ท้ายจบตอนที่ 3 ผมได้ยกปุจฉา-วิสัชนา 3 ประเทศ 3 ยูทุบตอบโต้กันว่าระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขกับระบอบประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งอย่างไหนจะดีกว่ากัน อย่างไหนดีหรือเลวอย่างไร
ผมอยากให้เราเข้าใจว่าเสรีภาพทางความคิดอย่างถูกต้องสมบูรณ์เป็นอย่างไร บ้านเมืองเราจะเป็นแบบนั้นได้เมื่อใดหรือไม่ และจะขอให้ท่านเปิดฟังยูทุบของเราเรื่อง ม. 112 ดูเป็นการเปรียบเทียบ นั่นประการที่หนึ่ง สอง อาจมีบางท่านที่เคยเห็นหรืออยากอ่านยูทุบจาบจ้วงโจมตีพระเจ้าอยู่หัวที่มีอยู่เกลื่อนกลาด นอกจากจะใช้ภาษาโคตรไพร่แล้วยังหามีความรู้ความจริงใดๆ มาอ้างไม่ และสาม ข้อความในยูทุบประการที่สองนั้น หากนำไปใช้กับประธานาธิบดีอเมริกา จะถูกลงโทษจำคุกหัวโตหนักกว่าเมืองไทยจริงไหม
เรื่องที่ 2 ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ คือ หาว่าสถาบันอยู่เบื้องหลังการออกและการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้แก่มาตรา 112 เพื่อประโยชน์และความมั่นคงของสถาบันเอง
เรื่องนี้เป็นความไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรมและเข้าใจผิดอย่างแน่นอน ผู้ที่มีส่วนในเรื่องนี้คือสื่อ นักวิชาการ รัฐบาล และจัดตั้งที่เป็นต้นเหตุให้ต่างประเทศนำไปบิดเบือนโจมตีในหลวงและประเทศไทยว่า มีกฎหมายพิเศษว่าด้วยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (ซึ่งความจริงไม่มี) และมีอัตราลงโทษสูงผิดปกติ (ซึ่งอาจจะจริง) และเป็นการทำลายสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง (ซึ่งจริงและไม่จริง มันเป็นเพราะความบกพร่องของขบวนการยุติธรรม ระบบการเมืองและตัวบุคคลต่างหาก) มีกฎหมายนับไม่ถ้วนในเมืองไทยที่ถูกนำมาใช้(ผิดๆ)เพื่อทำลายคู่ต่อสู้หรือประโยชน์ของพวกพ้องตนเอง
ก่อนอื่น เชิญท่านผู้อ่านฟังพระราชดำรัสของในหลวง http://www.youtube.com/watch?v=ci1n6rOeawQ ปี2548 ที่พระองค์ตรัสว่าวิจารณ์พระเจ้าอยู่หัวได้ ถ้าเห็นว่าไม่ดีทำอะไรผิดก็บอกด้วย การเที่ยวไปจับใครต่อใครฐานหมิ่นพระเจ้าอยู่หัวอย่าไปจับ เพราะจับแล้วพระเจ้าอยู่หัวเดือดร้อนต้องปล่อย ฯลฯ
ท่านผู้อ่านคงเคยอ่านและเคยฟังเรื่อง ม. 112 และอากงมาแล้วไม่มากก็น้อย ผมขอเสนอให้หายูทุบมาฟังทุกฝ่ายอีกหลายๆ เที่ยว ผมมีความเห็นดังต่อไปนี้
1. การโต้กันในเมืองไทยมิใช่ปุจฉา-วิสัชนาที่ทำให้เกิดปัญญา ทั้งหมด-ยกเว้นอานันท์ ปันยารชุน และกิตติศักดิ์ ปรกติ -เหมือนฝูงอีกายกพวกตีกัน หนวกหูเป็นที่สุด บางท่านในคราบนักวิชาการปัญญาชนหรือวุฒิสมาชิกก็ยก(ตนข่มท่าน)ทฤษฎีนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ หรืออุดมการณ์ประชาธิปไตยมาอ้าง แต่เป็นส่วนเป็นเสี้ยวขาดหลักอิทัปปัจจยตาและทฤษฎีปฏิสัมพัทธ์ทางปรัชญาและสังคมศาสตร์ คือไม่รู้ว่าเหตุปัจจัยใดสัมพันธ์หรือทำให้เกิดเหตุปัจจัยอื่นอย่างไร ตัวอย่างเช่น ดร.วรเจตน์อ้าง ม.112 กับการต่อต้านรัฐประหาร และหลักประชาธิปไตย โปรดฟังทุกคนจากยูทูบได้โดยกดชื่อภาษาไทยคนนั้นๆ ลงไป หลัง ม. 112 เช่น อานันท์ ปันยารชุน, ส.ศิวรักษ์ หรือ วรเจตน์ ภาคีรัตน์
2. ในหลวงมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ม. 112 แน่นอน เพราะถ้าไม่ลงพระปรมาภิไธยก็จะไม่ผ่านเช่นเดียวกับกฎหมายทุกฉบับก็มีเท่านั้น ส่วนท่านจะได้อะไรก็ทรงบอกแล้วว่า คือความ “เดือดร้อน” ผมเห็นเหมือนกับคุณอานันท์ว่าในหลวงไม่ทรงประสงค์อำนาจทางการเมือง เมื่อผมเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2517 คณะกรรมการจะให้ประธานองคมนตรีลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งวุฒิสมาชิก มีพระราชกระแสให้ราชเลขาฯ ทำหนังสือแจ้งลงมาว่าไม่เอา เรื่องที่ 2 คือสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติชุดผม แทนที่จะให้รัฐบาลตั้งหรือทรงตั้งเอง ท่านกลับให้ตัวแทนปวงชนคือสมัชชาแห่งชาติเป็นผู้เลือกตั้งกันเองขึ้นมา สองตัวอย่างนี้ทำให้ผมคอยว่าเมื่อใดเมืองไทยจะมีโอกาสพึ่งพระปัญญาบารมีเช่นนั้นอีก
3. คณะผู้เรียกร้องให้แก้ม. 112 ไม่มีสัตบุรุษ เพราะไม่มีใครรู้จักสัปปุริสธรรม 7 ข้อที่ว่าด้วยกาลัญญุตา คือกาละ(เทศะ) ไม่รู้หรือว่าสถานการณ์ขณะนี้เป็นอย่างไร เหมาะสมหรือไม่ที่จะต้องต่อสู้กันเรื่องม. 112 ในขณะที่มีการต่อสู้ทางการเมืองกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านเรื่องล้างมลทินให้อดีตนายกฯ ทักษิณได้เงินและอำนาจคืน ผมจะก้มหัวให้ถ้าท่านไปล็อบบี้รัฐสภา รัฐบาลและภาคประชาชนให้ปฏิรูปกฎหมายทั้งระบบ รื้อถอนคำสั่งคณะปฏิวัติและกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมที่ซุกซ่อนมาในกฎหมายทุกฉบับ
ผมอยากจะถามว่าในขณะที่ คมช.เรืองอำนาจ หรือแม้แต่ในรัฐบาลสมัคร เมื่อผมเขียนว่า คมช.ทำให้ประเทศไทยถอยหลังไปอีก 75 ปี คมช.ทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สมัครเป็นรัฐบาลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รัฐบาลสมัครทำลายอำนาจอธิปไตยโดยไม่ออกกฎหมายสักฉบับฯลฯ ไม่ทราบว่าท่านเหล่านี้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ม. 112 หรือมาออกเสียงช่วยผมบ้างสักนิดก็ยังดี
4. ท่านเสนอเรื่องอย่างวัวพันหลักโดยพูดว่า ม. 112 หรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำให้คนไม่รู้เรื่องทั้งไทยและในต่างประเทศเข้าใจผิดว่าเรามีกฎหมาย Les Majeste ว่าด้วยการดูหมิ่นกษัตริย์โดยเฉพาะ ความจริงไม่ใช่ ม. 112 เป็นเพียงมาตราหนึ่งในประมวลกฎหมายความอาญา กฎหมายอาญาให้ความคุ้มครองแก่บุคคลทุกคนตั้งแต่คนธรรมดาขึ้นไปมิให้ถูกคนอื่นล่วงละเมิด “ดูถูกดูหมิ่น ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกเกลียดชังหรืออาฆาตมาดร้าย” ในเมื่อแม้แต่บุคคลธรรมดายังได้รับความคุ้มครองในเรื่องนี้ แล้วจะไม่ให้ความคุ้มครองพระมหากษัตริย์ พระบรมราชินีนาถ มกุฎราชกุมาร (และผู้สำเร็จราชการ)ในทำนองเดียวกันหรือ ประมวลกฎหมายอาญาไทยนั้นก้าวหน้าและใจกว้างคุ้มครองถึงประมุขต่างประเทศ คณะทูต หรือแม้กระทั่งธงชาติต่างประเทศ ดังนั้นในกรณีที่เราโกรธอเมริกันจัดๆ ระวังอย่าไปด่าอีห่าหรือเยี่ยวรดธงชาติอเมริกันเข้า เดี๋ยวติดคุกผิดกฎหมายอาญาของไทย
5. ผมโทษคนไทยใจสุนัขที่ไปยืมหรือเช่าปากฝรั่งมาโจมตีพระเจ้าอยู่หัวไทยในเรื่องม. 112 ทำให้นักวิชาการ นักการเมือง และทูตสหรัฐอเมริกาสาระแนคัดค้านม. 112 ไปตามๆ กัน ผมไปอเมริกาเมื่อเดือนมีนาคมรู้สึกแปลกใจสุดๆ เมื่อทราบว่าคนไทย 2 คนที่สภาคองเกรสรู้จักชื่อดีสุดคือโจ กอร์ดอนกับอากง มิน่าเล่าเมื่อถึงคราวที่สภาคองเกรสจะส่งสาส์นแสดงความยินดีในวันพระราชสมภพครบ 84 พรรษาของพระเจ้าอยู่หัว เขาบอกงดเพราะระเบียบวาระเต็ม กว่าเราจะรู้ก็วันที่ 2 ธันวาคม 2554 ทำให้ต้องวิ่งกันขาขวิด ได้มาเพียงหนึ่งคือวุฒิสภา ซึ่งผู้นำเขากระซิบบอกว่าก็ไอ้ล็อบบี้ของพวกยูนี่แหละที่ว่ายัวร์คิงอยู่เบื้องหลังม. 112 ผมจึงถึงบางอ้อและเข้าใจยิ่งขึ้นเมื่อทราบว่าศูนย์การศึกษาไทยในมหาวิทยาลัยชั้นนำสหรัฐฯ ที่รัฐบาลอภิสิทธิ์เอาเงินทุนไปประเคนให้พากันเป็นกระบอกเสียงให้ทักษิณและหันกระบอกปืนมาใส่ม. 112 ครบทุกศูนย์
6. เปรียบกับม. 112 แล้ว อเมริกามีกฎหมายคุ้มครองประธานาธิบดีเขาเข้มแข็งและทารุณยิ่งกว่าเราหลายเท่า (www.usgovinfo.about.com/18 UUC Sec.871) ไล่ๆ กับที่โจ กอร์ดอน คนไทยสัญชาติอเมริกันถูกจำคุก 2 ปีฐานแปลหนังสือต้องห้ามหมิ่นในหลวง (ผมไม่เห็นด้วยที่ห้าม) นาย Johny Logan Spencer ชาวอเมริกัน โดนคุกเข้าไป 33 เดือน ครบแล้วจะต้องคุมประพฤติอีก 2 ปีฐานเขียนกลอนข่มขู่โอบามา กลอนของสเปนเซอร์ไม่ได้ออกชื่อหรือตำแหน่งโอบามาเลย เพียงแต่กล่าวถึงทรราชย์ผิวดำหลั่งเลือดเท่านั้น(http://www.newser.com/story/81371/man-charged-with-threatening-obama-in-web-poem.html) ผมทำนายว่าโจ กอร์ดอนจะต้องได้รับพระราชทานอภัยโทษ 100 เปอร์เซ็นต์เร็วๆ ด้วย ในขณะที่สเปนเซอร์ผู้คุกคามประธานาธิบดีผิวดำจะต้องติดคุกหัวโต (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000162322)
7. เมื่อผมกลับมาถึงเมืองไทยและได้ทราบว่าอากงจะขอถอนอุทธรณ์เพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นการส่วนตัว ถ้าใครได้อ่านคำพิพากษาเห็นคำพูดของอากง ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับบทกลอนของสเปนเซอร์แล้ว ถ้าเป็นคำพูดของอากงจริง ก็ไม่เห็นทางที่อากงจะพ้นโทษได้อย่างไร แต่การที่อากงยอมถอนอุทธรณ์แยกออกจากหมู่คณะ ก็ทำให้ผมสังหรณ์ใจบางอย่างถึงนายแพทย์จากสภากาชาดไทยเล่าให้คนที่ผมรู้จักฟังว่าได้เข้าไปช่วยรักษาให้อากงพ้นการคุกคามชีวิตจากมะเร็งแล้วก็ยังไม่วาย ขณะที่ผมทานข้าวกับผู้ใหญ่ 2-3 ท่านอยู่ก็ได้ข่าวอากงเสียชีวิตแล้ว ผมเรียนท่านเหล่านั้นว่าภายใน 3-4 วันนี้จะเห็นบทความและรายงานจากต่างประเทศโจมตีม. 112กับพระเจ้าอยู่หัวเป็นระลอกทีละประเทศ ทั้งหมดมาจากแหล่งเดียวกัน
