xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อกรือเซะโวยเยียวยา ไม่เท่าแดงเผาเมือง แฉถูกล็อบบี้รับเป็นโจรใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ญาติเหยื่อเหตุมัสยิดกรือเซะสุดช้ำ โผล่ ปชป.ขอความเป็นธรรม ร่ำไห้กลางห้องแถลงข่าว แฉรัฐจ่ายแค่ 4 ล้านไม่เท่า "แดงเผาเมือง" 7.5 ล้าน โวยรับไม่ได้รัฐกล่าวหาลูกชายเป็นโจร พร้อมเปิดโปงความจริงถูก ขรก.ล็อบบี้ให้ยอมรับ “ถาวร” ระบุเยียวยาไม่เท่าเทียมคือบ่อเกิดความขัดแย้งรอบใหม่ "แม่ทัพภาค 4" ยืดอกรับทหารบกพร่อง-หละหลวม ปล่อยโจรใต้เหิมเกริมป่วนกว่า 100 จุด

วานนี้ (2 ก.ย.) ตัวแทนญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.47 ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายกูเด ละแมะ นางสาวสุนันทา และนายธีรยุทธ เกียรติวารี บุตรสาว และบุตรเขย ได้เดินทางมาพบ นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะตัวแทนญาติผู้เสียชีวิตรวม 10 ราย จากเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อขอความเป็นธรรมหลังจากรัฐบาลจัดสรรเงินเยียวยาลงไปในพื้นที่ โดยระบุว่า จะให้เงินกับญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว 4 ล้านบาท ไม่ใช่ 7.5 ล้านบาท เท่ากับเหตุชุมนุมทางการเมือง และเหตุการณ์อื่น โดยอ้างว่าผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์กรือเซะ เป็นโจรที่ใช้อาวุธต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ญาติรับไม่ได้ เพราะเป็นการใส่ร้ายผู้ที่เสียชีวิต

ด้านนายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการชันสูตรพลิกศพ ไม่ปรากฏว่าคนบางกลุ่มที่เสียชีวิตที่นั่น เป็นผู้ต่อสู้ หรือยิงเจ้าหน้าที่รัฐ โดยฝ่ายญาติได้พยายามเรียกร้องหาความเป็นธรรม แต่เจ้าหน้าที่ลอยนวลมาตลอด เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะได้เงินจากรัฐเพื่อเยียวยาเรื่องนี้ แต่เมื่อรัฐมีการเยียยวผู้ชุมนุมทางการเมือง 7.5 ล้าน จนมีการเรียกร้องให้เยียวยาอย่างเป็นธรรมในพื้นที่ภาคใต้ด้วย จึงมีการตั้งคณะอนุกรรมการ ซึ่งสร้างความไม่สบายใจให้ญาติผู้เสียชีวิต 32 คน ที่มัสยิดกรือเซะ และประกาศที่จะไม่รับเงินเยียวยา 10 ราย โดยตนจะทำหนังสือถึง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อให้พิจารณาให้ความเป็นธรรม อย่างน้อยต้องกอบกู้ชื่อเสียงของผู้เสียชีวิตกลับคืนมา เพราะแม้แต่ในคำสั่งของศาลก็มิได้มีการระบุว่า ผู้เสียชีวิตมีการจับอาวุธเพื่อต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ แต่รัฐกลับกล่าวหาว่าคนตาย คือผู้มีอาวุธที่ตั้งใจต่อสู้กับรัฐ ดังนั้นหากรัฐจะเยียวยาก็ต้องเท่าเทียมกับกรณีอื่น

"ผมจะยื่นเรื่องต่อกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาฯ เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐไปกล่าวหาว่าผู้เสียชีวิตเป็นโจรจริงหรือไม่ เพราะเป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง"

นายถาวร กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมารัฐบาลคิดว่าเงินสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่ แต่การแก้ปัญหาภาคใต้ต้องใช้ความเอาใจใส่ และความจริงใจในการแก้ปัญหา แต่รัฐบาลไม่ได้ส่งสัญญาณให้เห็นว่ามีความจริงใจที่จะแก้ปัญหา ไม่มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังความเห็นจากเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ ทำให้การแก้ปัญหาไม่ถูกทาง และหากยังดำเนินการเช่นนี้ต่อไป เชื่อว่ารัฐบาลไม่สามารถดับไฟใต้ได้

