xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” น้อมนำพระราชดำริ “พระราชินี” จัดทำ 5 ยุทธศาสตร์พัฒนาสตรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “พลังสร้างสรรค์ สู่อนาคตที่ยั่งยืน” เนื่องในวันสตรีไทย เผยสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงเป็นแบบอย่างของสตรีไทย ในส่วนของรัฐบาลจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี น้อมนำพระราชดำริจัดทำเป็นยุทธศาสตร์พัฒนาบทบาทสตรี 5 ยุทธศาสตร์ เน้นให้สตรีเข้าถึงแหล่งเงินทุน ในการพัฒนาการสร้างอาชีพ พร้อมผลักดันสตรีไทยก้าวไปสู่ความเป็นประชาคมอาเซียน

วันนี้ (9 ส.ค.) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “พลังสร้างสรรค์ สู่อนาคตที่ยั่งยืน” เนื่องในวันสตรีไทย 1 ส.ค. 2555 จัดโดย สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมกับสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมีผู้ร่วมงานประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่ปรึกษาสภาสตรีแห่งชาติ ผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คณะกรรมการจัดงานวันสตรีไทย นายกสมาคม ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชน

คุณหญิงณัฐิกา กล่าวรายงานว่า สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นองค์กรสตรีภาคเอกชนที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดของประเทศ มีบทบาทเป็นศูนย์กลางประสานงานองค์กรสมาชิก ส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานขององค์กรสตรีและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่าง องค์กรสตรีทั้งในและระหว่างประเทศ เพื่อยกระดับสถานภาพและความสามารถของสตรีไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2499 โดยการนำของท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม ได้รับอนุญาตให้ใช้บ้านมนังคศิลาเป็นที่ทำการ และในปี 2505 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณรับไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มีคณะกรรมการอำนวยการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง สร้างชื่อเสียง พลังศรัทธา และความมั่นคงให้สภาสตรีแห่งชาติฯ เป็นที่ยอมรับในเวทีต่างๆ ทั้งในประเทศและนานาชาติ จวบจนปัจจุบัน สภาสตรีแห่งชาติฯ ครบรอบการก่อตั้ง 56 ปี อยู่ในวาระการบริหารงานของคณะกรรมการอำนวย สมัยที่ 23 มีองค์กรสมาชิกกว่า 230 แห่งครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ และเครือข่ายองค์กรสตรีไทยในภูมิภาคยุโรปอีก 1 แห่ง

สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้เป็นแกนหลักในการดำเนินการจัดงานวันสตรีไทยมาตั้งแต่แรกก่อตั้งในปี 2546 จนถึงปัจจุบัน มีภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมจัดงานอย่างกว้างขวาง และในส่วนของการจัดกิจกรรมงานวันสตรีไทยในปี 2555 ได้น้อมนำพระราชดำรัสหน้าที่สตรีไทย 4 ประการมาเป็นกรอบแนวคิดการจัดงานคือ “ครบรอบ 10 ปี วันสตรีไทย : พึงทำหน้าที่แม่ให้สมบูรณ์ แม่บ้านให้ดี รักษาเอกลักษณ์ความเป็นสตรีไทย และฝึกฝนตนเอง” สภาสตรีแห่งชาติฯ ได้ผนึกพลังภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนทั้งจากภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน-ธุรกิจนับร้อยแห่ง และองค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ทั่วประเทศ และในภูมิภาคยุโรป ร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ และเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 10 ปีวันสตรีไทย 1 ส.ค. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ ทรงเปิดงานและพระราชทานโล่เกียรติยศแก่สตรีไทยดีเด่นอีกด้วย

ด้านนางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นแบบอย่างของสตรีไทยที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาและส่งเสริมสถานภาพสตรีอย่างยิ่ง พระราชกรณียกิจของพระองค์ครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม การแพทย์และสาธารณสุข การต่างประเทศ รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของสตรีไทย ทั้งนี้ เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์แก่ครอบครัว และสังคม อีกทั้ง สตรีไทยในชนบทที่ว่างจากการทำไร่ ทำนา ซึ่งเป็นอาชีพหลัก ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการฟื้นฟูและสนับสนุนการทำศิลปหัตถกรรม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งพระราชทานความช่วยเหลือแก่สตรีไทยที่ด้อยโอกาส

