เมื่อเวลา 14.30 น. วานนี้ (9ส.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “พลังสร้างสรรค์ สู่อนาคตที่ยั่งยืน” เนื่องในวันสตรีไทย 1 สิงหาคม ประจำปี 2555 จัดโดย สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมกับสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นแบบอย่างของสตรีไทยที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนา และส่งเสริมสถานภาพ สตรีอย่างยิ่ง พระราชกรณียกิจของพระองค์ครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม การแพทย์และสาธารณสุข การต่างประเทศ รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของสตรีไทย
ทั้งนี้ เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์แก่ครอบครัว และสังคม อีกทั้ง สตรีไทยในชนบทที่ว่างจากการทำไร่ ทำนา ซึ่งเป็นอาชีพหลัก ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการฟื้นฟูและสนับสนุนการทำศิลปหัตถกรรม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งพระราชทานความช่วยเหลือแก่สตรีไทยที่ด้อยโอกาส
ในส่วนของรัฐบาล ได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 รวม 9 กิจกรรม เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2555 กิจกรรมแรก คือ “โครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี” โดยเชิญชวนประชาชนมาช่วยกันปลูกป่า และดูแลรักษาป่าทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าให้มีความอุดมสมบูรณ์ สามารถดูดซับน้ำ และป้องกันปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติได้
กิจกรรมที่ 2 การจัดนิทรรศการแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 “พระแม่ของแผ่นดิน” จัดแสดงพระฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ของงานบริเวณนี้เปิดให้ประชาชน ร่วมลงนามถวายพระพรด้วย
ส่วนที่ 2 นิทรรศการ “ศิลป์แห่งแพรไหม” เป็นการแสดงแฟชั่นโชว์จากผลงาน นักออกแบบเสื้อผ้าชั้นแนวหน้าของไทย โดยนำผ้าจากศูนย์ศิลปาชีพมาตัดเย็บ โดยได้แรงบันดาลใจจากฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ส่วนที่ 3 “นิทรรศการพระราชกรณียกิจ” เป็นการแสดงภาพความก้าวหน้าล่าสุดของโครงการตามพระราชดำริ 9 ด้านมาเรียงร้อย สื่อความหมายในลักษณะการเล่าเรื่องด้วยภาพ
ส่วนที่ 4 “นิทรรศการคู่พระบารมี” แสดงให้เห็นการอุทิศพระองค์ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจคู่พระราชหฤทัย ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดระยะเวลากว่า 6 ทศวรรษ
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึง การจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีว่า เป็นแนวนโยบายของรัฐบาล ที่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสตรีไทยในทุกๆ ด้าน และพร้อมที่จะทำงานร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติและทุกองค์กรสตรีที่จะขับเคลื่อน พลังสตรีให้มีการพัฒนา และความก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะการยกระดับคุณภาพชีวิต และความไม่เสมอภาคทางสังคม
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า รัฐบาลได้น้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาจัดทำเป็นยุทธศาสตร์พัฒนาบทบาทสตรี 5 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
ยุทธศาสตร์ที่ 1 เสริมสร้างเจตคติและการยอมรับด้านความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาศักยภาพและเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมของสตรีไทย
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาสุขภาวะ คุณภาพชีวิตและเสริมสร้างความมั่นคงในชีวิต
ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาศักยภาพสตรีเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าร่วมทางการเมือง การบริหาร และการตัดสินใจในระดับต่างๆ
ยุทธศาสตร์ที่ 5 การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพกลไกและองค์กรสตรีทุกระดับให้มีศักยภาพ
ทั้งนี้ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจะนำยุทธศาสตร์ทั้ง 5 มาเป็นแนวหลักในการทำงาน โดยจะเน้นให้สตรีเข้าถึงแหล่งเงินทุน ในการพัฒนาการสร้างอาชีพ โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในชุมชน จังหวัดต่าง ๆ อีกทั้ง จะเกิดกลไกการจัดตั้งกองทุนพัฒนาสตรีในระดับของชุมชน ในบ้าน และในระดับจังหวัด ซึ่งขณะนี้ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ได้จัดให้มีการส่งเงินงวดแรกไปยังกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในทุกจังหวัดประมาณ 20 ล้านบาท
