รัฐบาลเงา ปชป.ชำแหละ 6 นโยบายล้มเหลว เปิดฉากแรกที่ความผิดพลาดจากนโยบายพลังงานเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนพลังงาน ไม่จัดการขบวนการลักลอบส่งออกก๊าซไปประเทศเพื่อนบ้าน ทำรัฐสูญเงินกว่า 2.4 หมื่นล้าน ทำของแพงทั้งแผ่นดิน ทุจริตเชิงนโยบายซ้ำรอยรัฐบาลแม้ว แนะจับตา "ทักษิณ" เยือนจีน-เกาหลีใต้ โยงประมูลโครงการป้องกันน้ำท่วม 3.5 แสนล้าน
นายเกียรติ สิทธีอมร รองนายกรัฐมนตรีเงา ด้านเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ผอ.ศูนย์ติดตามนโยบายและการทุจริตพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าว เปิดตัวซีรีย์ 1 ปีของจริงไม่อิงละคร เพื่อตรวจสอบนโยบายรัฐบาล 1 ปี โดยจะมีการนำเสนอตัวเลขทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลบริหารผิดพลาด 6 ตอน เริ่มจาก นโยบายพลังงานที่ผิดพลาด ซึ่งเชื่อว่าเป็นการกำหนดนโยบายเอื้อกลุ่มทุนด้านพลังงาน ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน ทำให้สินค้าแพงทั้งแผ่นดิน จากการบริหารผิดพลาด 6 เรื่อง คือ
1. รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผิดสัญญายุบกองทุนน้ำมัน กระชากค่าครองขีพ มีการชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนเพียงชั่วคราวเพียง 5 เดือน แต่ผลทำให้กองทุนน้ำมันติดลบ 14,550 ล้านบาท โดยในปัจจุบันมีการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันสูงสุดที่ ลิตรละ 6.50 บาท ทำให้ราคาเบนซิน 95 ราคาสูงถึง 48.40 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 ราคา 43.05 บาทต่อลิตร และดีเซลราคา 29.99 บาทต่อลิตร
2. ไม่สนใจคำเตือนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่แนะนำให้ตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาท เพราะจะส่งผลทางจิตวิทยาทำให้ต้นทุนค่าขนส่งแพงขึ้น จนเป็นเหตุผลให้สินค้าแพงตามไปด้วย โดยมีการปล่อยให้ราคาดีเซลสูงถึง 32.33 บาท ในช่วงเดือนมีนาคม 55 ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการรถโดยสาร ขอขึ้นราคา และรัฐบาลได้อนุมัติให้ขึ้นราคา เมื่อวันที่ 15 พ.ค.55 ตั้งแต่ 8 % จนถึง 27 % จากนั้นรัฐบาลจึงเริ่มกลับมาดูปัญหากองทุนน้ำมัน และดีเซลปรับลดให้อยู่ไม่เกิน 30 บาท ซึ่งถือเป็นการทำย้อนหลัง และไม่มีผลต่อการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง เพราะไม่เคยปรับลดค่าโดยสารค่าขนส่งเลย นี่คือสาเหตุที่ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคขึ้นสูงแพงทั้งแผ่นดิน
3. รัฐบาลซ้ำเติมประชาชนด้วยการลอยตัวก๊าซแอลพีจี โดยปรับราคาขึ้น 4 ครั้ง รวม 3 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้คนหาเช้ากินค่ำ ต้องแบกภาระมากขึ้น นอกจากนั้นรัฐบาลยังไม่ดำเนินการกับขบวนการลักลอบส่งออกก๊าซไปยังประเทศเพื่อนบ้าน 1.2 ล้านตัน หรือคิดเป็น 80 ล้านถัง (15 กิโลกรัม) ต่อปี ทำให้ต้องนำเข้าก๊าซแอลพีจี มาทดแทน เสียงบ 2.4 หมื่นล้านบาท และยังปล่อยให้ร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้มขายปลีกในราคาที่สูงกว่าที่ควรจะเป็น จากราคาถังละ 271 บาท แต่ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 300-350 บาท สูงกว่าราคาที่ประกาศไว้ถังละ 271.95 บาท อีกทั้งยังปกป้องธุรกิจปิโตรเคมีขนาดใหญ่ ให้ใช้ก๊าซในราคาถูกโดยไม่มีการเปิดเผยราคาซื้อขาย
4. รัฐบาลชุดนี้ประกาศปรับขึ้นราคา เอ็นจีวี 4 ครั้ง เป็นเงิน 2 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้รถแท๊กซี่ รถขนส่งสินค้า และรถส่วนบุคคลต้องเติมก๊าซเอ็นจีวีแพงกว่าความเป็นจริง เพราะราคาหน้าปากหลุมอยุ่ที่ 8 บาท ต่อกิโลกรัม ค่าบริหารจัดารการตลาดกิโลกรัมละ 2 บาท หากขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 10-11 บาท ก็มีกำไรแล้วแต่ราคาปัจจุบันขึ้นไปถึง 14.53 บาท ต่อกิโลกรัม ซึ่งรมว.พลังงาน ก็รู้ข้อมูลนี้ แต่กลับไม่มีการแก้ไขให้มีการลดราคาลงเพราะมุ่งหวังเอาแต่ผลกำไร