ในส่วนของรัฐบาล ได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 รวม 9 กิจกรรม เมื่อวันที่ 8 ส.ค. กิจกรรมแรก คือ “โครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี” โดยเชิญชวนประชาชนมาช่วยกันปลูกป่า และดูแลรักษาป่าทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าให้มีความอุดมสมบูรณ์ สามารถดูดซับน้ำ และป้องกันปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ กิจกรรมที่ 2 การจัดนิทรรศการแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 “พระแม่ของแผ่นดิน” จัดแสดงพระฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์ของงานบริเวณนี้เปิดให้ประชาชน ร่วมลงนามถวายพระพรด้วย ส่วนที่ 2 นิทรรศการ “ศิลป์แห่งแพรไหม” เป็นการแสดงแฟชั่นโชว์จากผลงาน นักออกแบบเสื้อผ้าชั้นแนวหน้าของไทย โดยนำผ้าจากศูนย์ศิลปาชีพมาตัดเย็บ โดยได้แรงบันดาลใจจากฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ส่วนที่ 3 “นิทรรศการพระราชกรณียกิจ” เป็นการแสดงภาพความก้าวหน้าล่าสุดของโครงการตามพระราชดำริ 9 ด้านมาเรียงร้อย สื่อความหมายในลักษณะการเล่าเรื่องด้วยภาพ ส่วนที่ 4 “นิทรรศการคู่พระบารมี”แสดงให้เห็นการอุทิศพระองค์ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจคู่พระราชหฤทัย ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดระยะเวลากว่า 6 ทศวรรษ

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึง การจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีว่า เป็นแนวนโยบายของรัฐบาล ที่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสตรีไทยในทุกๆ ด้าน และพร้อมที่จะทำงานร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติและทุกองค์กรสตรีที่จะขับเคลื่อน พลังสตรีให้มีการพัฒนา และความก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะการยกระดับคุณภาพชีวิต และความไม่เสมอภาคทางสังคม พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้น้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาจัดทำเป็นยุทธศาสตร์พัฒนาบทบาทสตรี 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 เสริมสร้างเจตคติและการยอมรับด้านความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาศักยภาพและเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมของสตรีไทย ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาสุขภาวะ คุณภาพชีวิตและเสริมสร้างความมั่นคงในชีวิต ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาศักยภาพสตรีเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าร่วมทางการเมือง การบริหาร และการตัดสินใจในระดับต่างๆ และยุทธศาสตร์ที่ 5 การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพกลไกและองค์กรสตรีทุกระดับให้มีศักยภาพ ซึ่งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจะนำยุทธศาสตร์ทั้ง 5 มาเป็นแนวหลักในการทำงาน โดยจะเน้นให้สตรีเข้าถึงแหล่งเงินทุน ในการพัฒนาการสร้างอาชีพ โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในชุมชน จังหวัดต่างๆ อีกทั้งจะเกิดกลไกการจัดตั้งกองทุนพัฒนาสตรีในระดับของชุมชน ในบ้าน และในระดับจังหวัด ซึ่งขณะนี้ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.2555 ได้จัดให้มีการส่งเงินงวดแรกไปยังกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในทุกจังหวัดประมาณ 20 ล้านบาท

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ต่อข้อซักถามเกี่ยวกับบทบาทของสตรีไทย โดยกล่าวชื่นชมการทำงานของสภาสตรีไทย ที่ได้จัดทำกิจกรรมมากมาย ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ต่อสตรีไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในส่วนของรัฐบาลพร้อมที่จะทำงานร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติในการทำให้สตรีไทยให้ มีความรู้ ความสามารถ และผลักดันให้สตรีไทยทุกระดับก้าวไปสู่การเป็นผู้นำทั้งในระดับประเทศและในระดับสากล เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นประชาคมอาเซียน








กำลังโหลดความคิดเห็น