วานนี้(19 ส.ค.55)นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธาน ส.ส.ภาคกทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะดำเนินโครงการประเทศไทยก้าวไกลไร้ทุจริตคอร์รัปชันได้สำเร็จ เพราะ
1. ในการเปิดโครงการดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้เขียนคำว่า คอร์รัปชัน ในงานดังกล่าวไม่ถูกต้อง จะเห็นว่าการเขียนของนายกรัฐมนตรี ก็ยังเขียนไม่ถูก ดังนั้นโอกาสจะทำให้คอร์รัปชันทุเลาเบาลาง หรือหมดไปคงเกิดได้ยาก
2. นายกรัฐมนตรีทราบดีว่า การทุจริตเป็นเรื่องเร่งด่วนเรื่องสำคัญ แต่รัฐบาลไม่ได้แสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาด้วยการตั้งงบประมาณแค่ 420 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกับงบประมาณบริหารราชการแผ่นดินทั้งหมดเพียง 0.000000000175 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าน้อยมาก แสดงว่ารัฐบาลไม่จริงใจ และการให้หน่วยราชการไปทำโครงการต้านการคอร์รัปชันก็ปรากฏว่า ไม่ได้ให้งบประมาณกับหน่วยราชการ แต่ให้ไปเกลี่ยงบประมาณกันเอง
3.ในคำพูดเปิดโครงการดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะให้ความสำคัญกับข้าราชการมากกว่านักการเมือง ไม่มีการพูดถึงนักการเมืองในการเข้ามามีส่วนป้องกัน และปราบปรามเลย ทั้งที่วงจรอุบาทว์สำคัญในการทุจริต จะมี 3 ส่วนคือ ข้าราชการ นักการเมือง และ นักธุรกิจ
4. ล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอาผิดกับรัฐมนตรีคนหนึ่ง ในสมัยที่เป็นข้าราชการ แต่จนถึงบัดนี้ นายกรัฐมนตรียังไม่แสดงออกในเชิงบริหาร ในการเอาผิดกับบุคคลดังกล่าวเลย
5. ที่ผ่านมาภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชันได้พยายามเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อสอบถามเรื่องงบประมาณฟื้นฟูเยียวยาน้ำท่วม แต่รัฐบาลกลับไม่ให้พบ ล่าสุดภาคีเชิญฝ่ายต่างๆ เข้าร่วม พรรคประชาธิปัตย์ก็เข้าร่วม แต่ตัวแทนของรัฐบาลไม่เคยให้ความสนใจ
" ผมจึงมั่นใจว่าโครงการนี้ไม่น่าจะสำเร็จได้ และเป็นที่ทราบกันว่า รัฐบาลนี้สืบเนื่องมาจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีปัญหาเรื่องการทุจริต คอร์รัปชัน และการที่นายกรัฐมนตรีบอกว่า การปราบทุจริตต้องแก้ที่ต้นทาง ซึ่งต้นทางคือนักการเมือง ดังนั้นถ้ารัฐบาลเอาจริง ก็ต้องสร้างกลไกตรวจสอบโดยเฉพาะนักการเมือง แต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้แสดงออกที่ชัดเจนว่า มีวิธีการใดที่จะดำเนินการกับนักการเมืองที่ทุจริต" นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ ยังได้แถลงถึง การที่ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ยังคงค้างอยู่ในวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฏร เป็นการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจให้เกิดความปรองดอง เพราะเมื่อมีกฎหมายฉบับนี้ ความขัดแย้ง ความเห็นไม่ตรงกันก็ยังคงมีอยู่ การที่รัฐบาลยังคา พ.ร.บ.ปรองดองฯ ไว้ ถือเป็นการซื้อเวลาหาอนาคตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยหวังว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ต้องติดคุก และได้รับเงินคืน
ดังนั้นถ้ารัฐบาลจริงใจ ก็ไม่ควรให้พ.ร.บ.นี้ค้างอยู่ในสภาเพราะเท่ากับเป็นระเบิดเวลาที่จะทำให้สังคงมีความขัดแย้งแตกแยกได้ตลอดเวลา
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ล่าสุดทราบว่าขณะนี้ฝ่ายรัฐบาลกำลังเตรียมการเพื่อให้มีการลมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ วาระ3 โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของฝ่ายต่างๆ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย การแก้ไขที่ผ่านมามีข้อสงสัยไม่เป็นไปตามกฎหมาย พรรคเห็นว่าถ้ามีการเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ จะทำให้เกิดความวุ่นวายขัดแย้งเกิดขึ้น จึงขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ ไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้น
1. ในการเปิดโครงการดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้เขียนคำว่า คอร์รัปชัน ในงานดังกล่าวไม่ถูกต้อง จะเห็นว่าการเขียนของนายกรัฐมนตรี ก็ยังเขียนไม่ถูก ดังนั้นโอกาสจะทำให้คอร์รัปชันทุเลาเบาลาง หรือหมดไปคงเกิดได้ยาก
2. นายกรัฐมนตรีทราบดีว่า การทุจริตเป็นเรื่องเร่งด่วนเรื่องสำคัญ แต่รัฐบาลไม่ได้แสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาด้วยการตั้งงบประมาณแค่ 420 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกับงบประมาณบริหารราชการแผ่นดินทั้งหมดเพียง 0.000000000175 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าน้อยมาก แสดงว่ารัฐบาลไม่จริงใจ และการให้หน่วยราชการไปทำโครงการต้านการคอร์รัปชันก็ปรากฏว่า ไม่ได้ให้งบประมาณกับหน่วยราชการ แต่ให้ไปเกลี่ยงบประมาณกันเอง
3.ในคำพูดเปิดโครงการดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะให้ความสำคัญกับข้าราชการมากกว่านักการเมือง ไม่มีการพูดถึงนักการเมืองในการเข้ามามีส่วนป้องกัน และปราบปรามเลย ทั้งที่วงจรอุบาทว์สำคัญในการทุจริต จะมี 3 ส่วนคือ ข้าราชการ นักการเมือง และ นักธุรกิจ
4. ล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอาผิดกับรัฐมนตรีคนหนึ่ง ในสมัยที่เป็นข้าราชการ แต่จนถึงบัดนี้ นายกรัฐมนตรียังไม่แสดงออกในเชิงบริหาร ในการเอาผิดกับบุคคลดังกล่าวเลย
5. ที่ผ่านมาภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชันได้พยายามเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อสอบถามเรื่องงบประมาณฟื้นฟูเยียวยาน้ำท่วม แต่รัฐบาลกลับไม่ให้พบ ล่าสุดภาคีเชิญฝ่ายต่างๆ เข้าร่วม พรรคประชาธิปัตย์ก็เข้าร่วม แต่ตัวแทนของรัฐบาลไม่เคยให้ความสนใจ
" ผมจึงมั่นใจว่าโครงการนี้ไม่น่าจะสำเร็จได้ และเป็นที่ทราบกันว่า รัฐบาลนี้สืบเนื่องมาจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีปัญหาเรื่องการทุจริต คอร์รัปชัน และการที่นายกรัฐมนตรีบอกว่า การปราบทุจริตต้องแก้ที่ต้นทาง ซึ่งต้นทางคือนักการเมือง ดังนั้นถ้ารัฐบาลเอาจริง ก็ต้องสร้างกลไกตรวจสอบโดยเฉพาะนักการเมือง แต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้แสดงออกที่ชัดเจนว่า มีวิธีการใดที่จะดำเนินการกับนักการเมืองที่ทุจริต" นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ ยังได้แถลงถึง การที่ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ยังคงค้างอยู่ในวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฏร เป็นการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจให้เกิดความปรองดอง เพราะเมื่อมีกฎหมายฉบับนี้ ความขัดแย้ง ความเห็นไม่ตรงกันก็ยังคงมีอยู่ การที่รัฐบาลยังคา พ.ร.บ.ปรองดองฯ ไว้ ถือเป็นการซื้อเวลาหาอนาคตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยหวังว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ต้องติดคุก และได้รับเงินคืน
ดังนั้นถ้ารัฐบาลจริงใจ ก็ไม่ควรให้พ.ร.บ.นี้ค้างอยู่ในสภาเพราะเท่ากับเป็นระเบิดเวลาที่จะทำให้สังคงมีความขัดแย้งแตกแยกได้ตลอดเวลา
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ล่าสุดทราบว่าขณะนี้ฝ่ายรัฐบาลกำลังเตรียมการเพื่อให้มีการลมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ วาระ3 โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของฝ่ายต่างๆ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย การแก้ไขที่ผ่านมามีข้อสงสัยไม่เป็นไปตามกฎหมาย พรรคเห็นว่าถ้ามีการเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ จะทำให้เกิดความวุ่นวายขัดแย้งเกิดขึ้น จึงขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ ไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้น
