ASTVผู้จัดการรายวัน - โผแต่งตั้ง "จรัมพร" เป็น ผช.ผบ.ตร.สะดุดยังไม่ผ่านที่ประชุม ก.ต.ช. "เหลิม" ดันทุรังแต่งตั้งตำรวจ 196 นายพล ผ่านไปอย่างไม่สง่างาม! ท่ามกลางบรรยากาศ "มาคุ"-"อชิรวิทย์" ของขึ้นกลางที่ประชุมนำทีม 6 ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิวอล์กเอาต์ออกห้องประชุมในขณะที่ "เหลิม"นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานประชุม โวยยื่นหนังสือพิจารณาทบทวน 4 ประเด็นแต่งตั้งไม่เหมาะสม - ขาดคุณสมบัติ - ข้ามหัวอาวุโส แต่กลับถูกเมินเฉย
วานนี้ (29 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ครั้งที่ 12/2555 ที่ห้องประชุม 1 ตร. โดยมีก.ตร. ติดภารกิจไม่ได้เข้าร่วมปีะชุม 3 ท่านประกอบด้วย นายวิษณุ เครืองาม นายศุภวุฒิ สายเชื้อ นายสุรชาติ บำรุงสุข
สำหรับวาระการประชุมที่สำคัญคือ การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ผบก. -รองผบช. ทั่วประเทศ โดยมีผบช.แต่ละหน่วยเดินทางมาชี้แจงต่อคณะกรรมการโดยพร้อมเพรียงเริ่มจาก ผบช.น. เป็นหน่วยแรก บช.ก. บช.ภ. 1-9 ศชต. บช.ปส. บช.ส. สตม. บช.ตชด. สพฐ.ตร. สทส. สง.นรป. บช.ศ. รร.นรต. รพ.ตร.และ สง.ผบ.ตร.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ การแต่งตั้งเริ่มขึ้นเพียง 2 หน่วยแรก พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช พล.ต.อ.ชาญชิต เพียรเลิศ พล.ต.อ.บุญญฤทธิ์ รัตนะพร พล.ต.ท.ศุภวุฒิ สังข์อ่อง พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฒิ และ รศ.ร.ต.อ.สรพลจ์ สุขทรรศนีย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เดินออกจากห้องประชุมเนื่องจากไม่พอใจที่ไม่สามารถทักท้วงในที่ประชุมในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจบางตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมยังดำเนินต่อไปได้ เนื่องจากองค์ประชุมครบ โดยวาระการแต่งตั้งใช้เวลาเพียง 1ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
ต่อมา พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวภายหลังหารือกับ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิอีก 5 ท่าน ถึงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจว่า เริ่มการประชุม ก.ตร.ได้มีการนำเสนอหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ที่เห็นว่าเป็นข้อบกพร่อง ซึ่งการแต่งตั้งครั้งนี้มีบางรายชื่อที่ทาง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่ามีความไม่เหมาะสม ทั้งในเรื่องคุณสมบัติและในเรื่องหลักเกณฑ์ต่างๆ รวมถึงมีบางรายชื่อที่มีการปรับเปลี่ยนแบบกะทันหันภายในที่ประชุม ซึ่งทางตนก็ได้มีการอภิปรายในประชุมแล้ว โดยทางประธาน ก.ตร.ก็มีการรับฟัง แต่ก็มีการดำเนินการแต่งตั้งเช่นเดิม ทางเราจึงเห็นว่ามีสัญญาณที่เชื่อได้ว่า คงจะไม่เกิดผลอะไร จึงได้เดินออกมาจากที่ประชุม โดยไม่ได้นัดกับ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ คนอื่นแต่อย่างใด
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า โดยก่อนเริ่มประชุมได้มีการนำเอกสารชี้แจงไปยัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.ถึงการแต่งตั้งไม่เป็นธรรมในระดับ รอง ผบช. - ผบก.ในครั้งนี้ 4 ประเด็น ประกอบด้วย 1.หลักเกณฑ์การแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่ง เมื่อครบวาระในปีแรก ตามกฎ ก.ตร.ข้อ 33 ที่ระบุว่า การคัดเลือกหรือแต่งตั้งผู้เหมาะสมที่จะได้รับพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ที่เพิ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนในปีแรกให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ผู้นั้นต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและมีผลการปฏิบัติงานดีเด่น เป็นที่ประจักษ์ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง โดยมีผลปฏิบัติงานเป็นรูปธรรม
