xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.ทรราชน้ำมันŽบนน้ำตาคนไทย!(ตอนสิบสอง)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สอดแนมการเมือง
โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

ปล้นชาติคนเดียวไม่ได้ เฮียเหลี่ยม-จึงต้องใช้นอมีนีมากมายมาช่วยกันปล้นชาติ!

เฮียเหลี่ยม-ใช้ทั้งลูก-เมีย-เพื่อนพ้องน้องพี่-คนขับรถ-คนสวน-แม่บ้าน-ยาม ฯลฯ เป็นนอมีนีไว้ซุกเงิน-ซุกหุ้น จนถูกคนไทยจับได้คาหนังคาเขามาแล้ว แต่เฮียเหลี่ยมใช้เงินติดสินบนตุลาการบางคนเอาตัวรอดมาได้หวุดหวิด

วันนี้-เฮียเหลี่ยมใช้นายกฯ ปูแดงและคณะรัฐบาล แถมใช้ขี้ข้ามากมายในพรรคตนเองและพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีชายหัวหลิมดุจปลาชะโดนั่งตัวเอียงกะเท่เร่ เป็นประธานฆ้อนปลอมดูไบ คอยใช้ระบบพวกมากลากไปยกมือเอาชนะฝ่ายค้านตามเฮียเหลี่ยมบงการ

เฮียเหลี่ยมอยากได้บ่อน้ำมันใต้ทะเลไทย-กัมพูชา มูลค่ากว่า 5.5 ล้านล้านบาท มาเป็นทรัพย์สินส่วนตัว ความโลภทำให้เฮียเหลี่ยมถึงกับขายชาติ-ยกดินแดนไทย รอบปราสาทพระวิหารให้เขมรกันเลยล่ะ

เมื่ออยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่ธุรกิจน้ำมันแห่งเอซีย เฮียเหลี่ยมจึงต้องมีคนที่ไว้ใจได้เป็นนอมีนีทำธุรกิจนี้ สำนักข่าวอิศราจึงเปิดโปงว่า

คนสนิทแม้วโผล่ตั้ง บ.พลังงาน โยงกลุ่มเชฟรอน-บิ๊ก ก.ต่างประเทศ โดยนายไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ ได้ก่อตั้งบริษัท เอ็มไพร์ เอเซีย เอนเนอร์ยี่ กรุ๊ป จำกัด

ต้องบอกว่าศักยภาพไพโรจน์-นายทนง-นายทองฉัตร-นายพละ-นายวิกรม-นายสุวิทย์ นั้น แม้ส่วนใหญ่จะอยู่ในวงการธุรกิจน้ำมัน และเคยเป็นใหญ่ในบริษัท ปตท.มาก่อน แต่คนพวกนี้ไม่มีวันจะควักเงินของตน และถึงจะควักก็ไม่มีเงินมากมายมหาศาล พอจะทำธุรกิจค้าขายน้ำมันอันใหญ่โตนี้ได้เลย

เพราะการทำธุรกิจน้ำมันนั้น มิใช่แค่มีเงินมหาศาลแล้วจะทำได้นะหากแต่ต้องเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมืองอย่างสูง ต้องสามารถใช้อำนาจรัฐและสั่งกลไกรัฐ ให้ทำงานทั้งในระดับชาติและข้ามชาติได้ ทั้ง 6 คนนี้ มิได้เป็นนักการเมืองเรืองอำนาจในรัฐบาลนี้ เส้นสาย-ช่องทาง-ที่จะทำธุรกิจน้ำมันจึงไม่มีครับ

เว้นแต่..เฮียเหลี่ยมกำลังจะใช้คนเหล่านี้ เป็นนอมีนีทำธุรกิจพลังงานให้ตนเท่านั้น เพราะบุคคลเหล่านี้ล้วนเคยเป็นผีโม่แป้ง ทำงานให้เฮียเหลี่ยมไม่มากก็น้อยมาแล้วทั้งนั้นครับ

วันนี้..เฮียเหลี่ยมคนเดียวเท่านั้น พร้อมที่สุดสำหรับการทำธุรกิจน้ำมัน เพราะมีเงินโกงชาติมากมาย และมีอำนาจทางการเมืองในประเทศไทยแบบเบ็ดเสร็จ แถมยังเป็นจอมทัพกองทัพแดงเถื่อนถ่อย ที่กำลังบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อีกด้วย