5 . รัฐบาลอนุมัติขึ้นค่าเอฟทีอีก 30 สตางค์ต่อหน่วย ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.55 โดยอ้างราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้น ทำให้คนไทยเดือดร้อน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 10 % ในภาคครัวเรือน ขณะที่ในภาคอุตสาหกรรม จะมีภาระเพิ่มขึ้น 7 % ทั้ง ๆ ที่จากข้อมูลพบว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นค่าไฟฟ้าแต่อย่างใด
6 . รัฐบาลไม่ทำตามสัญญา ให้บัตรเครดิตพลังงานแก่ผู้ขับขี่รถสาธารณะ 35,000 ราย แต่มีผู้มาขึ้นทะเบียน 27,456 ราย ใช้ได้ 8 พันราย มีหนี้เสีย 22.5 % คิดเป็นเงิน 6.48 ล้านบาท สาเหตุที่ผู้ขับขี่รถแท๊กซี่เข้าโครงการไม่ได้ เพราะเงื่อนไขไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ทั้งนี้ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ บริหารประเทศ เชื่อว่า พลังงานไม่แพงอย่างนี้ กองทุนไม่ติดลบ ค่าไฟไม่ขึ้น และของไม่แพงทั้งแผ่นดิน
ด้านน.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า รัฐบาลได้เจริญรอยตามรัฐบาลทักษิณ มีการทุจริตเชิงนโยบาย โดยเฉพาะด้านพลังงาน ซึ่งซ้ำรอยการกำหนดนโยบายโทรคมนาคมในอดีต ด้วยการสร้่างอำนาจเหนือตลาด การผูกขาด เอื้อประโยชน์ให้เอกชน รัฐวิสาหกิจและกลุ่มการเมือง และยังพบว่ามีการใช้งบประชาสัมพันธ์ของ ปตท.สนับสนุนกลุ่มเสื้อแดงด้วยการลงโฆษณาปกหลังหนังสือ เรดพาวเวอร์ต่อเนื่องกันถึง 6 เดือน ซึ่งกระทรวงพลังงาน ปตท. และ เรคกูเลเตอร์ ต้องให้คำตอบกับประชาชนในเรื่องนี้ ซึ่งพรรคจะติดตามตรวจสอบนโยบายและการทุจริตของรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างต่อเนื่องตลอดเดือนสิงหาคม - กันยายน จนถึงการอภิปรายในการแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยสัปดาห์หน้าจะเปิดเผยสาเหตุที่ทำให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำต่อไป
**จับตาแม้วไปเกาหลี-จีน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่สหรัฐฯ ออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าประเทศว่า ถ้าย้อนไปในปี 2553 พ.ต.ท.ทักษิณ เคยได้รับเชิญจากองค์กรภายใต้การดูแลของรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง แต่ตอนนั้นสหรัฐฯ แจ้งรัฐบาลว่าไม่อนุญาตให้พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศ เพราะมีนโยบายไม่ให้คนที่ต้องคดีเข้าเมือง แต่ตอนนี้เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนไป เหตุใดจึงอนุญาต จึงขอเรียกร้องให้สหรัฐฯชี้แจงด้วย
ส่วนที่ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยอ้างว่า ไม่มีการขอตัวให้ส่งพ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทย เรื่องนี้พรรคจะทำการตรวจสอบ เพื่อเอาผิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เพราะไทยกับสหรัฐฯ มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกันอยู่
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ มักจะบินไปรอบโลก โดยเฉพาะจะไปในประเทศใหญ่ ๆ ที่มีข่าวว่าจะทำการค้ากับไทย เช่น ไปประเทศจีนอยู่นาน จากนั้นก็มีข่าวว่า บริษัทเสิ่นเจิ้น สโคป ขายแทบเล็ตให้กับรัฐบาลไทย และที่น่าจับตามองคือการใช้เงินกู้เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท ที่ขณะนี้มีการเบิกจ่ายไปเพียง 1 พันล้านบาท ทำให้สงสัยว่าเป็นการรอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเจรจาก่อนหรือไม่ และที่ผ่านมาก็ที่มีข่าวว่า จีน และเกาหลีใต้ สนใจยื่นซองประมูลโครงการ และบังเอิญขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ จึงเชื่อว่า เกาหลีใต้ จะได้รับการประมูลในงบประมาณเงินกู้น้ำท่วมนี้ด้วย และจากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะไปประเทศจีน พ.ต.ท.ทักษิณ มักจะมีข่าวอยู่เสมอว่า จะไปอยู่ในประเทศใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติงบประมาณสำคัญของรัฐบาลนี้ จึงไม่ทราบว่าใครกันแน่ ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ หรือ ครม.มือถือ ที่เป็นผู้อนุมัติงบประมาณของประเทศไทย