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า ซึ่งในประเด็นนี้ อยากจะเรียนชี้แจงว่า ในระดับ ผบก.เลื่อนขึ้นเป็น รอง ผบช.ตามข้อกฎ ก.ตร.ข้อ 33 มีทั้งสิ้น 18 นาย ระดับรอง ผบก.เลื่อนขึ้น ผบก.มี 20 นาย โดยตนพบเพียงแค่บัญชีนำเสนอของ บช.ภ.5 เท่านั้น ที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ที่นำรายละเอียดมาประกอบการพิจารณาอย่างครบถ้วน เช่น พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบก.ภ.จว.พะเยา ขึ้นเป็นรอง ผบช.ภ.5 และ พ.ต.อ.วันชัย สุวรรณศิริเขต รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย ขึ้นเป็น ผบก.ภ.จว.เชียงราย ตรงนี้พบว่าทาง บช.ภ.5 ได้บรรยายสรุปผลงานว่า นายตำรวจทั้ง 2 นายดังกล่าว สามารถดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล ได้เป็นลำดับ 1 ของประเทศ ซึ่งถือว่าเหมาะสม ต่างกับ พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ที่มีผลงานโดดเด่น และมีอาวุโส แต่กลับไม่ได้เลื่อนขึ้น
ขณะที่ พล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม ผบก.ภ.จว.ชุมพร ที่มีอาวุโสน้อยกว่า พล.ต.ต.รณพงษ์ แต่ในบัญชีกลับได้เลื่อนขึ้นเป็น รอง ผบช.ภ.8 รวมถึง พ.ต.อ.ดาวลอย เหมือนเดช รอง ผบก.สส.ภ.8 ที่มีผลงานปราบยาโดดเด่น และมีอาวุโสมากกว่า พ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ที่ได้เลื่อนเป็น ผบก.ภ.จว.พังงา ส่วน พ.ต.อ.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี อาวุโสลำดับที่ 1 ได้เลื่อนเป็น ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี แต่ไม่ได้มีการแสดงเหตุผลชัดเจนว่า มีผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์อย่างไร” ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าว
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวด้วยว่า 2.เรื่องการพิจารณาลำดับอาวุโสร้อยละ 33 ตามกฎ ก.ตร.ข้อ 33 (2) ที่ระบุว่า ข้าราชการตำรวจที่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ สว. - ผบช.ให้พิจารณาตามลำดับอาวุโสจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 33 ของจำนวนตำแหน่งว่างในแต่ละระดับตำแหน่ง โดยลำดับอาวุโสดังกล่าว ไม่ได้เป็นการคิดในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เป็นการแยกคำนวณของแต่ละกองบัญชาการ แต่พบว่าการแต่งตั้งครั้งนี้ มีผู้ที่ได้รับพิจารณาเลื่อนตำแหน่งหลายนายที่ได้สิทธิตามหลักอาวุโสร้อยละ 33 นั้น ต้องไปเลื่อนตำแหน่งนอกหน่วยกองบัญชาการที่สังกัด
3.การแต่งตั้งผู้ที่อยู่ในบัญชีเหมาะสมนอกหน่วย และมีอาวุโสต่ำกว่าคนใหม่ในหน่วยที่รับตัว โดยพบว่ามีบางกองบัญชาการได้จัดลำดับบัญชีผู้เหมาะสมไว้เป็นลำดับต้น เพื่อให้ได้สิทธิในการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง แต่กลับไปเลื่อนตำแหน่งในกองบัญชาการอื่นๆ ที่มีผู้ดำรงตำแหน่งในหน่วยที่รับตัวนั้น อาวุโสอยู่มากมาย ฉะนั้นไม่ทราบว่าการแต่งตั้งลักษณะนี้ จะชอบด้วยหลักเกณฑ์หรือไม่ อย่างการเลื่อน พ.ต.อ.หญิง อัญชนา ศรีทรงผล รอง ผบก.อก.รพ.ตร.เป็น ผบก.กต.6 จต.