กลุ่มชายทั้ง 6 คนนี้ ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์ศานต์สำคัญและใกล้ชิดเฮียเหลี่ยมมากที่สุด แม้ธุรกิจไพโรจน์จะเคยมีปัญหา จนต้องผลุบๆ โผล่ๆ เข้าออกประเทศไทยกับดูไบเป็นว่าเล่น ทว่า..สำหรับไพโรจน์คนนี้ชีวิตน่าติดตาม เพราะสนุกโลดโผนยิ่งกว่าละครน้ำเน่าหน้าจอทีวีซีรีส์ยาวๆ ครับ

ไพโรจน์ เปี่ยมพงศ์สานต์ เป็นบุตรของ ม.ล.สิริ อิศรเสนา ณ อยุธยา (พระยาอิศรพงศ์พิพัฒน์) และ ม.ล.สำลี ณ อยุธยา เขาเกิดเมื่อวันที่12 มิถุนายน 2498 อายุ 57 แล้ว ไพโรจน์จบอนุปริญญาจากวิทยาลัยพระนคร ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมศิลป์ วิทยาลัยพระนคร ดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการบริหารการศึกษา ที่มหาวิทยาลัยบูรพา

ไพโรจน์ระบุตนเองเป็นนักธุรกิจ ตำแหน่งประธานคณะกรรมการ บริษัท บ้านฉาง กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองเป็นถึงที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี-รองนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และเป็นสมาชิกวุฒิสภาในปี 2535

ไพโรจน์ทะเร่อทะร่าเข้ามาเดินบนถนนการเมืองได้อย่างไรน่ะหรือ? คำตอบ คือ การเลือกคู่ตุนาหงันที่ชาญฉลาด เพราะไพโรจน์เลือกลูกสาว นายประทีป เชิดธรนินทร์ เลขานุการส่วนตัวของ พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นคู่ชีวิตนั่นเอง

ดังนั้น สมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ 1-2-3 นั้น ไม่ว่า พล.ต.อ.ประมาณจะดำรงตำแหน่งอะไรทางการเมือง พ่อตาไพโรจน์ก็จะตามไปเป็นเลขาฯ หน้าห้องลุงมาณเสมอ ไพโรจน์จึงเดินเข้าออกตึกไทยคู่ฟ้าเป็นว่าเล่น จนถือเป็นคนใกล้ชิดคนหนึ่งของ พล.ต.อ.ประมาณ ที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจมากเป็นพิเศษ เพราะไพโรจน์เป็นจอมโปรเจกต์ ที่มักมีโครงการใหญ่ๆ ใหม่ๆ มาเสนอเสมอ

หลัง พล.อ.เปรมยุบสภาครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2529 เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง แต่ในที่สุด พล.อ.เปรมก็ได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง คณะรัฐมนตรีชุดที่ 44 นี้ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้เข้ามารับตำแหน่งรองนายกฯ แทน พล.ต.อ.ประมาณที่หลุดออกไป

ห้วงนั้น ไพโรจน์มีหนี้สินราว 30-40 ล้านบาท เพราะใช้เงินไปสนับสนุนการหาเสียง และซื้อที่ดินบริเวณบ้านฉาง ตั้งแต่กลางปี 2530 จนไพโรจน์มีที่ดินไว้ในครอบครองกว่า 2 พันไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ทางด้านใต้ของชายฝั่งทะเล ตามแนวทางหลวงหมายเลข 3 ธุรกิจซื้อ-ขายที่ดินนี่แหละที่ทำให้ไพโรจน์ชำระหนี้สินเก่าได้หมด เมื่อไตรมาสแรกของต้นปี 2531

คนเคลื่อนไหวการเมืองก็ต้องเคลื่อนไหว วันที่ 4 สิงหาคม 2531 พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ต่อจาก พล.อ.เปรม รัฐบาล"โนพลอมแพลมหรือ"ไม่มีปัญหา”ของ“น้าชาติ” ได้ใช้นโยบายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นตลาดการค้ากับประเทศอินโดจีนทันที