8. จริงตามคาด บทความจากปากกา Joshau Kurantzick แห่ง Council on Foreign Relations อันทรงอิทธิพลเหนือรัฐบาลสหรัฐอเมริกาแพร่ไปในสื่อต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งบทความในชื่อผู้อื่นหรือผู้เขียนที่อ้างถึงบทความของ Kurantzick ทั้งหมดกล่าวถึงโศกนาฏกรรมของอากง ความทารุณโหดร้ายของม. 112 และพระเจ้าอยู่หัว กรุณาหาดูได้จาก www.google.com กดที่ Joshau Kurantzick LM death Thailand และกดต่อได้เลย on Thaksin กับ on King Bhumibol จะเห็นว่ามันสรรเสริญทักษิณกับตำหนิพระเจ้าอยู่หัวกว่า 10 บทความพอๆ กัน
9. Council on Foreign Relations เป็นเจ้าภาพเชิญทักษิณไปพูดในวันที่โดนปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 พอดี หลังจากนั้นคนของ CFR และนาย Kurantzick กับล็อบบี้ของทักษิณก็พากันไปประชุมกับนักการเมืองและกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาในที่ต่างๆ ตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ วันที่ท่านผู้นำถูกพี่น้องชาวไทยในอเมริกาไล่ตะเพิดเหมือนหมูเหมือนหมาทุกแห่งที่โผล่หน้าไป
ไอ้ชาติโง่ มันไม่รู้จักความถูกต้อง!
ผมอยากให้เราเข้าใจว่าเสรีภาพทางความคิดอย่างถูกต้องสมบูรณ์เป็นอย่างไร บ้านเมืองเราจะเป็นแบบนั้นได้เมื่อใดหรือไม่ และจะขอให้ท่านเปิดฟังยูทุบของเราเรื่อง ม. 112 ดูเป็นการเปรียบเทียบ นั่นประการที่หนึ่ง สอง อาจมีบางท่านที่เคยเห็นหรืออยากอ่านยูทุบจาบจ้วงโจมตีพระเจ้าอยู่หัวที่มีอยู่เกลื่อนกลาด นอกจากจะใช้ภาษาโคตรไพร่แล้วยังหามีความรู้ความจริงใดๆ มาอ้างไม่ และสาม ข้อความในยูทุบประการที่สองนั้น หากนำไปใช้กับประธานาธิบดีอเมริกา จะถูกลงโทษจำคุกหัวโตหนักกว่าเมืองไทยจริงไหม
เรื่องที่ 2 ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ คือ หาว่าสถาบันอยู่เบื้องหลังการออกและการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้แก่มาตรา 112 เพื่อประโยชน์และความมั่นคงของสถาบันเอง
เรื่องนี้เป็นความไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรมและเข้าใจผิดอย่างแน่นอน ผู้ที่มีส่วนในเรื่องนี้คือสื่อ นักวิชาการ รัฐบาล และจัดตั้งที่เป็นต้นเหตุให้ต่างประเทศนำไปบิดเบือนโจมตีในหลวงและประเทศไทยว่า มีกฎหมายพิเศษว่าด้วยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (ซึ่งความจริงไม่มี) และมีอัตราลงโทษสูงผิดปกติ (ซึ่งอาจจะจริง) และเป็นการทำลายสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง (ซึ่งจริงและไม่จริง มันเป็นเพราะความบกพร่องของขบวนการยุติธรรม ระบบการเมืองและตัวบุคคลต่างหาก) มีกฎหมายนับไม่ถ้วนในเมืองไทยที่ถูกนำมาใช้(ผิดๆ)เพื่อทำลายคู่ต่อสู้หรือประโยชน์ของพวกพ้องตนเอง