** พท.นัดถกเตรียมแถลงผลงาน21ส.ค.
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า วันที่ 21 ส.ค. นี้ จะมีการประชุมพรรคเพื่อไทย และจะหยิบยกเรื่องการแถลงนโยบายครบรอบการทำงาน 1 ปี ของรัฐบาลขึ้นหารือ ซึ่งได้แบ่งการทำงาน 19 ส่วน จัดกิจกรรมทั่วทุกภาคทั่วประเทศ เพื่อนำข้อมูลการทำงานของรัฐบาลชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ และนำมาประเมินการทำงานของรัฐบาล พร้อมหารือรับมือการอภิปรายของฝ่ายค้าน แต่เชื่อว่าไม่มีปัญหา รัฐบาลพร้อมชี้แจงและสามารถตอบได้ทุกคำถาม
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาว่า มีการทุจริตงบน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท และเรียกร้องให้ปลด นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ดูแลเรื่องนี้ โดยยืนยันว่า งบแก้ปัญหาน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท ก็ยังไม่ได้นำมาใช้ และไม่มีการทุจริต เพราะนายปลอดประสพ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นเกมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นถ้าพรรคประชาธิปัตย์ มีหลักฐานการทุจริต ก็ขอให้นำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจได้เลย
นายพร้อมพงศ์ ยังยืนยันด้วยว่า ไม่มีใครในเพื่อไทยเกี่ยวข้องกับการทุจริตรับจำนำข้าว พร้อมท้าให้พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยชื่อ "เจ๊ด. " และหาหลักฐานมาแสดง พร้อมแจ้งความดำเนินคดี หรือหาข้อมูลมาอภิปรายไม่ไว้วางใจได้.
นายเกียรติ สิทธีอมร รองนายกรัฐมนตรีเงา ด้านเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ผอ.ศูนย์ติดตามนโยบายและการทุจริตพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าว เปิดตัวซีรีย์ 1 ปีของจริงไม่อิงละคร เพื่อตรวจสอบนโยบายรัฐบาล 1 ปี โดยจะมีการนำเสนอตัวเลขทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลบริหารผิดพลาด 6 ตอน เริ่มจาก นโยบายพลังงานที่ผิดพลาด ซึ่งเชื่อว่าเป็นการกำหนดนโยบายเอื้อกลุ่มทุนด้านพลังงาน ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน ทำให้สินค้าแพงทั้งแผ่นดิน จากการบริหารผิดพลาด 6 เรื่อง คือ
1. รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผิดสัญญายุบกองทุนน้ำมัน กระชากค่าครองขีพ มีการชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนเพียงชั่วคราวเพียง 5 เดือน แต่ผลทำให้กองทุนน้ำมันติดลบ 14,550 ล้านบาท โดยในปัจจุบันมีการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันสูงสุดที่ ลิตรละ 6.50 บาท ทำให้ราคาเบนซิน 95 ราคาสูงถึง 48.40 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 ราคา 43.05 บาทต่อลิตร และดีเซลราคา 29.99 บาทต่อลิตร
2. ไม่สนใจคำเตือนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่แนะนำให้ตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาท เพราะจะส่งผลทางจิตวิทยาทำให้ต้นทุนค่าขนส่งแพงขึ้น จนเป็นเหตุผลให้สินค้าแพงตามไปด้วย โดยมีการปล่อยให้ราคาดีเซลสูงถึง 32.33 บาท ในช่วงเดือนมีนาคม 55 ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการรถโดยสาร ขอขึ้นราคา และรัฐบาลได้อนุมัติให้ขึ้นราคา เมื่อวันที่ 15 พ.ค.55 ตั้งแต่ 8 % จนถึง 27 % จากนั้นรัฐบาลจึงเริ่มกลับมาดูปัญหากองทุนน้ำมัน และดีเซลปรับลดให้อยู่ไม่เกิน 30 บาท ซึ่งถือเป็นการทำย้อนหลัง และไม่มีผลต่อการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง เพราะไม่เคยปรับลดค่าโดยสารค่าขนส่งเลย นี่คือสาเหตุที่ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคขึ้นสูงแพงทั้งแผ่นดิน