ยุคนั้นไพโรจน์เดินเข้าออกได้ทั้งบ้านราชครูและตึกไทยคู่ฟ้า ได้ร่วมทำงานกับ“น้าชาติ”ในหลายเรื่อง เพราะ พล.อ.ชาติชายนั้นมีพี่สาว 3 คน น้องสาว 1 คน

พี่สาวคนโต คุณหญิงอุดมลักษณ์ ศรียานนท์ ภริยา พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ผู้ทรงอิทธิพลในประเทศไทย ก่อนเกิดการรัฐประหารในปี 2500

พี่สาวคนที่สอง นางพร้อม ทัพพะรังสี ภริยานายอรุณ ทัพพะรังสี อดีตอธิบดีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง

พี่สาวคนที่สาม ท่านผู้หญิงเจริญ อดิเรกสาร ภริยา พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร หัวหน้าพรรคชาติไทยคนแรก ที่พ่อตาไพโรจน์เป็นเลขาฯ นั่นเอง

แม้จะมีผลงานโดดเด่นหลายเรื่อง แต่รัฐบาล“น้าชาติ”ก็ถูกครหาว่าเป็นรัฐบาล “บุปเฟ่ต์คาบิเนต” อีกทั้งที่ปรึกษาของ พล.อ.ชาติชายบางคน ก็มีทัศนะเกาเหลากับกองทัพ จนถึงขนาดที่ปรึกษา “ที่นิยมเลี้ยงกระต่ายไว้ที่คอ”โพล่งออกมาว่า จะต้องทำให้กองทัพแตกแยกและอ่อนแอลง เพื่อการเมืองจะได้กุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ

การเตรียมจะโยกย้านนายทหารใหญ่บางคนของ “น้าชาติ” จึงทำให้ “รัฐบาลไม่มีปัญหา”ง่อนแง่น!

วันนี้-เฮียเหลี่ยมเอา “คนเลี้ยงกระต่ายที่คอ”ยุค“น้าชาติ”มาชุบเลี้ยง มิน่า-รัฐบาลนอมีนีของเฮียเหลี่ยมที่มีปูแดงเป็นหุ่นเชิด จึงตั้งหน้าตั้งตาทำลายกองทัพให้แตกแยกและอ่อนแอเช่นกัน เพื่อนักการเมืองขี้ฉ้อที่ใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้ง จะได้คุมอำนาจรัฐไว้ในกำมืออย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไงครับ

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 รัฐบาล“น้าชาติ”ถูกยึดอำนาจ โดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อแห่งชาติ (รสช.) ภายใต้การนำของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ พล.อ.สุจินดา คราประยูร พล.อ.อ.เกษตรโรจนนิล และ พล.อ. อิสระพงศ์ หนุนภักดี ที่ต่อมานำไปสู่เหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ

รัฐประหารโค่น“น้าชาติ”ครั้งนี้ ได้เกิดเรื่องแปลกแต่จริงขึ้น นั่นคือ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 18 เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2535 จนถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2535 หลังเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ “บิ๊กสุ”ต้องลาออกอย่างกะทันหัน ดังนั้น นายพลผู้นี้จึงได้เป็นนายกฯ ที่อยู่ในตำแหน่งสั้นที่สุดในโลก คือ ได้เป็นนายกฯ แค่ 48 วันเท่านั้น

แต่มี นายไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ ที่สนิทสนมอย่างลึกซึ้งกับ“น้าชาติ”และ “ลุงมาณ” ไปโผล่เป็นที่ปรึกษาท่านนายพล “ยอมเสียสัตย์เพื่อชาติ”ที่โค่นล้มรัฐบาล“น้าชาติ”อยู่ด้วยครับ?

ฉบับหน้า..ธุรกิจมากมายล้มครืนลงกับการลดค่าเงินบาท แต่เฮียเหลี่ยมกลับได้เงินกว่าห้าพันล้านบาท ใครหว่า..คาบข่าวลดค่าเงินบาท ไปบอกให้เฮียเหลี่ยมซื้อดอลลาร์จนรวยพุงปลิ้น..หือ..???
กำลังโหลดความคิดเห็น