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวด้วยว่า 4.ผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นโดยไม่ครบหลักเกณฑ์ และบางรายมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง อย่างในกรณีของ พ.ต.อ.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบก.น.7 เป็น ผบก.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร.(ประสานงานนโยบายกับนายกรัฐมนตรี) ซึ่งขาดคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ ถึงแม้อ้างว่าเป็นผู้ที่นายกฯ ได้พิจารณาแล้วว่าเป็นผู้ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่นี้ แต่ทางเราเห็นว่าการยกเว้นให้นายตำรวจรายนี้ จะมีผลเสียต่อองค์กรตำรวจและจะมีผลกระทบอย่างสูงต่อการเมือง และนายกฯ หรือกรณีที่ พ.ต.อ.ธิติพงศ์ เศรษฐีสมบัติ รอง ผบก.ศพฐ.7 เป็น ผบก.ศพฐ.2 เมื่อพิจารณาคุณวุฒิและการอบรมเมื่อเปรียบเทียบกับ พ.ต.อ.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รอง ผบก.ศพฐ.4 ที่มีคุณวุฒิ วท.บ.(เคมี) , นฐ./บตส.32 ตรงนี้จะเห็นชัดเจนว่า พ.ต.อ.ธวัชชัย มีคุณวุฒิและความเหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าวมากกว่า โดยเรื่องการแต่งตั้งบุคคลกรที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งในส่วนวิทยาศาสตร์ ที่จะมีความสำคัญมากในอีก 3 ปีข้างหน้า คือ เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียน แต่กลับมีการแต่งตั้งไม่ตรงกับคุณสมบัติที่เหมาะสมในตำแหน่งนั้น
ด้าน พล.ต.อ.ชาญชิต เพียรเลิศ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า การแต่งตั้งครั้งนี้ยังพบว่าความเป็นธรรมในหลายส่วน ทั้งเรื่องการโยกย้าย ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ที่พึ่งเข้ามานั่งเก้าอี้ดังกล่าวได้เพียง 1 ปี ไปเข้ากรุเป็น ผบก.กต.1 และหากดูย้อนไปที่ ผบช.ภ.2 ก่อนหน้านี้ ก็พึ่งถูกโยกออกจากเก้าอี้ ตรงนี้เป็นธรรมและมีการเมืองเข้ามาแทรกแซงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้ถามไปยังประธาน ก.ตร.แล้ว แต่ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่ได้เป็นเรื่องการเมือง ส่วนเรื่องการเปิดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ.10) ด้านสืบสวน ที่จะเข้ามาดูงานเรื่องนิติวิทยาศาสตร์นั้น อยากจะให้ไปปรับปรุงเรื่องการแต่งตั้งระดับ ผบก.ใน สพฐ.ตร.ให้ดียิ่งขึ้น หรือให้มีคุณสมบัติความเหมาะสมที่ถูกต้องมากกว่านี้
ต่อมาเวลา 16.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานก.ตร. กล่าวภายหลังการประชุม ก.ตร.ว่า การที่ก.ตร.ผู้ทรงได้แสดงออกโดยการเดินออกจากห้องประชุม นั้น ตนเองไม่ทราบ มีการทำบันทึกมาเราก็ได้ชี้แจงไปแล้วก็เข้าใจแล้ว วันนี้ต้องเห็นใจผู้บังคับบัญชาตำรวจเพราะเขาต้องรับผิดชอบ การแต่งตั้งครั้งนี้ถือว่าสง่างามไม่ปัญหา ปัญหามีอย่างเดียวอย่าไปเรียกรับทรัพย์สินเงินทองเท่านั้น
เมื่อถามว่าทำไมไม่ชี้แจงให้ก.ตร.ผู้ทรงรับทราบ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ได้ชี้แจงแล้ว ตนเองเป็นคนชี้แจงเองและรอให้ถึงวาระนั้นๆ ผบ.ตร.และว่าที่ผบ.ตร.จะเป็นคนชี้แจงในรายละเอียดอีกทีเป็นขั้นเป็นตอนแต่ก.ตร.ผู้ทรงได้ออกจากห้องประชุมไปก่อน ถ้าตนเองกล่าวหาว่าทำไมไม่รอฟังก็ได้เหมือนกัน