3. รัฐบาลซ้ำเติมประชาชนด้วยการลอยตัวก๊าซแอลพีจี โดยปรับราคาขึ้น 4 ครั้ง รวม 3 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้คนหาเช้ากินค่ำ ต้องแบกภาระมากขึ้น นอกจากนั้นรัฐบาลยังไม่ดำเนินการกับขบวนการลักลอบส่งออกก๊าซไปยังประเทศเพื่อนบ้าน 1.2 ล้านตัน หรือคิดเป็น 80 ล้านถัง (15 กิโลกรัม) ต่อปี ทำให้ต้องนำเข้าก๊าซแอลพีจี มาทดแทน เสียงบ 2.4 หมื่นล้านบาท และยังปล่อยให้ร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้มขายปลีกในราคาที่สูงกว่าที่ควรจะเป็น จากราคาถังละ 271 บาท แต่ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 300-350 บาท สูงกว่าราคาที่ประกาศไว้ถังละ 271.95 บาท อีกทั้งยังปกป้องธุรกิจปิโตรเคมีขนาดใหญ่ ให้ใช้ก๊าซในราคาถูกโดยไม่มีการเปิดเผยราคาซื้อขาย
4. รัฐบาลชุดนี้ประกาศปรับขึ้นราคา เอ็นจีวี 4 ครั้ง เป็นเงิน 2 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้รถแท๊กซี่ รถขนส่งสินค้า และรถส่วนบุคคลต้องเติมก๊าซเอ็นจีวีแพงกว่าความเป็นจริง เพราะราคาหน้าปากหลุมอยุ่ที่ 8 บาท ต่อกิโลกรัม ค่าบริหารจัดารการตลาดกิโลกรัมละ 2 บาท หากขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 10-11 บาท ก็มีกำไรแล้วแต่ราคาปัจจุบันขึ้นไปถึง 14.53 บาท ต่อกิโลกรัม ซึ่งรมว.พลังงาน ก็รู้ข้อมูลนี้ แต่กลับไม่มีการแก้ไขให้มีการลดราคาลงเพราะมุ่งหวังเอาแต่ผลกำไร
5 . รัฐบาลอนุมัติขึ้นค่าเอฟทีอีก 30 สตางค์ต่อหน่วย ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.55 โดยอ้างราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้น ทำให้คนไทยเดือดร้อน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 10 % ในภาคครัวเรือน ขณะที่ในภาคอุตสาหกรรม จะมีภาระเพิ่มขึ้น 7 % ทั้ง ๆ ที่จากข้อมูลพบว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นค่าไฟฟ้าแต่อย่างใด
6 . รัฐบาลไม่ทำตามสัญญา ให้บัตรเครดิตพลังงานแก่ผู้ขับขี่รถสาธารณะ 35,000 ราย แต่มีผู้มาขึ้นทะเบียน 27,456 ราย ใช้ได้ 8 พันราย มีหนี้เสีย 22.5 % คิดเป็นเงิน 6.48 ล้านบาท สาเหตุที่ผู้ขับขี่รถแท๊กซี่เข้าโครงการไม่ได้ เพราะเงื่อนไขไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ทั้งนี้ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ บริหารประเทศ เชื่อว่า พลังงานไม่แพงอย่างนี้ กองทุนไม่ติดลบ ค่าไฟไม่ขึ้น และของไม่แพงทั้งแผ่นดิน
ด้านน.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า รัฐบาลได้เจริญรอยตามรัฐบาลทักษิณ มีการทุจริตเชิงนโยบาย โดยเฉพาะด้านพลังงาน ซึ่งซ้ำรอยการกำหนดนโยบายโทรคมนาคมในอดีต ด้วยการสร้่างอำนาจเหนือตลาด การผูกขาด เอื้อประโยชน์ให้เอกชน รัฐวิสาหกิจและกลุ่มการเมือง และยังพบว่ามีการใช้งบประชาสัมพันธ์ของ ปตท.สนับสนุนกลุ่มเสื้อแดงด้วยการลงโฆษณาปกหลังหนังสือ เรดพาวเวอร์ต่อเนื่องกันถึง 6 เดือน ซึ่งกระทรวงพลังงาน ปตท. และ เรคกูเลเตอร์ ต้องให้คำตอบกับประชาชนในเรื่องนี้ ซึ่งพรรคจะติดตามตรวจสอบนโยบายและการทุจริตของรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างต่อเนื่องตลอดเดือนสิงหาคม - กันยายน จนถึงการอภิปรายในการแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยสัปดาห์หน้าจะเปิดเผยสาเหตุที่ทำให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำต่อไป
