธิปัตย์อาจจะ “เสียแต้ม” ด้วยซ้ำ เพราะเป็นผู้เริ่มต้น และเป็นผู้ “ตั้งแง่” ปฏิเสธก่อนเอง และหากประชาธิปัตย์ยังหวังดึง “ยิ่งลักษณ์” ลงมาเปิดหน้าเล่นเกมการเมืองด้วยตัวเอง โอกาสหน้าคงต้องแยบยลกว่านี้ เพราะบรรดากุนซือในเพื่อไทยคงไม่พลาดท่าให้ง่ายๆ
**ระหว่างนี้คนไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แท้ๆ ก็ต้องรับเคราะห์จาก “เกมการเมือง” ที่ยังไม่ลงตัวหลบกระสุน หนีระเบิด กันไปพลางก่อน