นราธิวาส - ผบ.กองกำลังทหารพราน จชต.เยี่ยมทหารเหยื่อระเบิด 2 อำเภอ พบเป็นกลุ่มนายกือแวมะรอยี ต่วนสุหลง แกนนำสั่งการแถมเรียกค่าคุ้มครองชาวบ้าน
วันนี้ (21 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ตึกศัลยกรรมชาย 2 โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส พ.อ.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ ผู้บังคับการหน่วยกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางพร้อม พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45, พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.กรมทหารพรานที่ 46 และ พ.อ.ภูมินทร์ ชุมช่วย ผบ.กรมทหารพรานที่ 48 เข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 2 อำเภอ ประกอบด้วย สังกัดกรมทหารพรานที่ 45 จำนวน 7 นายที่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดขณะนั่งรถวีว่าออกลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยในพื้นที่ บ.จือนือบือเราะ ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ได้แก่
1.ร.ต.ระวิ เพชรพิรุณ 2.ส.อ.อภิลักษณ์ เหมฤกษ์ 3.ส.ต.อดิศักดิ์ เนียนทอง 4.อสทพ.อนุสรณ์ ปูป้องราช 5.อสทพ.สุรศักดิ์ เดชสันทาน 6.อสทพ.ภานุพงศ์ ดลประสิทธิ์ และ 7.อสทพ.ธวัฒน์ นาโสภา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารนาวิกโยธิน สังกัดกองร้อยปืนเล็กที่ 3 ฉก.นราธิวาส 33 จำนวน 3 นาย ที่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดขณะออกลาดตระเวนเส้นทางในพื้นที่ ม.6 ต.มะนังตายอ อ.เมือง จ.นราธิวาส ช่วงสายที่ผ่านมา ประกอบด้วย 1. พลฯเกรียงไกร คริสมี 2.พลฯอารีสมัน วาเย๊ะ และ 3.พลฯสังวริวุธ ดีพร้อม
โดยทั้ง 10 นายล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว ซึ่ง พ.อ.วิวรรธน์ ผบ.กองกำลังทหารพราน จชต.ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้บาดเจ็บทั้งทหารพรานและนาวิกโยธิน รวมทั้งกระเช้าเยี่ยมเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ พร้อมย้ำให้ทุกนายระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ทุกๆ ครั้งโดยเฉพาะห้วงเวลาที่เข้าสู่เดือนรอมฎอนหรือถือศีลอดของชาวมุสลิม ที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีพยายามสร้างสถานการณ์รายวันแม้กระทั่งเดือนแห่งความประเสริฐ
สำหรับความคืบหน้าทางคดีล่าสุด พ.อ.วิวรรธน์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนร้ายที่ลอบวางระเบิดทหารพราน กรมทหารพรานที่ 45 บาดเจ็บ 7 นายมีทั้งหมดประมาณ 3-4 คนโดยเป็นสมุนของนายกือแวมะรอยี ต่วนสุหลง แกนนำสั่งการที่มีหมายจับหลายคดีและทำการเรียกค่าคุ้มครองจากชาวไทยพุทธและร้านค้าต่างๆในพื้นที่อีกด้วย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าทั้งหมดเข้าไปกบดานในหมู่บ้านจุฬาภรณ์ อ.ระแงะ เพื่อหลบหนีการจับกุม อย่างไรก็ตามได้จัดชุดนอกเครื่องแบบลงพื้นที่ตามประกบเพื่อจะทำการติดตามไล่ล่าตัวทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป