xs
xsm
sm
md
lg

คดีกระทิงแดงซิ่งไม่มีล้ม ใบสั่งช่วยสวป. สื่อนอกกังขาอิทธิพลบีบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผบช.น.ย้ำคดีทายาทกระทิงแดงขับซิ่งชนตร.ดับ ไม่มีมวยล้ม อยู่ในขั้นตอนของกม. หลัง"วรยุทธ"รับสารภาพ ยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ส่วนสวป.จัดฉากแพะ อาจต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญา รู้ผล 6 ก.ย.นี้ ด้านสื่อต่างประเทศประโคมข่าวตร.ให้ประกันตัวลูกชายเจ้าของกระทิงแดง หลังก่อเหตุขับรถชนตร.ดับ ชี้อาจมีความพยายามใช้ “อิทธิพลมืด” ล้มคดี เพื่อช่วยผู้กระทำความผิดที่เป็นทายาทคนดัง

วานนี้ (4 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทธุรกิจกระทิงแดง ขับรถพุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ เสียชีวิต ก่อนหลบหนีไปที่บ้านพักหรู ภายในซอยสุขุมวิท 53 บ้านเลขที่ 9 เมื่อช่วงเช้าวานนี้(3 ก.ย.) ว่า คดีนี้น่าจะจบได้แล้วเพราะได้ตัวผู้ต้องหาตัวจริงแล้ว ต่อไปเป็นขั้นตอนทางกฎหมาย โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช. ดูแลด้านการสอบสวนและทำสำนวนให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด เพราะคดีนี้ไม่มีความซับซ้อน อีกทั้ง ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพและพร้อมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ส่วนผลการตรวจเลือดนั้นยังต้องรออีกสักระยะ

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วน พ.ต.ท.ปัณณ์ณภพ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ ที่นำตัวแพะมามอบตัวนั้น เรื่องนี้ต้องรอผลสอบจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้( 6 ก.ย.) หากพบว่ากระทำผิดจริงจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัยและทางอาญา เพราะเป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เสียชีวิตเป็นผู้ใต้ผู้บังคับบัญชาของตนเองยังทำได้ขนาดนี้ และหากเป็นประชาชนคนธรรมดาจะไม่ยิ่งไปกว่านี้หรือ ทั้งนี้ การพิจารณาโทษ นายวรยุทธ อยู่วิทยา นั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลและคดีนี้จะต้องตอบคำถามของสังคมได้อย่างชัดเจน

“ขอยืนยันว่าไม่มีการช่วยเหลือผู้ต้องใดๆทั้งสิ้น ขอให้ญาติพี่น้องและเพื่อนตำรวจสบายใจได้ ทั้งนี้ ได้มีผู้ใหญ่หลายคนพยายามโทรศัพท์ และติดต่อขอให้ตนให้การช่วย พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ จริง จากกรณีที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางให้การช่วยเหลือ นายวรยุทธ์ อยู่วิทยา หรือ บอส อายุ27ปี หลานชายนักธุรกิจเครื่องดื่มกระทิงแดง ”ผบช.น. กล่าว

ที่ห้องประชุมบก.น.5 ภายในบช.น. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. ดูแลงานด้านกฎหมายและสอบสวน พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว ผบก.น.5 พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผกก.สน.ทองหล่อ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการประชุมและรายงานความคืบหน้ากรณีดังกล่าว

พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวว่า หลังจากร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง คดีนายวรยุทธว่าเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และหลบหนีไม่แจ้งเหตุหรือไม่ให้ความช่วยเหลือ ส่วนนายสุเวศ พ่อบ้านหลังดังกล่าว ได้ดำเนินคดีในข้อหาแจ้งข้อความเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย รวมทั้งได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยกับทาง พ.ต.ท.ปัณณ์ณภพ ที่นำตัวนายสุเวศมาเป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันเกิดเหตุซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริงและจะมีการพิจารณาทางวินัย

พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุช่วงบริเวณซอยสุขุมวิท 47 ถึง ซอยสุขุมวิท 49 เพื่อหารายละเอียดเพิ่มเติม ทั้ง ดีเอ็นเอ เสื้อผ้า ตรวจสอบภายในรถยนต์ พบว่ามีวัตถุพยานบางอย่างอยู่ แต่เบื้องต้นได้สอบปากคำผู้ต้องหา รวมทั้ง การพิมพ์ลายนิ้วมือ ตรวจร่องรอยบาดแผล เมื่อเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่จึงรีบดำเนินการพาตัวผู้ต้องหาไปตรวจเลือด เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ทันที

“ ผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามอย่างเร่งรัด โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปประสานงานกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งได้มีการตรวจเลือด เพื่อวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดว่าขณะเกิดเหตุมีสติสัมปะชัญญะหรือว่ามีอาการมึนเมาอย่างไร ถ้ามีอาการมึนเมาก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม”รอง ผบช.น. กล่าว

พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวอีกว่า ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดนั้น ไม่สามารถเห็นจับภาพขณะเกิดเหตุ แต่เห็นภาพตอนที่ด.ต.วิเชียรขับรถจยย.ตราโล่อยู่ และจับภาพนายวรยุทธขับรถยนต์มาด้วยความเร็วสูง แต่เจ้าหน้าที่มีพยานแวดล้อมที่สามารถนำไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ โดยในภาพผู้ต้องหาขับมาในทางตรงมุ่งหน้าไปทางเอกมัย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ชนแล้วลากไปเกือบ 200 เมตร นั้นเข้าข่ายมีเจตนาหรือไม่ พล.ต.ต.อนุชัย กล่าว เจ้าหน้าที่จะต้องพิสูจน์ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกที ทั้งพยานบุคคลที่เกิดเหตุให้มายืนยันว่ามีพฤติการณ์เป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ เพราะเมื่อพนักงานสอบสวนไปถึงไม่มีพยานพบเห็นว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ก่อนที่จะพิจารณาแจ้งข้อหาอื่นๆเพิ่มเติม โดยข้อเวลาในการหาข้อมูลสักระยะ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ทองหล่อ หลายท่าน ได้ร่วมทำงานกับ ด.ต.วิเชียร และจะไม่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตไปโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม

พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวเพิ่มเติม เบื้องต้น คำให้การของผู้ต้องหานั้นในรายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผย แต่ผู้ต้องหาให้การว่าขับรถชนด.ต.วิเชียร จริง แต่มีข้อแก้ตัวบางประการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องหาข้อพิสูจน์ต่างๆ มายืนยัน มีบางสื่อบอกว่ามีการขับแข่งรถกันมา แต่จากพยานหลักฐานที่ได้มายังไม่พบแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.อ.ชุมพล กล่าวว่า ด.ต.วิเชียรจะทำหน้าที่เป็นคนขับรถของ สวป.สนทองหล่อ แต่เป็นคนละคนกับพ.ต.ท.ปัณณ์ณภพ นามเมือง แต่เนื่องจากเวลาช่วงเช้าจะมีการประทุษร้ายต่อทรัพย์มากในบริเวณจุดดังกล่าว จึงสั่งการให้ ด.ต.วิเชียร ไปจอดรถจยย.ตราโล่ ระหว่างซอยสุขุมวิท 47 กับซอยสุขุมวิท 49 เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน แต่กลับมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นเสียก่อน

พ.ต.อ.ชุมพล กล่าวอีกว่า ทางสน.ทองหล่อ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกับ พ.ต.ท.ปัณณ์ณภพ แต่คงต้องใช้ระยะเวลาสักระยะ และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรก็ต้องลงไปตามข้อเท็จจริง

“เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของตำรวจ ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้เร่งรัดให้ตรวจสอบอย่างโดยเร็ว แต่จากการสอบถามเบื้องต้น สวป.ยอมรับว่ามีความสนิทสนมกับคนในบ้านนั้นจริง ”พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวทิ้งท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ที่สน.ทองหล่อ ยังเป็นไปด้วยความเงียบเหงา เพื่อนข้าราชการตำรวจในโรงพักบางนายก็จับกลุ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ บางนายกล่าวยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า ด.ต.วิเชียร เป็นคนดี เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน นอกจากนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาก็มีหญิงชาวต่างชาติรายหนึ่งนำช่อดอกไม้มามอบให้กับตำรวจในโรงพัก พร้อมแจ้งว่าได้เห็นข่าวออกไปตามสื่อ จึงนำดอกไม้มามอบให้เพื่อเป็นการแสดงความเสียใจ นอกจากนี้ ยังได้มีเพื่อนข้าราชการตำรวจในโรงพัก รวมทั้งประชาชนที่พักอาศัยอยู่ ซึ่งรู้จักสนิทสนมกับ ด.ต.วิเชียร ก็ได้รวบรวมเงินมาช่วยเหลืองานศพของ ด.ต.วิเชียร ทางเจ้าหน้าที่จึงรวบรวมเงินทั้งหมดใส่ตู้พลาสติกใส่ก่อนนำไปเก็บไว้ที่ห้องทำงานของ พ.ต.อ.ชุมพล เพื่อความโปร่งใส่