**พ่อเหยื่อหลั่งน้ำตายันลูกชายไม่ใช่กบฏ

ในระหว่างการแถลงข่าว นายกูเด บิดาของนายวัดสรี ละเมะ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ถล่มมัสยิดกรือเซะ ถึงกับปล่อยโฮออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ และได้นำเอาหนังสือรับรองความประพฤติบุตรชาย รวมถึงหลักฐานยืนยันว่า นายวัดสรี ไม่ได้เป็นผู้มีจิตใจที่จะเป็นกบฏต่อประเทศชาติ แต่ตั้งใจที่จะเรียนหนังสือต่อที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ควบคู่ไปกับการเรียนศาสนา เพื่อให้มีอนาคตที่ดีเหมือนกับคนไทยคนอื่น มาแสดงต่อสื่อมวลชนด้วย

นายธีรยุทธ กล่าวว่า ครอบครัว ละแมะ เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตในมัสยิดกรือแซะ 32 รายโดยในจำนวนดังกล่าว มีนักเรียนจากโรงเรียนพัฒนาอิสลาม 14 คน เป็นผู้สูงอายุอีก 6-7 คน เป็นข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสังคม และมีคำถามว่า เด็กกลุ่มนั้นไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร ทั้งที่เป็นเด็กมีเกียรติประวัติ หลายคนได้รับรางวัลชมเชย ได้โล่ห์ความประพฤติดีเด่น มีอุปนิสัยดี

"พ่อแม่ลงทุนและทุ่มเท เหมือนเราลงทุนกับลูกรักลูก ทั้งแรงกายแรงใจและทรัพย์สินเท่าที่มีให้เป็นคนมีคุณภาพในสังคม และทุกคนอยุ่ในโอวาท เรียนดี ซึ่งมีการจินตนาการว่าเป็นเด็กติดยา หรือหัวรุนแรง มีทัศนคติซ้ายหรือขวาจัด แต่ความจริงไม่ใช่ เด็กเหล่านี้เป็นที่ชื่นชมของคนในครอบครัว และในหมู่บ้าน มีบางคนเป็นนักกีฬาเยาวชน เราไม่ได้ทุ่มเทให้เขามาเป็นคนที่อยู่ในมัสยิดกรือเซะ เขาไม่เคยทำให้เราผิดหวัง กำลังสมัครเรียน มสธ.สาขาการปกครอง เวลาว่างเรียนศาสนาควบคู่ไป มีความฝันว่าจะเป็นปลัดอำเภอ นายอำเภอ เป็นเด็กมีอนาคต ทุกคนมีอนาคตไกล มีบางคนแม่เป็นครู พ่อเป็นทหาร ผมถามว่าครูกับทหารจะกบฏกับชาติสอนลูกให้เป็นโจรหรือ หลายคนพ่อแม่ค้าขาย ตัดยางส่งลูกเรียน เด็กกลุ่มนี้ไม่ได้รับความยุติธรรม 8 ปีผ่านไปไม่เคยมีใครดูแล สนใจ เมื่อมีการเยียวยาก็ไม่คาดหวังอะไร มีการประชุมชี้แจงกลุ่มญาติที่คณะกรรมการอิสลาม จ.ยะลา บอกจะให้กรือเซะ 4 ล้าน อ้างว่าเป็นโจร มีเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ให้ 4 ล้านก็บุญแล้ว จริงๆ จะไม่ให้ด้วยซ้ำ สะเทือนจิตใจเรามากที่สุด 8 ปี ไม่เคยถูกกล่าวหาว่าเป็นโจร แต่พอมีเงินเยียวยาลงมา เด็กกลุ่มนี้เป็นโจร เป็นคนไม่ดีทันที กล่าวหาว่าเด็กกลุ่มนี้เป็นโจร ลดเงินเยียวยาจาก 7.5 ล้านเหลือ 4 ล้าน อีกทั้งยังมีคณะทำงานที่มาล็อบบี้ให้ยอม โดยไม่ต้องต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการในพื้นที่ หรือหน่วยงานต่างๆ จนสุดท้ายเหลือญาติที่จะต่อสู้เพื่อรักษาชื่อเสียงให้คนตาย 10 คนจาก 32 คน ผมคาดหวังว่าสังคมนี้จะมีความยุติธรรมเหลืออยู่เพื่อช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของคนที่เสียชีวิตไปแล้ว ตัดคำว่าไอ้เด็กโจรออก เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองยอมรับไม่ได้ เขาทุ่มเทให้ลูกเติบโต เป็นคนดีของสังคม ไม่เคยคิดเป็นกบฏต่อชาติ เราต้องการความภาคภูมิในชีวิตคืนมา”