ก่อนอื่น เชิญท่านผู้อ่านฟังพระราชดำรัสของในหลวง http://www.youtube.com/watch?v=ci1n6rOeawQ ปี2548 ที่พระองค์ตรัสว่าวิจารณ์พระเจ้าอยู่หัวได้ ถ้าเห็นว่าไม่ดีทำอะไรผิดก็บอกด้วย การเที่ยวไปจับใครต่อใครฐานหมิ่นพระเจ้าอยู่หัวอย่าไปจับ เพราะจับแล้วพระเจ้าอยู่หัวเดือดร้อนต้องปล่อย ฯลฯ
ท่านผู้อ่านคงเคยอ่านและเคยฟังเรื่อง ม. 112 และอากงมาแล้วไม่มากก็น้อย ผมขอเสนอให้หายูทุบมาฟังทุกฝ่ายอีกหลายๆ เที่ยว ผมมีความเห็นดังต่อไปนี้
1. การโต้กันในเมืองไทยมิใช่ปุจฉา-วิสัชนาที่ทำให้เกิดปัญญา ทั้งหมด-ยกเว้นอานันท์ ปันยารชุน และกิตติศักดิ์ ปรกติ -เหมือนฝูงอีกายกพวกตีกัน หนวกหูเป็นที่สุด บางท่านในคราบนักวิชาการปัญญาชนหรือวุฒิสมาชิกก็ยก(ตนข่มท่าน)ทฤษฎีนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ หรืออุดมการณ์ประชาธิปไตยมาอ้าง แต่เป็นส่วนเป็นเสี้ยวขาดหลักอิทัปปัจจยตาและทฤษฎีปฏิสัมพัทธ์ทางปรัชญาและสังคมศาสตร์ คือไม่รู้ว่าเหตุปัจจัยใดสัมพันธ์หรือทำให้เกิดเหตุปัจจัยอื่นอย่างไร ตัวอย่างเช่น ดร.วรเจตน์อ้าง ม.112 กับการต่อต้านรัฐประหาร และหลักประชาธิปไตย โปรดฟังทุกคนจากยูทูบได้โดยกดชื่อภาษาไทยคนนั้นๆ ลงไป หลัง ม. 112 เช่น อานันท์ ปันยารชุน, ส.ศิวรักษ์ หรือ วรเจตน์ ภาคีรัตน์
2. ในหลวงมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ม. 112 แน่นอน เพราะถ้าไม่ลงพระปรมาภิไธยก็จะไม่ผ่านเช่นเดียวกับกฎหมายทุกฉบับก็มีเท่านั้น ส่วนท่านจะได้อะไรก็ทรงบอกแล้วว่า คือความ “เดือดร้อน” ผมเห็นเหมือนกับคุณอานันท์ว่าในหลวงไม่ทรงประสงค์อำนาจทางการเมือง เมื่อผมเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2517 คณะกรรมการจะให้ประธานองคมนตรีลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งวุฒิสมาชิก มีพระราชกระแสให้ราชเลขาฯ ทำหนังสือแจ้งลงมาว่าไม่เอา เรื่องที่ 2 คือสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติชุดผม แทนที่จะให้รัฐบาลตั้งหรือทรงตั้งเอง ท่านกลับให้ตัวแทนปวงชนคือสมัชชาแห่งชาติเป็นผู้เลือกตั้งกันเองขึ้นมา สองตัวอย่างนี้ทำให้ผมคอยว่าเมื่อใดเมืองไทยจะมีโอกาสพึ่งพระปัญญาบารมีเช่นนั้นอีก
3. คณะผู้เรียกร้องให้แก้ม. 112 ไม่มีสัตบุรุษ เพราะไม่มีใครรู้จักสัปปุริสธรรม 7 ข้อที่ว่าด้วยกาลัญญุตา คือกาละ(เทศะ) ไม่รู้หรือว่าสถานการณ์ขณะนี้เป็นอย่างไร เหมาะสมหรือไม่ที่จะต้องต่อสู้กันเรื่องม. 112 ในขณะที่มีการต่อสู้ทางการเมืองกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านเรื่องล้างมลทินให้อดีตนายกฯ ทักษิณได้เงินและอำนาจคืน ผมจะก้มหัวให้ถ้าท่านไปล็อบบี้รัฐสภา รัฐบาลและภาคประชาชนให้ปฏิรูปกฎหมายทั้งระบบ รื้อถอนคำสั่งคณะปฏิวัติและกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมที่ซุกซ่อนมาในกฎหมายทุกฉบับ
