ญาติเหยื่อเหตุมัสยิดกรือเซะโผล่ ปชป.ขอความเป็นธรรม แฉรัฐจ่ายแค่ 4 ล้าน ไม่เท่าแดงเผาเมือง รับไม่ได้ถูกใส่ร้ายผู้ตายเป็นโจร ด้าน “ถาวร” จ่อทำหนังสือถึงนายกฯ สัปดาห์นี้ พร้อมยื่น กมธ.กฎหมาย สภาฯ ด้วย ซัดรัฐไม่จริงใจทำแก้ไม่ถูกทาง ด้านพ่อเหยื่อถึงกับหลั่งน้ำตา ยันลูกชายไม่ใช่กบฏ พี่ชายแฉถูก ขรก.ล็อบบี้ให้ยอมรับ
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ ตัวแทนญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2547 ในยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายกูเด ละแมะ น.ส.สุนันทา และนายธีรยุทธ เกียรติวารี บุตรสาวและบุตรเขย ได้เดินทางมาพบนายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะตัวแทนญาติผู้เสียชีวิตรวม 10 รายจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อขอความเป็นธรรมหลังจากรัฐบาลจัดสรรเงินเยียวยาลงไปในพื้นที่ โดยระบุว่าจะให้เงินกับญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว 4 ล้านบาท ไม่ใช่ 7.5 ล้านบาทเท่ากับเหตุชุมนุมทางการเมืองและเหตุการณ์อื่น โดยอ้างว่าผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์กรือเซะเป็นโจรที่ใช้อาวุธต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ญาติรับไม่ได้ เพราะเป็นการใส่ร้ายผู้เสียชีวิต
นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการชันสูตรพลิกศพไม่ปรากฏว่าคนบางกลุ่มที่เสียชีวิตที่นั่นเป็นผู้ต่อสู้หรือยิงเจ้าหน้าที่รัฐ โดยฝ่ายญาติได้พยายามเรียกร้องหาความเป็นธรรม แต่เจ้าหน้าที่ลอยนวลมาตลอด เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะได้เงินจากรัฐเพื่อเยียวยาเรื่องนี้ แต่เมื่อรัฐมีการเยียยวผู้ชุมนุมทางการเมือง 7.5 ล้าน จนมีการเรียกร้องให้เยียวยาอย่างเป็นธรรมในพื้นที่ภาคใต้ด้วย จึงมีการตั้งคณะอนุกรรมการ ซึ่งสร้างความไม่สบายใจให้ญาติผู้เสียชีวิต 32 คนที่มัสยิดกรือเซะ และประกาศที่จะไม่รับเงินเยียวยา 10 ราย
โดยตนจะทำหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อให้พิจารณาให้ความเป็นธรรม อย่างน้อยต้องกอบกู้ชื่อเสียงของผู้เสียชีวิตกลับคืนมา เพราะแม้แต่ในคำสั่งของศาลก็มิได้มีการระบุว่าผู้เสียชีวิตมีการจับอาวุธเพื่อต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ แต่รัฐกลับกล่าวหาว่าคนตายคือผู้มีอาวุธที่ตั้งใจต่อสู้กับรัฐ ดังนั้น หากรัฐจะเยียวยาก็ต้องเท่าเทียมกับกรณีอื่น ทั้งนี้จะยื่นเรื่องต่อกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐไปกล่าวหาว่าผู้เสียชีวิตเป็นโจรจริงหรือไม่ เพราะเป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมารัฐบาลคิดว่าเงินสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่ แต่การแก้ปัญหาภาคใต้ต้องใช้ความเอาใจใส่และความจริงใจในการแก้ปัญหา แต่รัฐบาลไม่ได้ส่งสัญญาณให้เห็นว่ามีความจริงใจที่จะแก้ปัญหา ไม่มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อรับฟังความเห็นจากเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ทำให้การแก้ปัญหาไม่ถูกทาง และหากยังดำเนินการเช่นนี้ต่อไป เชื่อว่ารัฐบาลไม่สามารถดับไฟใต้ได้
