xs
xsm
sm
md
lg

โจรใต้กดบึ้ม3ลูกซ้อน-ยิงอส.ดับ2 ข่าวกรองจับตารถ4คันใช้คาร์บอมบ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โจรใต้ป่วนท้าทายฝีมือรัฐบาล "ปู" ต่อเนื่องดักยิงอีก 2 ศพ "ทหาร-อส." บาดเจ็บอีก 3 ทั้งชาวบ้าน อส. และ ส.อบต. พร้อมลอบวางระเบิดกดบึ้มอีก 3 ลูกซ้อนหวังสังหารหมู่เจ้าหน้าที่และปลัดอำเภอระแงะขณะเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ด้านหน่วยข่าวกรองแจ้งเตือนเฝ้าระวังคาร์บอมบ์ทั้งรถยนต์ และ จยย.รวม 4 คัน คาดคนร้ายเตรียมก่อเหตุในเขตเทศบาลนครยะลา ด้าน“ประยุทธ์”รับ”มุสลิมเขมร”มุดไทยบางส่วนเอี่ยวโจรใต้ แต่ส่วนใหญ่หลบเข้าไทยเพราะยากจน ปัดเข้าใต้ไม่ถึงพันคน

เมื่อเวลา 10.30 น.วานนี้ (21 ส.ค.) ร.ต.ต.รัชตะ นวลหอม ร้อยเวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายยิงเจ้าหน้าที่ทหารพรานและชาวบ้านเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บรวม 3 ราย เหตุเกิดขึ้นบริเวณข้างกำแพงรั้วของโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ ม.4 ต.เฉลิม และคนร้ายได้จุดชนวนระเบิดดักสังหาร นายสุริยา อาแวกือจิ ปลัดอำเภอระแงะ จำนวน 3 ลูกซ้อน ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กม.

จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษฏา แก้วจันทร์ดี รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 นายอรุณ ศรีใส ปลัดอาวุโส อ.ระแงะ ร.ต.ท.นัฐวิทย์ บำเพ็ญศรี รองหัวหน้ากองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ หัวหน้าชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ซึ่ง 2 ข้างถนนเป็นทุ่งนา มีหลุมระเบิด 3 จุด ซึ่งห่างกันจุดละ 10-15 เมตร และลึกขนาดใกล้เคียงกันประมาณ 2.50 เมตร กว้าง 3 เมตร และทั้ง 3 จุด มีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุ้งต้ม หนักลูกละ 50 กก. ตกกระจายเกลื่อนบนถนนและทุ่งนา

โดยเฉพาะที่บริเวณปากหลุมทั้ง 3 จุด เจ้าหน้าที่ยังสามารถตรวจสอบพบสายไฟฟ้าจำนวนหนึ่งที่ลากเข้าไปในพุ่มไม้ที่รกทึบกลางทุ่งนา และเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้ถนนสายลูโบ๊ะกาเยาะ-กูจิงลือปะ ไม่สามารถใช้การได้ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังจุดที่คนร้ายยิงเจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต เมื่อถึงที่เกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บง 7193 นราธิวาส ซึ่งเสียหลักพุ่งชนรั้วกำแพงของโรงเรียนกูจิงลือปะได้รับความเสียหาย โดยภายในรถยนต์กระบะ พบศพ จ.ส.อ.บังเอิญ พันธุ์อยู่ อายุ 39 ปี สังกัด กองร้อยทหารพรานที่ 4515 กรมทหารพรานที่ 45 ซึ่งอยู่ในสภาพนอนจมกองอยู่อยู่ที่บริเวณเบาะหน้า และมีร่องรอยถูกกระสุนปืนเอ็ม16 ของคนร้ายที่บริเวณศีรษะ และลำตัวจนพรุนไปทั้งร่าง

