“ร.ต.อ.เฉลิม” ลั่นเอาจริงปราบทุจริต เผย “ยิ่งลักษณ์” สั่งลุยจำนำข้าว หลังมีรายงานทุจริตเชิงนโยบาย รวมไปถึงเงินช่วยน้ำท่วมและงบท้องถิ่น พร้อมตั้ง “พ.ต.อ.ณรัตน์” เป็นโฆษก ลั่นคนโกงปั่นป่วน เผย หากโกงเองขอให้วิบัติ ขอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ สั่งฟันนักการเมืองขายหุ้นนอกตลาด ย้ำ ทำงานตรงไปตรงมา แฉมีชื่ออยู่ในมือ ด้านดีเอสไอ เตรียมลุยจำนำข้าว เล็งส่ง ตร.ประจำโรงสี ชี้มีผลงานของบสนับสนุน ส่วน “วรพงษ์” แนะตั้งคณะอนุกรรมการ สืบสวนแต่ละพื้นที่ พร้อมถกคัด ตร.ลงพื้นที่ 6 ส.ค.พร้อมฝึกชั่งน้ำหนักและวัดความชื้นข้าว
วันนี้ (27 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตการรับจำนำข้าว การเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันสาธารณภัย และการใช้จ่ายเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อมอบนโยบายทั้งสามด้านตามคำสั่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนจะเอาจริง ไม่ทุจริตอย่ากลัวต้องเสียสละ ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เบาะแสการทุจริตโดยเฉพาะจำนำข้าว และมีการส่งรายงานถึงนายกฯ โดยบอกว่าเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย มีใบประทวนปลอม เรื่องการจ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วม รวมทั้งงบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใครที่โกงก็ติดคุก ใครที่คิดขอให้เลิกเสีย งานนี้เป็นงานใหญ่ ขอตั้ง พ.ต.อ.ณรัตน์ เศวตนันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรมเป็นโฆษกคณะกรรมการชุดนี้ ย้ำว่า หากตนทุจริตแม้แต่บาทเดียวขอให้พบความวิบัติ แม้ใครดูหมิ่นเรื่องนี้ก็ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
“ในพื้นที่ตำรวจภาค 9 นั้น ทราบมาว่า บางคนสร้างภาพดี แต่ความจริงนั้นการสร้างกระเช้าราคาสี่สิบล้านบาท แต่กลับจัดซื้อจัดจ้างกันราคาหนึ่งร้อยยี่สิบล้านบาท วันนี้จะปั่นป่วนทั้งประเทศสำหรับคนโกง ขอให้แข่งขันกันทำงานและจะเป็นผลงาน” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า วันนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษมารายงานความคืบหน้า ที่มีนักการเมืองขายหุ้นในลักษณะนอกตลาด โดยจะมีการไปตรวจสอบต่อเพราะมีการร้องไว้นานแล้ว ตนบอกว่า ให้ทำงานตรงไปตรงมาอย่ามาเอาใจรัฐบาลแล้วไปแกล้งฝ่ายค้าน แต่ถ้าฝ่ายค้านทำผิดต้องดำเนินคดีอย่าละเว้นและอย่าไปกลัวว่าจะเป็นการไป กลั่นแกล้ง เพราะเรื่องแบบนี้มันกลั่นแกล้งกันไม่ได้ และมีการรายงานเพิ่มเติมว่ามีคนเอางบประมาณทางราชการการไปตัดถนนเข้าบ้านพัก
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ตอนนี้มีพยานหลักฐานพอสมควร ตนบอกว่าเรื่องนี้ต้องรอบคอบอย่าเร่งรีบ รวมถึงการไปสร้างอ่างกักเก็บน้ำบุกรุกที่สาธารณะ ทำเหมือนบ้านเมืองไม่มีกฎหมายตนบอกให้ดำเนินการอย่างเที่ยงตรง ส่วนชื่อนักการเมืองตนยังไม่อยากเปิดเผย ขอให้เย็น แต่เรื่องขายหุ้นนี้คนจนหากินไม่ได้ต้องคนรวย และคนที่จะไปทำมาหากินได้ต้องเป็นพวกที่รู้เห็นกับเรื่องตลาดหลักทรัพย์ อย่างตนทำไม่ได้เพราะไม่รู้เรื่องหุ้นทำไม่ได้หรอก ส่วนระยะเวลาการทำงานสอบสวนเรื่องนี้ตนไม่เร่งเพราะต้องใช้เวลาและละเอียด แต่บอกว่าอย่าไปเกรงใจใครให้ทำอะไรตนไปตรงมา
ด้าน นายธาริต กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ คือ ใช้พื้นที่ สตช.เป็นศูนย์ปฏิบัติการหลัก โดยดีเอสไอจะส่งผู้บริหารระดับสูงมาช่วยงานนี้ ตำรวจรับผิดชอบพื้นที่ภาค ดีเอสไอเป็นพนักงานสอบสวนทั่วราชอาณาจักร ป.ป.ท.เอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐทั่วราชอาณาจักรและยังมีอำนาจพิเศษตามกฎหมายพิเศษ โดยเรื่องแรกคือการรับจำนำข้าวนั้น ควรที่จะส่งตำรวจไปประจำโรงสีตั้งแต่หน้าโรงสีเลย 3 หน่วยงาน ต้องรายงานส่วนกลางก่อน และในพื้นที่ควรมีตู้ปณ.และโทรศัพท์เลขพิเศษ โดยต้องติดตามทั้ง11ภาคในการทำงาน หากมีผลงานขอให้รัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้วย
ด้าน พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษาระดับ 10 กล่าวว่า สิ่งที่คาดว่าจะเกิดจากการทำงานเชิงรุก คือ จุดรับจำนำ 917 โรงสีทั่วประเทศ หากส่งตำรวจไป 2,000 กว่านาย ในโรงสีเหล่านี้เพื่อช่วยชาวนา ทั้งนี้ ขอเสนอการตั้งคณะอนุกรรมการในการสืบสวนสอบสวนในแต่ละพื้นที่ และการใช้งานลูกน้องนั้น ขอให้พื้นที่เสนอรายชื่อเข้ามาเพื่อเรียกประชุมในวันที่ 6 ส.ค.ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต โดยควรส่งตำรวจไปฝึกหัดการชั่งน้ำหนัก และวัดความชื้นของข้าวที่หน้าโรงสี และควรตรวจสอบการระบายข้าวที่โรงสีมักจะนำข้าวรับจำนำไปขายก่อนเพราะได้ราคาดี จากนั้นจะนำข้าวเก่าเวียนเทียนมาจัดเก็บป้องกันการตรวจสอบนั่นเอง