ในระหว่างการแถลงข่าว นายกูเด บิดาของนายวัดสรี ละแมะ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ถล่มมัสยิดกรือเซะ ถึงกับปล่อยโฮออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ และได้นำเอาหนังสือรับรองความประพฤติบุตรชาย รวมถึงหลักฐานยืนยันว่านายวัดสรีไม่ได้เป็นผู้มีจิตใจที่จะเป็นกบฏต่อประเทศชาติ แต่ตั้งใจที่จะเรียนหนังสือต่อที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชควบคู่ไปกับการเรียนศาสนา เพื่อให้มีอนาคตที่ดีเหมือนกับคนไทยคนอื่น มาแสดงต่อสื่อมวลชนด้วย
นายธีรยุทธกล่าวว่า ครอบครัวละแมะเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตในมัสยิดกรือเซะ 32 รายโดยในจำนวนดังกล่าวมีนักเรียนจากโรงเรียนพัฒนาอิสลาม 14 คน เป็นผู้สูงอายุอีก 6-7 คน เป็นข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสังคม และมีคำถามว่าเด็กกลุ่มนั้นไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร ทั้งที่เป็นเด็กมีเกียรติประวัติ หลายคนได้รับรางวัลชมเชย ได้โล่ความประพฤติดีเด่น มีอุปนิสัยดี
“พ่อแม่ลงทุนและทุ่มเทเหมือนเราลงทุนกับลูกรักลูก ทั้งแรงกายแรงใจและทรัพย์สินเท่าที่มีให้เป็นคนมีคุณภาพในสังคม และทุกคนอยุ่ในโอวาท เรียนดี ซึ่งมีการจินตนาการว่าเป็นเด็กติดยา หรือหัวรุนแรง มีทัศนคติซ้ายหรือขวาจัด แต่ความจริงไม่ใช่ เด็กเหล่านี้เป็นที่ชื่นชมของคนในครอบครัวและในหมู่บ้าน มีบางคนเป็นนักกีฬาเยาวชน เราไม่ได้ทุ่มเทให้เขามาเป็นคนที่อยู่ในมัสยิดกรือเซะ เขาไม่เคยทำให้เราผิดหวัง กำลังสมัครเรียน มสธ.สาขาการปกครอง เวลาว่างเรียนศาสนาควบคู่ไป มีความฝันว่าจะเป็นปลัดอำเภอ นายอำเภอ เป็นเด็กมีอนาคต ทุกคนมีอนาคตไกล มีบางคนแม่เป็นครู พ่อเป็นทหาร ผมถามว่าครูกับทหารจะกบฏต่อชาติด้วยการสอนลูกให้เป็นโจรหรือ
หลายคนพ่อแม่ค้าขาย ตัดยางส่งลูกเรียน เด็กกลุ่มนี้ไม่ได้รับความยุติธรรม 8 ปีผ่านไปไม่เคยมีใครดูแล สนใจ เมื่อมีการเยียวยาก็ไม่คาดหวังอะไร มีการประชุมชี้แจงกลุ่มญาติที่คณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา บอกจะให้กรือเซะ 4 ล้าน อ้างว่าเป็นโจรมีเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ ให้ 4 ล้านก็บุญแล้ว จริงๆ จะไม่ให้ด้วยซ้ำ สะเทือนจิตใจเรามากที่สุด 8 ปีไม่เคยกล่าวหาว่าเป็นโจร แต่พอมีเงินเยียวยาลงมาเด็กกลุ่มนี้เป็นโจร เป็นคนไม่ดีทันที กล่าวหาว่าเด็กกลุ่มนี้เป็นโจรลดเงินเยียวยาจาก 7.5 ล้านเหลือ 4 ล้าน อีกทั้งยังมีคณะทำงานที่มาล็อบบี้ให้ยอมโดยไม่ต้องต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการในพื้นที่หรือหน่วยงานต่างๆ จนสุดท้ายเหลือญาติที่จะต่อสู้เพื่อรักษาชื่อเสียงให้คนตาย 10 คนจาก 32 คน ผมคาดหวังว่าสังคมนี้จะมีความยุติธรรมเหลืออยู่เพื่อช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของคนที่เสียชีวิตไปแล้ว ตัดคำว่าไอ้เด็กโจรออก เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองยอมรับไม่ได้ เขาทุ่มเทให้ลูกเติบโตเป็นคนดีของสังคม ไม่เคยคิดเป็นกบฏต่อชาติ เราต้องการความภาคภูมิในชีวิตคืนมา” นายธีรยุทธกล่าว