ส่วนรถยนต์กระบะมีร่องรอยถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณกระจกหลัง กระบะหลัง และกระจกด้านคนขับแตกได้รับความเสียหาย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 2 ราย พลเมืองดีได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลระแงะไปก่อนหน้าแล้ว คือ 1.นายนิโซ๊ะ อีดือเระ อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นสมาชิก อบต.เฉลิม อ.ระแงะ ซึ่งถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณกลางหลัง และลำตัว 2.นายสมจิตร ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นชาวบ้านกูจิงลือปะ ซึ่งถูกกระสุนปืนของคนร้าย ชนิดและขนาดเดียวกันที่บริเวณสีข้าง ทั้งคู่อาการสาหัสแพทย์ได้ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 ได้สั่งการให้ จ.ส.อ.บังเอิญ เดินทางเข้าไปสำรวจเพื่อมอบรถเข็นให้แก่ผู้พิการในหมู่บ้านกูจิงลือปะ โดย จ.ส.อ.บังเอิญ ได้มีการนัดแนะกับนายนิโซ๊ะ และชาวบ้าน เพื่อร่วมเดินทางไปสำรวจร่วมกัน เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบข้างกำแพงรั้วของโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ และคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม16 ยิงใส่รถยนต์กระบะที่ จ.ส.อ.บังเอิญ ขับผ่านมา เมื่อ จ.ส.อ.บังเอิญ นายนิโซ๊ะ และนายสมจิตร ถูกกระสุนปืน รถยนต์กระบะได้เสียหลักไปชนกำแพงรั้วของโรงเรียน แล้วคนร้ายได้พากันหลบหนีไป

ต่อมานายสุริยา ปลัดอำเภอระแงะ ได้รับแจ้งเหตุ จึงได้นำกำลัง อส.ที่ว่าการอำเภอระแงะ รวม 6 นาย เพื่อเดินทางเข้าไปพิสูจน์ และช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ เมื่อถึงบริเวณทุ่งนาได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในปารกทึบกลางทุ่งนา ได้ใช้แบตเตอรี่จุดชนวนระเบิดที่ลอบนำไปฝังไว้กลางถนนทีละ 1 ลูก รวม 3 ลูก ซึ่งห่างกันลูกละประมาณ 10-15 วินาที ในขณะที่รถยนต์กระบะที่นายสุริยาจอดอยู่ระหว่างกลางของระเบิดทั้ง 3 จุด จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะอาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไป

และเมื่อเวลา 13.30 น.ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบจุดเกิดเหตุอยู่นั้นได้มีคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืน อาก้ายิงใส่ อส.2 นายที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่บริเวณจุดตรวจบ้านลูโบ๊ะกาเยาะ ม. 5 ต.เฉลิม ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม.ที่กำลังอำนวยความสะดวกคณะของเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปตรวจสอบเหตุยิงเจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต และจุดชนวนระเบิดดักสังหาร นายสุริยา ปลัดอำเภอระแงะ

ส่งผลทำให้ อส.อาดือนัน สาและ อายุ 34 ปี เสียชีวิต และนายมาหามะ เจ๊ะวา อายุ 41 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านลูโบีกาเยาะ ต.เฉลิม ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยพลเมืองดีที่อยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุได้นำตัวผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลระแงะเป็นการเร่งด่วนแล้ว

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 3 เหตุการณ์ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นกลุ่มคนร้ายกลุ่มเดียวกัน ที่ได้มีการวางแผนไว้เป็นการอย่างดี เพื่อก่อเหตุส่งท้ายวันฮารีรายอ ที่ต้องการให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความวุ่นวายตามคำประกาศที่ได้มีการข่มขู่ไว้

**เตือนคาร์บอมบ์4คันจ่อบึ้มยะลา

ด้านบรรยากาศทั่วไปในพื้นที่ จ.ยะลา เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากพี่น้องชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามได้เฉลิมฉลองวันฮารีรายอ ตลอด 2 วันที่ผ่านมาอย่างมีความสุข และวานนี้เป็นวันแรกที่หน่วยงานภาครัฐได้เปิดทำการหลังหยุดราชการมา 1 วัน แต่อย่างไรก็ตาม หน่วยข่าวกรองฝ่ายทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ได้ออกหนังสือเวียน แจ้งเตือนไปยังหน่วยงานความมั่นคงทุกภาคส่วนให้เฝ้าระวัง