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับบทบาทของสตรีไทย โดยกล่าวชื่นชมการทำงานของสภาสตรีไทย ที่ได้จัดทำกิจกรรมมากมาย ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ต่อสตรีไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในส่วนของรัฐบาลพร้อมที่จะทำงานร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติในการทำให้สตรีไทยให้ มีความรู้ ความสามารถ และผลักดันให้สตรีไทยทุกระดับก้าวไปสู่การเป็นผู้นำทั้งในระดับประเทศและใน ระดับสากล เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นประชาคมอาเซียน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นแบบอย่างของสตรีไทยที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนา และส่งเสริมสถานภาพ สตรีอย่างยิ่ง พระราชกรณียกิจของพระองค์ครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม การแพทย์และสาธารณสุข การต่างประเทศ รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของสตรีไทย
ทั้งนี้ เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์แก่ครอบครัว และสังคม อีกทั้ง สตรีไทยในชนบทที่ว่างจากการทำไร่ ทำนา ซึ่งเป็นอาชีพหลัก ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการฟื้นฟูและสนับสนุนการทำศิลปหัตถกรรม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งพระราชทานความช่วยเหลือแก่สตรีไทยที่ด้อยโอกาส
ในส่วนของรัฐบาล ได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 รวม 9 กิจกรรม เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2555 กิจกรรมแรก คือ “โครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี” โดยเชิญชวนประชาชนมาช่วยกันปลูกป่า และดูแลรักษาป่าทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าให้มีความอุดมสมบูรณ์ สามารถดูดซับน้ำ และป้องกันปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติได้
กิจกรรมที่ 2 การจัดนิทรรศการแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 “พระแม่ของแผ่นดิน” จัดแสดงพระฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ของงานบริเวณนี้เปิดให้ประชาชน ร่วมลงนามถวายพระพรด้วย
ส่วนที่ 2 นิทรรศการ “ศิลป์แห่งแพรไหม” เป็นการแสดงแฟชั่นโชว์จากผลงาน นักออกแบบเสื้อผ้าชั้นแนวหน้าของไทย โดยนำผ้าจากศูนย์ศิลปาชีพมาตัดเย็บ โดยได้แรงบันดาลใจจากฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ส่วนที่ 3 “นิทรรศการพระราชกรณียกิจ” เป็นการแสดงภาพความก้าวหน้าล่าสุดของโครงการตามพระราชดำริ 9 ด้านมาเรียงร้อย สื่อความหมายในลักษณะการเล่าเรื่องด้วยภาพ
ส่วนที่ 4 “นิทรรศการคู่พระบารมี” แสดงให้เห็นการอุทิศพระองค์ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจคู่พระราชหฤทัย ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดระยะเวลากว่า 6 ทศวรรษ
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึง การจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีว่า เป็นแนวนโยบายของรัฐบาล ที่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสตรีไทยในทุกๆ ด้าน และพร้อมที่จะทำงานร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติและทุกองค์กรสตรีที่จะขับเคลื่อน พลังสตรีให้มีการพัฒนา และความก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะการยกระดับคุณภาพชีวิต และความไม่เสมอภาคทางสังคม
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า รัฐบาลได้น้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาจัดทำเป็นยุทธศาสตร์พัฒนาบทบาทสตรี 5 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
ยุทธศาสตร์ที่ 1 เสริมสร้างเจตคติและการยอมรับด้านความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาศักยภาพและเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมของสตรีไทย
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาสุขภาวะ คุณภาพชีวิตและเสริมสร้างความมั่นคงในชีวิต
ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาศักยภาพสตรีเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าร่วมทางการเมือง การบริหาร และการตัดสินใจในระดับต่างๆ
ยุทธศาสตร์ที่ 5 การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพกลไกและองค์กรสตรีทุกระดับให้มีศักยภาพ
ทั้งนี้ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจะนำยุทธศาสตร์ทั้ง 5 มาเป็นแนวหลักในการทำงาน โดยจะเน้นให้สตรีเข้าถึงแหล่งเงินทุน ในการพัฒนาการสร้างอาชีพ โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในชุมชน จังหวัดต่าง ๆ อีกทั้ง จะเกิดกลไกการจัดตั้งกองทุนพัฒนาสตรีในระดับของชุมชน ในบ้าน และในระดับจังหวัด ซึ่งขณะนี้ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ได้จัดให้มีการส่งเงินงวดแรกไปยังกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในทุกจังหวัดประมาณ 20 ล้านบาท
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับบทบาทของสตรีไทย โดยกล่าวชื่นชมการทำงานของสภาสตรีไทย ที่ได้จัดทำกิจกรรมมากมาย ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ต่อสตรีไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในส่วนของรัฐบาลพร้อมที่จะทำงานร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติในการทำให้สตรีไทยให้ มีความรู้ ความสามารถ และผลักดันให้สตรีไทยทุกระดับก้าวไปสู่การเป็นผู้นำทั้งในระดับประเทศและใน ระดับสากล เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นประชาคมอาเซียน