"ท่านทำเป็นเอกสารมา 2-3 แผ่น แล้วก็อภิปราย ผมก็ชี้แจงเมื่อถึงวาระที่ท่านข้องใจในตำแหน่งนั้นๆก็จะให้ผบช.ชี้แจง ให้ผบ.ตร.ชี้แจง ว่าที่ผบ.ตร.ชี้แจง สำหรับรายชื่อตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งในก.ตร.มีปรับปรุงจากกลั่นกรอง 2-3 ตำแหน่งเท่านั้น"ประธานก.ตร.กล่าว
วานนี้ (29 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ครั้งที่ 12/2555 ที่ห้องประชุม 1 ตร. โดยมีก.ตร. ติดภารกิจไม่ได้เข้าร่วมปีะชุม 3 ท่านประกอบด้วย นายวิษณุ เครืองาม นายศุภวุฒิ สายเชื้อ นายสุรชาติ บำรุงสุข
สำหรับวาระการประชุมที่สำคัญคือ การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ผบก. -รองผบช. ทั่วประเทศ โดยมีผบช.แต่ละหน่วยเดินทางมาชี้แจงต่อคณะกรรมการโดยพร้อมเพรียงเริ่มจาก ผบช.น. เป็นหน่วยแรก บช.ก. บช.ภ. 1-9 ศชต. บช.ปส. บช.ส. สตม. บช.ตชด. สพฐ.ตร. สทส. สง.นรป. บช.ศ. รร.นรต. รพ.ตร.และ สง.ผบ.ตร.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ การแต่งตั้งเริ่มขึ้นเพียง 2 หน่วยแรก พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช พล.ต.อ.ชาญชิต เพียรเลิศ พล.ต.อ.บุญญฤทธิ์ รัตนะพร พล.ต.ท.ศุภวุฒิ สังข์อ่อง พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฒิ และ รศ.ร.ต.อ.สรพลจ์ สุขทรรศนีย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เดินออกจากห้องประชุมเนื่องจากไม่พอใจที่ไม่สามารถทักท้วงในที่ประชุมในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจบางตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมยังดำเนินต่อไปได้ เนื่องจากองค์ประชุมครบ โดยวาระการแต่งตั้งใช้เวลาเพียง 1ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
ต่อมา พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวภายหลังหารือกับ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิอีก 5 ท่าน ถึงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจว่า เริ่มการประชุม ก.ตร.ได้มีการนำเสนอหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ที่เห็นว่าเป็นข้อบกพร่อง ซึ่งการแต่งตั้งครั้งนี้มีบางรายชื่อที่ทาง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่ามีความไม่เหมาะสม ทั้งในเรื่องคุณสมบัติและในเรื่องหลักเกณฑ์ต่างๆ รวมถึงมีบางรายชื่อที่มีการปรับเปลี่ยนแบบกะทันหันภายในที่ประชุม ซึ่งทางตนก็ได้มีการอภิปรายในประชุมแล้ว โดยทางประธาน ก.ตร.ก็มีการรับฟัง แต่ก็มีการดำเนินการแต่งตั้งเช่นเดิม ทางเราจึงเห็นว่ามีสัญญาณที่เชื่อได้ว่า คงจะไม่เกิดผลอะไร จึงได้เดินออกมาจากที่ประชุม โดยไม่ได้นัดกับ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ คนอื่นแต่อย่างใด
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า โดยก่อนเริ่มประชุมได้มีการนำเอกสารชี้แจงไปยัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.ถึงการแต่งตั้งไม่เป็นธรรมในระดับ รอง ผบช. - ผบก.ในครั้งนี้ 4 ประเด็น ประกอบด้วย 1.หลักเกณฑ์การแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่ง เมื่อครบวาระในปีแรก ตามกฎ ก.ตร.ข้อ 33 ที่ระบุว่า การคัดเลือกหรือแต่งตั้งผู้เหมาะสมที่จะได้รับพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ที่เพิ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนในปีแรกให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ผู้นั้นต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและมีผลการปฏิบัติงานดีเด่น เป็นที่ประจักษ์ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง โดยมีผลปฏิบัติงานเป็นรูปธรรม