ส่วนรถจยย.สายตรวจตราโล่ ทะเบียน 51511 ของ ด.ต.วิเชียร กับ รถเก๋งสปอร์ตเฟอร์รารี่ นั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งไปตรวจเก็บหลักฐานเพิ่มเติมที่กองพิสูจน์หลักฐานเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันบริเวณหน้าห้องทำงานของ พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ ที่ถูกเซ็นคำสั่งย้ายด่วนให้ไปช่วยราชการนั้น ก็ถูกแกะป้ายชื่อออกไปจากหน้าห้องแล้วเช่นกัน

ด้านน.ส.นงนุช แสงประพาฬ อดีตภรรยาของ ด.ต.วิเชียร ขณะกำลังเดินออกจากสน.ทองหล่อ ก็พบว่าเจ้าตัวยังอยู่ในอาการโศกเศร้า ก่อนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า ก่อนหน้านี้ตนคบหากับ ด.ต.วิเชียร มาตั้งแต่ตนอายุ 18 ปี ก่อนจะตัดสินใจแต่งงานกันในปี 47 แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งตอนนั้นตนยังอยากทำงานอยู่ เนื่องจากยังต้องส่งน้องเรียนหนังสือ ประกอบกับอดีตสามีนั้นเป็นตำรวจต้องเข้าเวรเลิกงานไม่เป็นเวลา จึงทำให้มีเวลาให้กันไม่มาก บางครั้งไม่เจอหน้ากันเป็นสัปดาห์ จึงตัดสินใจแยกกันอยู่ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเลิกกันได้หรือไม่ เพราะยังพบเจอหน้าและโทรศัพท์คุยกันเกือบทุกวัน รวมทั้งด.ต.วิเชียร เองก็ยังดูแลแม่กับน้องสาวตนอยู่ด้วย โดยเมื่อ 2 ปีก่อนตนไม่ได้ทำงานแล้ว จึงกลับมาอยู่กับแม่ช่วยแม่ขายของ ทำให้ ด.ต.วิเชียร ดีใจมาก ตัว ด.ต.วิเชียร ก็ยังแบ่งเงินเดือนให้ตนใช้ด้วย แม่ของตนก็เคยบอกว่าจะให้ตนกับ ด.ต.วิเชียร ไปรดน้ำมนต์ ผูกข้อมือกันใหม่อีกครั้ง ตนยังคิดเอาไว้หลายอย่างว่าจะทำอะไรด้วยกัน โดยตั้งใจว่าปีหน้าจะกลับมาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว มีลูกด้วยกันแต่ก็มาเสียชีวิตเสียก่อน

“หลังจากนี้คงจะกลับไปทำงานเหมือนเดิม ทั้งนี้ตลอดเวลาที่รู้จักคบหากันมาเกือบ 15 ปี ด.ต.วิเชียร เป็นคนดี ซื่อสัตย์ อีกทั้งยังรักตนมาก เรื่องชู้สาวก็ไม่เคยมีให้ตนต้องคิดมาก เคยมีผู้หญิงผ่านเข้ามาในชีวิตบ้าง แต่ ด.ต.วิเชียร ก็ไม่สนใจเลย นอกจากนี้ยังตั้งใจทำงานมาก หากเข้าเวร 08.00 น.ก็จะมาถึงโรงพักตั้งแต่เวลา 07.30 น. จนเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน อย่างไรก็ตามเมื่อ 7 ปีก่อน ด.ต.วิเชียร ก็เคยถูกรถชนที่ จ.กำแพงเพช มาแล้วครั้งหนึ่ง ขาหักต้องรักษาตัวอยู่นาน 6 เดือนจึงจะกลับมาทำงานได้เป็นปกติ ส่วนเรื่องเงินช่วยเหลือนั้น ทางฝ่ายคู่กรณีก็ยังไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด แต่ทางตนก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนสมรสด้วยกัน “ น.ส.นงนุช กล่าว

รายงานของเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ผ่าวดาวเทียม “ฟ็อกซ์ นิวส์”ของสหรัฐฯ ระบุว่า นายวรยุทธ วัย 27 ปี ซึ่งเป็นหลานชายของนายเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ให้กำเนิดแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังชื่อก้องโลก ถูกตำรวจควบคุมตัวหลังจากที่เขาขับรถยนต์หรูเฟอร์รารีมาด้วยความเร็วพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรวัย 47 ปีนายหนึ่ง (ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ) ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ แล้วหลบหนีไปกบดานในบ้านพักในย่านสุขุมวิทของกรุงเทพฯ ขณะที่ร่างของตำรวจผู้เคราะห์ร้ายถูกนายวรยุทธจงใจขับรถลากออกไปตามท้องถนน ห่างจากจุดเกิดเหตุเป็นระยะทางไกลกว่า 200 เมตร

ขณะที่สื่อต่างประเทศอีกหลายสำนักทั้ง เดลี เมล, สำนักข่าวบีบีซี, หนังสือพิมพ์เทเลกราฟ รวมถึง เว็บไซต์เดอะ มิร์เรอร์ ต่างตั้งข้อสังเกตุว่า เพราะเหตุใด ตำรวจไทยจึงยินยอมให้คนร้ายทายาทเศรษฐีรายนี้ได้รับการประกันตัวไปในวงเงิน 500,000 บาท ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่า นายวรยุทธ “มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง” ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ก่อเหตุไม่ได้แสดงออกถึงความเป็นห่วงต่อเหยื่อแม้แต่น้อย ทั้งยังจงใจขับรถยนต์หรูของตนลากร่างของตำรวจเคราะห์ร้ายไปเป็นระยะทางไกลอย่างไร้ความปราณี

ขณะเดียวกัน สื่อต่างประเทศยังตั้งข้อสังเกตว่า พบความผิดปกติในคดีนี้ กรณีที่มีคนขับรถรายหนึ่งออกมารับผิดแทนผู้ก่อเหตุตัวจริง ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ อาจมีการใช้ “อิทธิพลมืด” เพื่อให้ผู้กระทำความผิดที่เป็นทายาทนักธุรกิจชื่อดัง รอดพ้นความผิด

ทั้งนี้ ข้อมูลจากนิตยสาร “ฟอร์บส์” สื่อดังด้านธุรกิจและการเงินของสหรัฐฯระบุว่า ตระกูล “อยู่วิทยา” ถือเป็นตระกูลที่มีความมั่งคั่งเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทยในปีนี้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิไม่ต่ำกว่า 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 168,435ล้านบาท) จากรายได้ที่มาจากการถือหุ้นในธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull ธุรกิจโรงพยาบาล อสังหาริมทรัพย์ ไม่เว้นแม้แต่การที่ตระกูลอยู่วิทยาเข้าไปเป็น “เจ้าของร่วม” ในบริษัทนำเข้ารถยนต์หรูแห่งหนึ่ง ที่ได้สิทธิ์การเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของแบรนด์รถยนต์เฟอร์รารีในประเทศไทยอีกด้วย

สอดรับกับรายงานข่าวที่ระบุว่า ผบช.น. ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวแห่งหนึ่งผ่านทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้ได้มีผู้ใหญ่โทรศัพท์และติดต่อเข้ามาให้ตนช่วยเหลือและไม่เอาผิดกับ พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณจริง

ร.ต.อ เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่ สารวัตรปราบปราม สน.ทองหล่อ นำตัวนายสุเวศ หอมอุบล พ่อบ้าน มารับสมอ้างว่าเป็นผู้ขับรถชน ดาบตรีวิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต แทน นายวรยุทธ อยู่วิทยา บุตรชายนายเฉลิม อยู่วิทยา เจ้าของกระทิงแดง ว่า คนชนต้องรับผิด เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพียงแต่ตำรวจยังติดใจอยู่ว่า เมื่อชนแล้วทำไมถึงลากไปกว่า 200 เมตร ซึ่งจะต้องสอบสวนให้ชัดเจนว่า ผู้ถูกชนเสียชีวิตเวลาใด เพราะจะส่งผลต่อรูปคดี ซึ่งเชื่อว่าเหตุที่เกิด สวป.ผู้นี้สนิทกับตระกูลผู้ชน จึงได้เข้าไปจัดการเอง ซึ่งล่าสุดได้ถูกสั่งย้ายแล้ว และต่อไปจะต้องมีบทลงโทษมากกว่านี้ ส่วนการดำเนินการจะถึงขั้นไหนนั้นจะต้องรอผลการสอบสวนที่แน่ชัดก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น