**จับตาแม้วไปเกาหลี-จีน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่สหรัฐฯ ออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าประเทศว่า ถ้าย้อนไปในปี 2553 พ.ต.ท.ทักษิณ เคยได้รับเชิญจากองค์กรภายใต้การดูแลของรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง แต่ตอนนั้นสหรัฐฯ แจ้งรัฐบาลว่าไม่อนุญาตให้พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศ เพราะมีนโยบายไม่ให้คนที่ต้องคดีเข้าเมือง แต่ตอนนี้เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนไป เหตุใดจึงอนุญาต จึงขอเรียกร้องให้สหรัฐฯชี้แจงด้วย
ส่วนที่ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยอ้างว่า ไม่มีการขอตัวให้ส่งพ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทย เรื่องนี้พรรคจะทำการตรวจสอบ เพื่อเอาผิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เพราะไทยกับสหรัฐฯ มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกันอยู่
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ มักจะบินไปรอบโลก โดยเฉพาะจะไปในประเทศใหญ่ ๆ ที่มีข่าวว่าจะทำการค้ากับไทย เช่น ไปประเทศจีนอยู่นาน จากนั้นก็มีข่าวว่า บริษัทเสิ่นเจิ้น สโคป ขายแทบเล็ตให้กับรัฐบาลไทย และที่น่าจับตามองคือการใช้เงินกู้เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท ที่ขณะนี้มีการเบิกจ่ายไปเพียง 1 พันล้านบาท ทำให้สงสัยว่าเป็นการรอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเจรจาก่อนหรือไม่ และที่ผ่านมาก็ที่มีข่าวว่า จีน และเกาหลีใต้ สนใจยื่นซองประมูลโครงการ และบังเอิญขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ จึงเชื่อว่า เกาหลีใต้ จะได้รับการประมูลในงบประมาณเงินกู้น้ำท่วมนี้ด้วย และจากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะไปประเทศจีน พ.ต.ท.ทักษิณ มักจะมีข่าวอยู่เสมอว่า จะไปอยู่ในประเทศใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติงบประมาณสำคัญของรัฐบาลนี้ จึงไม่ทราบว่าใครกันแน่ ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ หรือ ครม.มือถือ ที่เป็นผู้อนุมัติงบประมาณของประเทศไทย
** พท.นัดถกเตรียมแถลงผลงาน21ส.ค.
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า วันที่ 21 ส.ค. นี้ จะมีการประชุมพรรคเพื่อไทย และจะหยิบยกเรื่องการแถลงนโยบายครบรอบการทำงาน 1 ปี ของรัฐบาลขึ้นหารือ ซึ่งได้แบ่งการทำงาน 19 ส่วน จัดกิจกรรมทั่วทุกภาคทั่วประเทศ เพื่อนำข้อมูลการทำงานของรัฐบาลชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ และนำมาประเมินการทำงานของรัฐบาล พร้อมหารือรับมือการอภิปรายของฝ่ายค้าน แต่เชื่อว่าไม่มีปัญหา รัฐบาลพร้อมชี้แจงและสามารถตอบได้ทุกคำถาม
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาว่า มีการทุจริตงบน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท และเรียกร้องให้ปลด นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ดูแลเรื่องนี้ โดยยืนยันว่า งบแก้ปัญหาน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท ก็ยังไม่ได้นำมาใช้ และไม่มีการทุจริต เพราะนายปลอดประสพ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นเกมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นถ้าพรรคประชาธิปัตย์ มีหลักฐานการทุจริต ก็ขอให้นำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจได้เลย
นายพร้อมพงศ์ ยังยืนยันด้วยว่า ไม่มีใครในเพื่อไทยเกี่ยวข้องกับการทุจริตรับจำนำข้าว พร้อมท้าให้พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยชื่อ "เจ๊ด. " และหาหลักฐานมาแสดง พร้อมแจ้งความดำเนินคดี หรือหาข้อมูลมาอภิปรายไม่ไว้วางใจได้.