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า ซึ่งในประเด็นนี้ อยากจะเรียนชี้แจงว่า ในระดับ ผบก.เลื่อนขึ้นเป็น รอง ผบช.ตามข้อกฎ ก.ตร.ข้อ 33 มีทั้งสิ้น 18 นาย ระดับรอง ผบก.เลื่อนขึ้น ผบก.มี 20 นาย โดยตนพบเพียงแค่บัญชีนำเสนอของ บช.ภ.5 เท่านั้น ที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ที่นำรายละเอียดมาประกอบการพิจารณาอย่างครบถ้วน เช่น พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบก.ภ.จว.พะเยา ขึ้นเป็นรอง ผบช.ภ.5 และ พ.ต.อ.วันชัย สุวรรณศิริเขต รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย ขึ้นเป็น ผบก.ภ.จว.เชียงราย ตรงนี้พบว่าทาง บช.ภ.5 ได้บรรยายสรุปผลงานว่า นายตำรวจทั้ง 2 นายดังกล่าว สามารถดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล ได้เป็นลำดับ 1 ของประเทศ ซึ่งถือว่าเหมาะสม ต่างกับ พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ที่มีผลงานโดดเด่น และมีอาวุโส แต่กลับไม่ได้เลื่อนขึ้น
ขณะที่ พล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม ผบก.ภ.จว.ชุมพร ที่มีอาวุโสน้อยกว่า พล.ต.ต.รณพงษ์ แต่ในบัญชีกลับได้เลื่อนขึ้นเป็น รอง ผบช.ภ.8 รวมถึง พ.ต.อ.ดาวลอย เหมือนเดช รอง ผบก.สส.ภ.8 ที่มีผลงานปราบยาโดดเด่น และมีอาวุโสมากกว่า พ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ที่ได้เลื่อนเป็น ผบก.ภ.จว.พังงา ส่วน พ.ต.อ.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี อาวุโสลำดับที่ 1 ได้เลื่อนเป็น ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี แต่ไม่ได้มีการแสดงเหตุผลชัดเจนว่า มีผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์อย่างไร” ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าว
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวด้วยว่า 2.เรื่องการพิจารณาลำดับอาวุโสร้อยละ 33 ตามกฎ ก.ตร.ข้อ 33 (2) ที่ระบุว่า ข้าราชการตำรวจที่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ สว. - ผบช.ให้พิจารณาตามลำดับอาวุโสจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 33 ของจำนวนตำแหน่งว่างในแต่ละระดับตำแหน่ง โดยลำดับอาวุโสดังกล่าว ไม่ได้เป็นการคิดในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เป็นการแยกคำนวณของแต่ละกองบัญชาการ แต่พบว่าการแต่งตั้งครั้งนี้ มีผู้ที่ได้รับพิจารณาเลื่อนตำแหน่งหลายนายที่ได้สิทธิตามหลักอาวุโสร้อยละ 33 นั้น ต้องไปเลื่อนตำแหน่งนอกหน่วยกองบัญชาการที่สังกัด
3.การแต่งตั้งผู้ที่อยู่ในบัญชีเหมาะสมนอกหน่วย และมีอาวุโสต่ำกว่าคนใหม่ในหน่วยที่รับตัว โดยพบว่ามีบางกองบัญชาการได้จัดลำดับบัญชีผู้เหมาะสมไว้เป็นลำดับต้น เพื่อให้ได้สิทธิในการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง แต่กลับไปเลื่อนตำแหน่งในกองบัญชาการอื่นๆ ที่มีผู้ดำรงตำแหน่งในหน่วยที่รับตัวนั้น อาวุโสอยู่มากมาย ฉะนั้นไม่ทราบว่าการแต่งตั้งลักษณะนี้ จะชอบด้วยหลักเกณฑ์หรือไม่ อย่างการเลื่อน พ.ต.อ.หญิง อัญชนา ศรีทรงผล รอง ผบก.อก.รพ.ตร.เป็น ผบก.กต.6 จต.
