xs
xsm
sm
md
lg

คำพูดที่เชื่อถือไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเป็นประธาน “ประกาศแนวทางการดำเนินการระยะต่อไปของรัฐบาลในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน” ที่เซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงฯ และมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

“ดิฉันเชื่อว่าหากเรามาร่วมมือกันในการหยุดคอร์รัปชัน สิ่งที่จะได้รับออกมาคือความเชื่อมั่นของประเทศไทย วันนี้หลายประเทศที่จะตัดสินใจมาลงทุนเขาต้องดูในความเชื่อมั่นการลงทุน ความโปร่งใสในการทำธุรกิจต่างๆ ส่งผลถึงภาพลักษณ์ของประเทศ ดังนั้น หากเราร่วมมือกันจะทำให้ความเชื่อมั่น ภาพลักษณ์ของประเทศเป็นไปในทางที่ดีขึ้น” นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าว และว่า

รัฐบาลจะเข้มงวดในการใช้กฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริต และประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ เสริมสร้างมาตรฐานด้านคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล บุคลากรภาครัฐ ตลอดจนปลูกฝังจิตสำนึกและค่านิยมของสังคมให้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต และถูกต้องชอบธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเจตนารมณ์ของรัฐบาล

แทนที่จะเสริมสร้างมาตรฐานด้านคุณธรรม จริยธรรม ตลอดจนปลูกฝังจิตสำนึกและค่านิยมของสังคม นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สมควรที่จะเสริมสร้างมาตรฐานด้านคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล และอีกหลายๆ ธรรมที่นางสาวยิ่งลักษณ์เจื้อยแจ้วให้แก่ตัวเองให้ได้เสียก่อนที่จะไปเสริมสร้างจริยธรรม คุณธรรมให้แก่สังคม และผู้อื่น เพราะผู้คนในสังคม เขามีจริยธรรม คุณธรรม สูงส่งกว่านางสาวยิ่งลักษณ์อยู่แล้ว เพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่คบหาสมาคมกับบุคคลที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดให้ดำเนินคดี อย่างกรณีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีที่เดินทางไปเสริมบารมีให้นางสาวยิ่งลักษณ์ในงานนโยบายปราบคอร์รัปชัน หรือบุคคลที่อัยการเห็นสมควรสั่งฟ้องกรณีส่งเสือไปจีนอย่างนายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีร่วมรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์

หนักไปกว่านั้นความพยายามที่จะออกกฎหมายฟอกผิดให้พี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร ด้วยการผ่าน พ.ร.บ.ปรองดองก็ยิ่งเปลือยให้เห็นนางสาวยิ่งลักษณ์อย่างล่อนจ้อนว่า การพูดถึงการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ จนกระทั่งออกมาเปิดงานประกาศแนวทางการดำเนินการระยะต่อไปของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน เป็นเสมือนของเล่นในบทการเล่นเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย โดยนางสาวยิ่งลักษณ์เท่านั้น

อย่ามาพูดเลยว่าไม่ได้เป็นผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เพราะนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยออกมาจนสิ้นไส้สิ้นพุงแล้วว่า ใครบงการอยู่เบื้องหลัง แบ่งงานแบ่งการทำอย่างไรกันบ้าง ใครมีหน้าที่อุ้มเผือกร้อน ใครมีหน้าที่ตอแหลไปวันๆ ชาวบ้านชาวช่องรู้กันหมดแล้วครับ

ถ้าหากคิดจะปราบปรามการทุจริตกันจริงๆ บุคลากรที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด อัยการสั่งฟ้องก็ต้องดำเนินคดีจริงจังให้พ้นจากตำแหน่งแห่งที่รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีไปก่อนจนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือคดีที่ศาลตัดสินไปเรียบร้อยแล้วก็หาทางที่จะล้างความผิดให้ด้วยการมาเป็นนายกรัฐมนตรีกุมอำนาจรัฐเอาไว้แล้วหาหนทาง เป็นต้นพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ พยายามฟอกผิดด้วยการผ่านกฎหมายปรองดองออกมา

นั่นเป็นการพูดถึงคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาลแต่ปาก แต่การกระทำตรงกันข้ามระหว่างที่ยังแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ ผ่านกฎหมายปรองดองยังไม่ได้ก็กุมอำนาจรัฐเอาไว้ แล้วก็ผ่านนโยบายออกมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่พวกพ้องบริษัทบริวาร เป็นต้นว่านโยบายรับจำนำข้าว ซื้อข้าวราคาสูงกว่าท้องตลาด เปิดโอกาสให้เจ้าของโรงสี ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐคอร์รัปชัน ออกนโยบายรับจำนำหอมแดง ปล่อยให้เจ้าหน้าที่โกง ก็ป่วยการพูดถึงการปราบปรามการทุจริต

เพราะนี่เท่ากับรัฐบาลรู้เห็นเป็นใจกับการทุจริตเสียเอง

นางสาวยิ่งลักษณ์ห่วงนักลงทุนต่างประเทศที่จะมาลงทุนในประเทศไทยว่า เขาจะดูในความเชื่อมั่น ความโปร่งใส นั่นเป็นหลักการที่ดูเหมือนจะสวยหรู ในความเป็นจริง เขาไม่ได้ดูตรงนั้นหรอกครับ เขาดูช่องทางว่าทำอย่างไรจะได้งาน มีช่องทางไหนบ้างจะเข้าถึงคนที่กุมอำนาจรัฐ และจะได้จัดสรรงานให้แก่เขาได้ จะต้องจ่ายใต้โต๊ะเท่าไร เขาไม่ได้มาดูความโปร่งใสไม่โปร่งใสหรอกครับ เขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องจ่ายเท่าไร กี่เปอร์เซ็นต์ที่เขาได้รับ

คุณธรรม จริยธรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างจริงจังก็ด้วยการกระทำ นั่นคือการเคารพกฎหมายอย่างเคร่งครัด คนที่ทำผิดกฎหมาย คนที่ศาลตัดสินว่าผิดก็ต้องถูกลงโทษ มิใช่หาทางที่จะฟอกผิดด้วยวิธีง่ายๆ ว่า ต้องปรองดองแล้วให้พ้นผิด พ้นคุก หรือปล่อยให้ข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำไปพินอบพิเทาคนหนีคุกอย่างที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ปล่อยให้ทำมาแล้วในช่วงที่ผ่านมา เพราะนี่เท่ากับปลูกฝังทัศนคติผิดๆ ให้กับสังคม

ไม่มีทางที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จะปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันได้เลย มีแต่ที่จะบ่มเพาะให้ความเลวร้ายนี้ขยายตัวยิ่งขึ้น เพราะตราบใดที่ยังเอื้ออาทรต่อคนที่ถูกชี้มูลความผิดว่าผิด ถูกศาลตัดสินว่าผิด ก็เท่ากับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อุ้มอาจมเอาไว้ พูดก็ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครฟัง อาจจะมีมวลชนจัดตั้งเอออวยบ้าง สื่อบางประเภทเชียร์อยู่บ้าง แต่มันจะจีรังยั่งยืนละหรือ?
กำลังโหลดความคิดเห็น