ผมอยากจะถามว่าในขณะที่ คมช.เรืองอำนาจ หรือแม้แต่ในรัฐบาลสมัคร เมื่อผมเขียนว่า คมช.ทำให้ประเทศไทยถอยหลังไปอีก 75 ปี คมช.ทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สมัครเป็นรัฐบาลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รัฐบาลสมัครทำลายอำนาจอธิปไตยโดยไม่ออกกฎหมายสักฉบับฯลฯ ไม่ทราบว่าท่านเหล่านี้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ม. 112 หรือมาออกเสียงช่วยผมบ้างสักนิดก็ยังดี
4. ท่านเสนอเรื่องอย่างวัวพันหลักโดยพูดว่า ม. 112 หรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำให้คนไม่รู้เรื่องทั้งไทยและในต่างประเทศเข้าใจผิดว่าเรามีกฎหมาย Les Majeste ว่าด้วยการดูหมิ่นกษัตริย์โดยเฉพาะ ความจริงไม่ใช่ ม. 112 เป็นเพียงมาตราหนึ่งในประมวลกฎหมายความอาญา กฎหมายอาญาให้ความคุ้มครองแก่บุคคลทุกคนตั้งแต่คนธรรมดาขึ้นไปมิให้ถูกคนอื่นล่วงละเมิด “ดูถูกดูหมิ่น ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกเกลียดชังหรืออาฆาตมาดร้าย” ในเมื่อแม้แต่บุคคลธรรมดายังได้รับความคุ้มครองในเรื่องนี้ แล้วจะไม่ให้ความคุ้มครองพระมหากษัตริย์ พระบรมราชินีนาถ มกุฎราชกุมาร (และผู้สำเร็จราชการ)ในทำนองเดียวกันหรือ ประมวลกฎหมายอาญาไทยนั้นก้าวหน้าและใจกว้างคุ้มครองถึงประมุขต่างประเทศ คณะทูต หรือแม้กระทั่งธงชาติต่างประเทศ ดังนั้นในกรณีที่เราโกรธอเมริกันจัดๆ ระวังอย่าไปด่าอีห่าหรือเยี่ยวรดธงชาติอเมริกันเข้า เดี๋ยวติดคุกผิดกฎหมายอาญาของไทย
5. ผมโทษคนไทยใจสุนัขที่ไปยืมหรือเช่าปากฝรั่งมาโจมตีพระเจ้าอยู่หัวไทยในเรื่องม. 112 ทำให้นักวิชาการ นักการเมือง และทูตสหรัฐอเมริกาสาระแนคัดค้านม. 112 ไปตามๆ กัน ผมไปอเมริกาเมื่อเดือนมีนาคมรู้สึกแปลกใจสุดๆ เมื่อทราบว่าคนไทย 2 คนที่สภาคองเกรสรู้จักชื่อดีสุดคือโจ กอร์ดอนกับอากง มิน่าเล่าเมื่อถึงคราวที่สภาคองเกรสจะส่งสาส์นแสดงความยินดีในวันพระราชสมภพครบ 84 พรรษาของพระเจ้าอยู่หัว เขาบอกงดเพราะระเบียบวาระเต็ม กว่าเราจะรู้ก็วันที่ 2 ธันวาคม 2554 ทำให้ต้องวิ่งกันขาขวิด ได้มาเพียงหนึ่งคือวุฒิสภา ซึ่งผู้นำเขากระซิบบอกว่าก็ไอ้ล็อบบี้ของพวกยูนี่แหละที่ว่ายัวร์คิงอยู่เบื้องหลังม. 112 ผมจึงถึงบางอ้อและเข้าใจยิ่งขึ้นเมื่อทราบว่าศูนย์การศึกษาไทยในมหาวิทยาลัยชั้นนำสหรัฐฯ ที่รัฐบาลอภิสิทธิ์เอาเงินทุนไปประเคนให้พากันเป็นกระบอกเสียงให้ทักษิณและหันกระบอกปืนมาใส่ม. 112 ครบทุกศูนย์
