วานนี้ (30ส.ค.) นายวีระวงศ์ จิตรมิตรภาพ โฆษกคณะอนุกรรมการเยียวยาทางแพ่งและฟื้นฟูด้วยวิธีอื่นๆ ของคณะกรรมการประสานงานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบ และค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) แถลงผลการประชุมที่มี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุม ว่า เรื่องสำคัญสุดคือ การให้ความเห็นชอบแนวทางจัดเวทีประชาเสวนา ตามข้อเสนอของคอป. และสถาบันพระปกเกล้า ที่ควรให้ประชาชนจับเข่าคุยกัน แต่เวทีนี้จะจัดที่ใด รูปแบบไหน ใครจะมาร่วมบ้างนั้น ได้ข้อสรุปจากกรมพัฒนาชุมชน ที่รับผิดชอบเวทีนี้โดยใช้เวลา 120 วัน
ทั้งนี้ ตัวแทนกรมพัฒนาชุมชน กล่าวว่า การจัดเวทีนั้นจะจัดระดับ 23 กลุ่มจังหวัด ที่รวมกทม.เข้ามาด้วย แต่ละเวทีจะจัด 3 ครั้ง ครั้งละ1,000 คน รวมประชาชนที่จะมาร่วมงานนี้ 6.7-6.9 หมื่นคน ที่มีสถาบันการศึกษาเป็นผู้จัดรูปแบบเวที โดยมอบหมายให้ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เป็นผู้ดำเนินการ โดยอภิปรายทำความเข้าใจการจัดเวที และแบ่งกลุ่มโดยมีวิทยากรเข้าประจำกลุ่มเพื่อร่วมหาทางเสนอข้อคิดเห็นในแต่ละพื้นที่ขึ้นมา จากนั้นจะเสนอเข้ามายังส่วนกลาง อย่างไรก็ตามในส่วนของรูปแบบเวทีนี้ ใช้งบ 117 ล้านบาทเศษ
ด้านนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ในฐานะ คณะทำงานของพรรคร่วมรัฐบาล ศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า จากการประชุมของคณะทำงานมา 3 ครั้ง ได้มีการหารือในคณะทำงานว่า การทำงานครั้งนี้ไม่ได้ทำในนามพรรคใดพรรคหนึ่ง และที่ผ่านมาก็ใช้ สถานที่ประชุมที่พรรคเพื่อไทยโดยตลอด จึงควรเปลี่ยนสถานที่ไปประชุมที่พรรคอื่นบ้าง และเห็นว่า พรรคชาติไทยพัฒนา มีความพร้อมกว่าเพื่อน
ดังนั้นในวันจันทร์ที่ 10 ก.ย. ทางคณะทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะย้ายไปประชุมที่พรรคชาติไทยพัฒนา ถนนสุโขทัย และในการประชุมครั้งถัดไป หาก พรรคชาติพัฒนาพร้อม ก็จะไปประชุมที่พรรคชาติพัฒนา แต่ถ้ายังติดขัดอะไร ก็คงกลับมาประชุมที่พรรคเพื่อไทย เหมือนเดิม
ทั้งนี้ ตัวแทนกรมพัฒนาชุมชน กล่าวว่า การจัดเวทีนั้นจะจัดระดับ 23 กลุ่มจังหวัด ที่รวมกทม.เข้ามาด้วย แต่ละเวทีจะจัด 3 ครั้ง ครั้งละ1,000 คน รวมประชาชนที่จะมาร่วมงานนี้ 6.7-6.9 หมื่นคน ที่มีสถาบันการศึกษาเป็นผู้จัดรูปแบบเวที โดยมอบหมายให้ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เป็นผู้ดำเนินการ โดยอภิปรายทำความเข้าใจการจัดเวที และแบ่งกลุ่มโดยมีวิทยากรเข้าประจำกลุ่มเพื่อร่วมหาทางเสนอข้อคิดเห็นในแต่ละพื้นที่ขึ้นมา จากนั้นจะเสนอเข้ามายังส่วนกลาง อย่างไรก็ตามในส่วนของรูปแบบเวทีนี้ ใช้งบ 117 ล้านบาทเศษ
ด้านนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ในฐานะ คณะทำงานของพรรคร่วมรัฐบาล ศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า จากการประชุมของคณะทำงานมา 3 ครั้ง ได้มีการหารือในคณะทำงานว่า การทำงานครั้งนี้ไม่ได้ทำในนามพรรคใดพรรคหนึ่ง และที่ผ่านมาก็ใช้ สถานที่ประชุมที่พรรคเพื่อไทยโดยตลอด จึงควรเปลี่ยนสถานที่ไปประชุมที่พรรคอื่นบ้าง และเห็นว่า พรรคชาติไทยพัฒนา มีความพร้อมกว่าเพื่อน
ดังนั้นในวันจันทร์ที่ 10 ก.ย. ทางคณะทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะย้ายไปประชุมที่พรรคชาติไทยพัฒนา ถนนสุโขทัย และในการประชุมครั้งถัดไป หาก พรรคชาติพัฒนาพร้อม ก็จะไปประชุมที่พรรคชาติพัฒนา แต่ถ้ายังติดขัดอะไร ก็คงกลับมาประชุมที่พรรคเพื่อไทย เหมือนเดิม