xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯห้ามซื้อขายตำแหน่ง ขจัดคอร์รัปชันในหน่วยงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (6มิ.ย.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในงานนิทรรศการ และการสัมมนาผลการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะ ที่ 1 ( พ.ศ. 2551-2555) ภายใต้แนวคิด "รวมพลังเดินหน้าฝ่าวิกฤตคอร์รัปชั่น" ที่จัดโดย สำนักงาน ป.ป.ช. โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กรรมการ ป.ป.ช. สำนักงานป.ป.ช. องค์กรภาคการเมือง องค์กรภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน องค์กรภาคประชาสังคม องค์กรภาคสื่อมวลชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน รวม 700 คน เข้าร่วมการสัมมนา
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การปราบปรามทุจริต คอร์รัปชัน เป็นวาระของประเทศ และคนไทยทุกคน ที่ต้องร่วมกันรณรงค์ให้เกิดเป็นกระแสสังคม ไม่ให้วงจรทุจริตคอร์รัปชัน กลับเข้ามาสู่ประเทศไทย โดยปัญหาคอร์รัปชัน เป็นปัญหาที่พบในหลายภาคส่วนทั้งภาคราชการ หรือเอกชน ที่เป็นวงจรสั่งสมกันมานาน ตนไม่อยากเห็นการสั่งสมมานานนี้กลายเป็นวัฒนธรรมของคนไทย หรือ กลายเป็นความคุ้นเคยว่า สิ่งที่ไม่ถูก มีการทำมากขึ้นแล้วกลายเป็นสิ่งที่ถูก ทุกคนจึงต้องร่วมกันรณรงค์สร้างกระแสการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันเพื่อไม่ให้วงจรคอร์รัปชันกลับคืนสู่ประเทศไทยอีก
นายกฯ กล่าวอีกว่า จากที่ผ่านมา ภาพลักษณ์คอร์รัปชันของประเทศไทย ยังอยู่ในคะแนนที่น่าใจหายที่ 3.4 จากคะแนนเต็ม 10 ซึ่งวันนี้ถ้าเทียบความโปร่งใส กับนานาชาติแล้ว ประเทศไทย ยังมีคะแนนด้อยกว่าสิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน หรือถ้าดูเรื่องประสิทธิภาพ ระบบราชการในปี 2554 โดยบริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมือง และเศรษฐกิจ หรือ PERC ที่ผลปรากฏว่า คะแนนของประเทศไทย อยู่ที่ 5.25 ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
ดังนั้น ทุกคนต้องร่วมใจกันทำให้ขบวนการคอร์รัปชัน หมดไป หรือลดน้อยลงไป ทั้งนี้ ปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน ยังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ต่อความเชื่อมั่นของนักธุรกิจที่จะมาลงทุน ต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชนของไทยด้วย ซึ่งรัฐบาลเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ โดยได้บรรจุวาระเรื่องการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ให้เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภ า
นายกฯกล่าวด้วยว่า ตนเชื่อว่าถ้าเราร่วมกันทำอย่างจริงจัง ทำในหน้าที่ของตนเองในการช่วยกันสอดส่องไม่ให้เกิดขบวนการนี้ ตนเชื่อว่าขบวนการนี้ วงจรนี้ จะไม่หวนกลับคืนมา แม้ว่าเป็นสิ่งที่ยากก็ตาม แต่เชื่อว่าด้วยพลังใจของพวกเรา ก็จะฝ่าฟันไปได้ อีกทั้งรัฐบาลได้มีการประกาศเจตนารมณ์ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ ในเรื่องของยุทธศาสตร์การต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันขึ้น เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา และได้ไปประกาศร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อให้มีฐานะเป็นผู้ที่ร่วมกันทำงาน เพราะเชื่อว่าการทำงาน ถ้าดูจากประเทศที่จัดอยู่ในอันดับปัญหาคอร์รัปชันน้อยที่สุด อย่างประเทศสิงคโปร์ หรือประเทศที่อยู่ในระดับต้นๆ นั้น ก็มีวิธีการบริหารส่วนหนึ่ง คือ อยู่ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี และมีกฎหมายบังคับใช้อย่างจริงจัง รัฐบาลจึงร่วมมือกับทุกภาคส่วน รวมถึงคณะกรรมการป.ป.ช. ในการทำงานนี้อย่างเข้มแข็งร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ใด ก็เชื่อว่าปลายทางคือคำตอบเดียวกัน และจะสามารถทำงานร่วมกัน เอื้ออำนวยกันได้