6. เปรียบกับม. 112 แล้ว อเมริกามีกฎหมายคุ้มครองประธานาธิบดีเขาเข้มแข็งและทารุณยิ่งกว่าเราหลายเท่า (www.usgovinfo.about.com/18 UUC Sec.871) ไล่ๆ กับที่โจ กอร์ดอน คนไทยสัญชาติอเมริกันถูกจำคุก 2 ปีฐานแปลหนังสือต้องห้ามหมิ่นในหลวง (ผมไม่เห็นด้วยที่ห้าม) นาย Johny Logan Spencer ชาวอเมริกัน โดนคุกเข้าไป 33 เดือน ครบแล้วจะต้องคุมประพฤติอีก 2 ปีฐานเขียนกลอนข่มขู่โอบามา กลอนของสเปนเซอร์ไม่ได้ออกชื่อหรือตำแหน่งโอบามาเลย เพียงแต่กล่าวถึงทรราชย์ผิวดำหลั่งเลือดเท่านั้น(http://www.newser.com/story/81371/man-charged-with-threatening-obama-in-web-poem.html) ผมทำนายว่าโจ กอร์ดอนจะต้องได้รับพระราชทานอภัยโทษ 100 เปอร์เซ็นต์เร็วๆ ด้วย ในขณะที่สเปนเซอร์ผู้คุกคามประธานาธิบดีผิวดำจะต้องติดคุกหัวโต (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000162322)
7. เมื่อผมกลับมาถึงเมืองไทยและได้ทราบว่าอากงจะขอถอนอุทธรณ์เพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นการส่วนตัว ถ้าใครได้อ่านคำพิพากษาเห็นคำพูดของอากง ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับบทกลอนของสเปนเซอร์แล้ว ถ้าเป็นคำพูดของอากงจริง ก็ไม่เห็นทางที่อากงจะพ้นโทษได้อย่างไร แต่การที่อากงยอมถอนอุทธรณ์แยกออกจากหมู่คณะ ก็ทำให้ผมสังหรณ์ใจบางอย่างถึงนายแพทย์จากสภากาชาดไทยเล่าให้คนที่ผมรู้จักฟังว่าได้เข้าไปช่วยรักษาให้อากงพ้นการคุกคามชีวิตจากมะเร็งแล้วก็ยังไม่วาย ขณะที่ผมทานข้าวกับผู้ใหญ่ 2-3 ท่านอยู่ก็ได้ข่าวอากงเสียชีวิตแล้ว ผมเรียนท่านเหล่านั้นว่าภายใน 3-4 วันนี้จะเห็นบทความและรายงานจากต่างประเทศโจมตีม. 112กับพระเจ้าอยู่หัวเป็นระลอกทีละประเทศ ทั้งหมดมาจากแหล่งเดียวกัน
8. จริงตามคาด บทความจากปากกา Joshau Kurantzick แห่ง Council on Foreign Relations อันทรงอิทธิพลเหนือรัฐบาลสหรัฐอเมริกาแพร่ไปในสื่อต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งบทความในชื่อผู้อื่นหรือผู้เขียนที่อ้างถึงบทความของ Kurantzick ทั้งหมดกล่าวถึงโศกนาฏกรรมของอากง ความทารุณโหดร้ายของม. 112 และพระเจ้าอยู่หัว กรุณาหาดูได้จาก www.google.com กดที่ Joshau Kurantzick LM death Thailand และกดต่อได้เลย on Thaksin กับ on King Bhumibol จะเห็นว่ามันสรรเสริญทักษิณกับตำหนิพระเจ้าอยู่หัวกว่า 10 บทความพอๆ กัน
9. Council on Foreign Relations เป็นเจ้าภาพเชิญทักษิณไปพูดในวันที่โดนปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 พอดี หลังจากนั้นคนของ CFR และนาย Kurantzick กับล็อบบี้ของทักษิณก็พากันไปประชุมกับนักการเมืองและกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาในที่ต่างๆ ตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ วันที่ท่านผู้นำถูกพี่น้องชาวไทยในอเมริกาไล่ตะเพิดเหมือนหมูเหมือนหมาทุกแห่งที่โผล่หน้าไป
ไอ้ชาติโง่ มันไม่รู้จักความถูกต้อง!