นายธีรยุทธ กล่าวด้วยว่า มีการหารือหลายรอบ กับทางเจ้าหน้าที่รัฐ ยื่นหนังสือประท้วงกับ รองเลขาธิการ ศอ.บต. ก็บอกจะตรวจสอบดูแลให้ จากนั้นไปเจอ นายทวี สอดส่อง เลขา ศอ.บต. บอกว่า จะช่วยดูแลให้เป็นกรณีพิเศษ และจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเหตุการณ์กรือเซะอีกครั้ง เพราะรายงานจากการตรวจสอบในช่วงปี 2547 ย่อมไม่มีใครกล้าให้ข้อมูลที่แท้จริง แต่จนถึงขณะนี้ ก็ไม่มีความคืบหน้า ล่าสุดเดือนสิงหาคมมีการประชุมกลุ่มอนุกรรมการและกรรมการที่ดูแลเรืองเงินเยียวยา ได้รับแจ้งว่าถ้าไม่รับเงิน 4 ล้านบาท เมื่อถึงสิ้นเดือนกันยายน งบประมาณส่วนนี้จะกลับไปคลัง และไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่ หรืออาจจะไม่มาเลย จึงขอให้รับ 4 ล้านไปก่อน อีก 3.5 ล้าน ไปฟ้องเอา ถ้าเยียวยาแล้วบอกลูกเราเป็นโจร หาเหตุผลดีกว่านั้นไม่ได้ เราไม่ขอรับเงิน เพราะไม่ได้ลงทุนมาให้เขาถูกด่าว่าเป็นโจร ถามว่าถ้าเป็นลูกคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร สิ่งที่รัฐบาลทำเป็นการเหยียบย่ำซ้ำเติมความรู้สึก สะกิดแผลตอกย้ำความเจ็บปวดให้กับญาติผู้เสียชีวิต

**มทภ.4 เพิ่มความเข้มงวดตรวจสิ่งผิด

ด้าน พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 4 ให้สัมภาษณ์ถึงมาตราการการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่องว่า ตอนนี้เรากำลังปรับมาตราการต่างๆ อยู่ ซึ่งเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำว่าต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง แต่ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ายังมีปัญหา เราพยายามที่จะแก้ไขช่องว่างที่มีอยู่ให้เกิดความรัดกุมมากที่สุด ซึ่งทางผู้ก่อเหตุเองก็เฝ้าจับตาเราอยู่ทุกวัน เมื่อเราเผลอหรือมีช่องว่างเขาก็อาศัยจังหวะนั้นในการก่อเหตุ

ส่วนหน่วยงานทางด้านการข่าวมีปัญหาหรือไม่ เพราะมีการก่อเหตุเป็น1 00 จุดแต่หน่วยข่าวไม่ทราบและล่าสุดก็สามารถเข้าไปก่อเหตุในเขตเซฟตี้โซนได้นั้น พล.ท.อุดมชัย กล่าวว่า หน่วยข่าวของเราทราบว่าจะมีการก่อเหตุ แต่อีกฝ่ายมีการกระจายกำลังไปตามจุดต่างๆเพื่อโจมตีโดยอาศัยแนวร่วมในพื้นที่ อีกทั้งประชาชนก็ไม่กล้าที่จะแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ทราบ ส่วนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุสามารถเข้าไปวางระเบิดห้างซุปเปอร์ดีพาร์ทเม้นต์สโตร์ สาขา 4 นราธิวาส ซึ่งเป็นเขตเซฟตี้โซนนั้นถือเป็นความหละหลวมของเจ้าหน้าที่

“ผมก็ไม่อยากแก้ตัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือไปกล่าวโทษคนโน้นคนนี้ แต่ก็ต้องยอมรับ ว่าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่บางส่วนที่หละหลวม ไม่รัดกุมจนทำให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้น ผมพยายามที่จะอุดช่องว่าง พร้อมๆ กับเพิ่มการปฎิบัติการในเชิงรุกให้มากขึ้น สำหรับประชาชนก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ต้องช่วยกันเฝ้าระวัง หากมีเหตุการณ์ที่ผิดปกติก็ต้องกล้าแจ้งเจ้าหน้าที่” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น