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่ได้มีการวางไว้ คือ 1. เน้นการปลูกจิตสำนึก และตระหนัก โดยจะร่วมกันปลูกจิตสำนึกในส่วนของผู้ที่ทำงานทั้งหมด ทั้งขบวนการ เพื่อให้อยู่บนค่านิยมที่ถูกต้อง
2. การพัฒนาองค์กรบนหลักการของความโปร่งใส สุจริต และร่วมกันลดความเสี่ยงของช่องทางที่จะเกิดปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน และที่สำคัญต้องไม่ให้เกิดวัฒนธรรมในการซื้อขายตำแหน่ง เพราะจุดเริ่มต้นถ้ามีการซื้อขายตำแหน่ง สุดท้ายแล้ววงจรคอร์รัปชัน จะกลับเข้ามา 3. การปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมาย ให้เป็นข้อกฎหมายที่สร้างให้เกิดความโปร่งใส ไม่ใช่ข้อกฎหมาย ที่จะเป็นการเพิ่มปัญหาอุปสรรค หรือภาระกับภาคธุรกิจ หรือภาคเอกชน หรือความล่าช้าของขบวนการทำงาน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญและยาก แต่เชื่อว่าถ้าทำให้ถูกทางแล้วจะทำให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น รวมถึงให้มีการตรวจสอบระวังต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลได้ตั้งหน่วยงานในการติดตามการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และเปิด หมายเลขฮอตไลน์ ป.ป.ช. 1205 เพราะรัฐบาลไม่อยากเห็นกระบวนการคอร์รัปชัน เกิดขึ้นในระบบของสังคมไทย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลได้วางแนวทางการทำงานต่างๆ โดยได้น้อมนำหลักการทรงงาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เรียกว่า การทำงานนั้นต้องระเบิดจากข้างใน ที่โครงการต่างๆ ที่รัฐบาลจะทำในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันนั้น อยากให้เกิดจากข้างใน เพราะเชื่อว่า ข้างในคือผู้ปฏิบัติ จะรู้ดีที่สุด จะสามารถบอกได้ถึงจุดความเสี่ยง จุดป้องกัน และจุดที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน รัฐบาลจึงได้สรุปยุทธศาสตร์ แล้วจัดทำโครงการ 1 หน่วยงาน 1 ข้อเสนอ ให้ส่วนราชการทุกกระทรวง ทุกจังหวัด ทุกหน่วยงานต่าง ๆ เสนอโครงการจากข้างใน เพื่อจะร่วมกันวางปรับระบบหรือขบวนการใหม่ ให้ลดปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ที่กำหนดให้ทำภายใน 30 วัน ซึ่งหัวหน้าส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด และทุก ๆ ภาคส่วน จะร่วมกันสรุปข้อเสนอทั้งหมด ประมาณสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ จะเห็นโครงการต่าง ๆ ที่คณะกรรมการได้คัดเลือกแล้ว โดยจะมีการให้ทุน หรือให้ข้อมูลสนับสนุน เพื่อลงไปขยายผลต่อในหน่วยงานนั้น รวมถึงจะมีการติดตามอย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ตาม การปราบปรามคอร์รัปชัน เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ก็ต้องมีการรณรงค์ให้กำลังใจผู้ที่ทำดี ประพฤติดี และมีคุณธรรมในการทำงานให้เกิดเป็นวัฒนธรรมที่ดีและถูกต้องขององค์กรด้วย ดังนั้นรัฐบาลจะทำทั้งในเชิงการรณรงค์ให้มีการแก้ปัญหาและการยกย่องคุณงามความดีของผู้ที่ทำดีควบคู่กันไป พร้อมกับยืนยันว่า รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีจะ ร่วมทำงานกับข้าราชการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. หน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายอื่น ๆ เพื่อสร้างความแข็งแรงของการต่อต้านวงจรทุจริต คอร์รัปชัน แก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกคนจะต้องร่วมกันทำ เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และการเจริญเติบโตของประเทศอย่างยั่งยืน
กำลังโหลดความคิดเห็น