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวด้วยว่า 4.ผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นโดยไม่ครบหลักเกณฑ์ และบางรายมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง อย่างในกรณีของ พ.ต.อ.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบก.น.7 เป็น ผบก.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร.(ประสานงานนโยบายกับนายกรัฐมนตรี) ซึ่งขาดคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ ถึงแม้อ้างว่าเป็นผู้ที่นายกฯ ได้พิจารณาแล้วว่าเป็นผู้ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่นี้ แต่ทางเราเห็นว่าการยกเว้นให้นายตำรวจรายนี้ จะมีผลเสียต่อองค์กรตำรวจและจะมีผลกระทบอย่างสูงต่อการเมือง และนายกฯ หรือกรณีที่ พ.ต.อ.ธิติพงศ์ เศรษฐีสมบัติ รอง ผบก.ศพฐ.7 เป็น ผบก.ศพฐ.2 เมื่อพิจารณาคุณวุฒิและการอบรมเมื่อเปรียบเทียบกับ พ.ต.อ.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รอง ผบก.ศพฐ.4 ที่มีคุณวุฒิ วท.บ.(เคมี) , นฐ./บตส.32 ตรงนี้จะเห็นชัดเจนว่า พ.ต.อ.ธวัชชัย มีคุณวุฒิและความเหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าวมากกว่า โดยเรื่องการแต่งตั้งบุคคลกรที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งในส่วนวิทยาศาสตร์ ที่จะมีความสำคัญมากในอีก 3 ปีข้างหน้า คือ เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียน แต่กลับมีการแต่งตั้งไม่ตรงกับคุณสมบัติที่เหมาะสมในตำแหน่งนั้น
ด้าน พล.ต.อ.ชาญชิต เพียรเลิศ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า การแต่งตั้งครั้งนี้ยังพบว่าความเป็นธรรมในหลายส่วน ทั้งเรื่องการโยกย้าย ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ที่พึ่งเข้ามานั่งเก้าอี้ดังกล่าวได้เพียง 1 ปี ไปเข้ากรุเป็น ผบก.กต.1 และหากดูย้อนไปที่ ผบช.ภ.2 ก่อนหน้านี้ ก็พึ่งถูกโยกออกจากเก้าอี้ ตรงนี้เป็นธรรมและมีการเมืองเข้ามาแทรกแซงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้ถามไปยังประธาน ก.ตร.แล้ว แต่ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่ได้เป็นเรื่องการเมือง ส่วนเรื่องการเปิดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ.10) ด้านสืบสวน ที่จะเข้ามาดูงานเรื่องนิติวิทยาศาสตร์นั้น อยากจะให้ไปปรับปรุงเรื่องการแต่งตั้งระดับ ผบก.ใน สพฐ.ตร.ให้ดียิ่งขึ้น หรือให้มีคุณสมบัติความเหมาะสมที่ถูกต้องมากกว่านี้
ต่อมาเวลา 16.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานก.ตร. กล่าวภายหลังการประชุม ก.ตร.ว่า การที่ก.ตร.ผู้ทรงได้แสดงออกโดยการเดินออกจากห้องประชุม นั้น ตนเองไม่ทราบ มีการทำบันทึกมาเราก็ได้ชี้แจงไปแล้วก็เข้าใจแล้ว วันนี้ต้องเห็นใจผู้บังคับบัญชาตำรวจเพราะเขาต้องรับผิดชอบ การแต่งตั้งครั้งนี้ถือว่าสง่างามไม่ปัญหา ปัญหามีอย่างเดียวอย่าไปเรียกรับทรัพย์สินเงินทองเท่านั้น
เมื่อถามว่าทำไมไม่ชี้แจงให้ก.ตร.ผู้ทรงรับทราบ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ได้ชี้แจงแล้ว ตนเองเป็นคนชี้แจงเองและรอให้ถึงวาระนั้นๆ ผบ.ตร.และว่าที่ผบ.ตร.จะเป็นคนชี้แจงในรายละเอียดอีกทีเป็นขั้นเป็นตอนแต่ก.ตร.ผู้ทรงได้ออกจากห้องประชุมไปก่อน ถ้าตนเองกล่าวหาว่าทำไมไม่รอฟังก็ได้เหมือนกัน
"ท่านทำเป็นเอกสารมา 2-3 แผ่น แล้วก็อภิปราย ผมก็ชี้แจงเมื่อถึงวาระที่ท่านข้องใจในตำแหน่งนั้นๆก็จะให้ผบช.ชี้แจง ให้ผบ.ตร.ชี้แจง ว่าที่ผบ.ตร.ชี้แจง สำหรับรายชื่อตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งในก.ตร.มีปรับปรุงจากกลั่นกรอง 2-3 ตำแหน่งเท่านั้น"ประธานก.ตร.กล่าว