นายธีรยุทธกล่าวด้วยว่า มีการหารือหลายรอบกับทางเจ้าหน้าที่รัฐ ยื่นหนังสือประท้วงกับ รองเลขาธิการ ศอ.บต. ก็บอกจะตรวจสอบดูแลให้ จากนั้นไปเจอนายทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. บอกว่าจะช่วยดูแลให้เป็นกรณีพิเศษ และจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเหตุการณ์กรือเซะอีกครั้ง เพราะรายงานจากการตรวจสอบในช่วงปี 2547 ย่อมไม่มีใครกล้าให้ข้อมูลที่แท้จริง แต่จนถึงขณะนี้ก็ไม่มีความคืบหน้า
“ล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคมมีการประชุมกลุ่มอนุกรรมการและกรรมการที่ดูแลเรื่องเงินเยียวยา ได้รับแจ้งว่า ถ้าไม่รับเงิน 4 ล้านบาท เมื่อถึงสิ้นเดือนกันยายน งบประมาณส่วนนี้จะกลับไปคลังและไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่ หรืออาจจะไม่มาเลย จึงขอให้รับ 4 ล้านไปก่อน อีก 3.5 ล้านไปฟ้องเอา ถ้าเยียวยาแล้วบอกลูกเราเป็นโจรหาเหตุผลดีกว่านั้นไม่ได้เราไม่ขอรับเงิน เพราะไม่ได้ลงทุนมาให้เขาถูกด่าว่าเป็นโจร ถามว่าถ้าเป็นลูกคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร สิ่งที่รัฐบาลทำเป็นการเหยียบย่ำซ้ำเติมความรู้สึก สะกิดแผลและตอกย้ำความเจ็บปวดให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต”
ด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตำหนิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ยอมให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ภาคใต้ หลังเกิดเหตุวางระเบิด 102 จุด ปักธงชาติมาเลเซีย ใน 4 จังหวัดภาคใต้ และเผาห้างสรรพสินค้าที่นราธิวาส โดยเหตุการณ์ผ่านมาสามวันนายกไม่พูดเรื่องนี้ บอกแค่ว่ามอบให้เลขาฯ สมช.ไปลงพื้นที่แล้ว แต่สิ่งที่นายกรัฐมนตรีทำคือการปรากฏตัวในนิทรรศการน้ำ
“บ้านเมืองมีปัญหา มีวิกฤต ต้องการคนจริงจัง จริงใจในการแก้ปัญหาให้ประชาชน มากกว่าคนที่ทำตัวเป็นพริตตี้แสดงตัวตามงานอีเวนต์ เพราะฉะนั้นถ้าไม่พร้อมนายกฯ ต้องพิจารณาตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะเป็นบาปติดตัวไปตลอดชาติ” นายชวนนท์กล่าว
นายชวนนท์ยังเห็นว่ารัฐบาลปล่อยเรื่องภาคใต้ให้ชาวบ้านดูแลปัญหากันเองแบบไปตายเอาดาบหน้า จึงขอตั้งข้อสงสัยว่าถ้าทำแบบนี้มีเจตนาที่จะให้การแบ่งแยกดินแดนสำเร็จในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ มีการแอบเจรจากับผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาลกับผู้ก่อความไม่สงบหรือไม่ เพราะนับจากที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายนายกรัฐมนตรี บินไปพบผู้ก่อความไม่สงบที่มาเลเซีย จากนั้นเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น ในขณะที่รัฐบาลไม่กระตือรือร้นที่จะแก้ปัญหา จึงต้องตั้งข้อสงสัยและประณาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ไม่ใส่ใจเรื่องปัญหาภาคใต้ ไม่ดูแลปัญหาประเทศชาติและประชาชน