โดยปรากฏข่าวสารว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้นำรถยนต์มาประกอบเป็นระเบิดคาร์บอมบ์ โดยนำรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ 2 คัน และรถยนต์สีแดง ไม่ทราบสีและยี่ห้อ 1 คัน นอกจากนั้นยังมีรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ 1 คัน ที่เตรียมก่อเหตุลอบวางระเบิด ในพื้นที่เขตเทศบาลนครยะลา โดยรถยนต์ที่ประกอบเป็นวัตถุระเบิดแล้ว จะมีเครื่องหมายสติกเกอร์ติดอยู่กระจกหน้ารถ มีอักษรเป็นภาษามาลายูขนาด 4x4 นิ้ว จึงแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครรักษาดินแดน รวมทั้งกำลังภาคประชาชน ได้ช่วยกันเฝ้าระวังและสังเกตหากพบเห็นให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทหาร หรือตำรวจโดยทันที

**"ยุทธศักดิ์"สั่งสอบมุสลิมเขมรเข้าไทย

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวก่อนประชุม ครม.กรณีที่มีรายงานข่าวแจ้งว่า ชาวมุสลิมกัมพูชาจำนวนมากขอใช้เส้นทางประเทศไทยทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางไปยังมาเลเซีย แต่แจ้งว่าขอมาท่องเที่ยวในประเทศไทยแต่ความจริงเมื่อเข้ามาแล้วไม่ปรากฏว่า เดินทางออกจากประเทศไทยแล้วหรือไม่ว่า มีรายงานแจ้งมาว่ามีจำนวนมาก แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเมื่อเข้ามาแล้วเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้วออกไปหรือไม่ ซึ่งตนขอให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าที่ ผบ.ตร.สั่งการให้ สตม.ตรวจสอบด่าน จ.สระแก้ว ด้วยว่าเข้ามาเท่าใดและออกไปจริงหรือไม่ ไม่ใช่ว่าเข้ามาแล้วหายไป เพื่อเป็นการป้องปรามและป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ส่วนเหตุผลที่ชาวมุสลิมกัมพูชาแจ้งว่าเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้นตนสั่งให้ตรวจสอบไปแล้ว

"เรื่องนี้มีมานานแล้วแต่ไม่ได้เป็นข้อสังเกต ผมจึงต้องการทราบข้อมูลและสั่งการให้ดูแลเรื่องนี้ด้วย อีกสองวัน พล.ต.อ.อดุลย์ จะมาประชุมกับผมและแจ้งให้ทราบ"

**ผบ.ทบ.จี้ทำบัญชีมุสลิมเขมรเข้าใต้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง สั่งให้เจ้าหน้าที่ ตม.ตรวจสอบชาวมุสลิมกัมพูชาที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวน 1,000 คนว่า ที่ผ่านมาชาวมุสลิมกัมพูชาเดินทางเข้ามาในพื้นที่เดือนละ 30 ราย โดยถือวีซ่าเข้ามาและสามารถอยู่ในประเทศไทยได้ 1 เดือน โดยบุคคลเหล่านี้จะเดินทางผ่านภาคใต้ของไทย เข้าประเทศเพื่อนบ้าน เรื่องนี้มีมานานแล้วถือเป็นเรื่องปกติ เพราะคนมุสลิมจะสัญจรไปมาในเรื่องการทำบุญทางศาสนา ในช่วงอื่นอาจจะเข้าไปทำงาน แต่กองทัพพยายามกวดขันและประสานไปยังตม.และกรมศุลกากรว่า อยากให้มีการขึ้นบัญชีมุสลิมเหล่านี้ว่า เมื่อเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทยแล้ว กลับออกไปเท่าไหร่ เพราะเท่าที่ตรวจสอบกลุ่มมุสลิมเหล่านี้ เมื่อเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านจะกลับเข้ามาไม่ครบ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เท่าที่แม่ทัพภาคที่ 1 รายงานการเข้ามาของชาวมุสลิมกัมพูชา มีประมาณ 30 -100 คนต่อเดือน ยืนยันว่ากองทัพบกให้ความสำคัญเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ปัญหา คือ ทหารไม่ใช่เจ้าหน้าที่หลัก เพียงแต่เราประสานไปยัง ตม.และศุลกากร ให้ดูแล ส่วนที่ระบุว่ามีตัวเลขเข้าออกเป็นพันคนต้องไปทบทวนกันอีกครั้งว่า ตัวเลขถึงพันคนหรือไม่ โดยจะประสานกับตำรวจ และศุลกากรอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น