ผมพึ่งปัญญาบารมีของหลวงพ่อพุทธทาส เขียนบทความตามหัวข้อเทศนาของท่านว่า “ไอ้ชาติโง่ มันไม่รู้จักความถูกต้อง” ขอผู้อ่านกดลิงก์ฟังเทศน์ของจริงพร้อมๆ กันอีกจาก http://www.youtube.com/watch?v=lYRNIs2svSo
ไอ้ชาติโง่ มันไม่รู้จักความถูกต้องนี้ต่อเป็นตอนที่ 2 คงไม่เผ็ดมันเท่าต้นตำรับของหลวงพ่อแน่ๆ หลวงพ่อเริ่มเทศน์เรื่องความถูกต้องมาตั้งแต่ปี 2528 ชุดแรกเป็นชุดใหญ่มี 10 ตอน เรื่อง ความถูกต้องหรือสัมมตตะ 10 http://www.youtube.com/watch?v=lunCirhTyUc& feature=relmfu
หลวงพ่อเทศน์เรื่องความถูกต้องดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงจุดสุดยอดคือ “ไอ้ชาติโง่” หลังจากนั้นไม่ถึงปีหลวงพ่อก็ละสังขาร (8 กรกฎาคม 2536)
ธรรมที่หลวงพ่อแสดงในปีสุดท้ายของชีวิตวนเวียนตอกย้ำอยู่กับความถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ และอีกเทศนาหนึ่งที่เป็นปัจฉิมโอวาท ในวันที่ 14 พฤษภาคม แสดงต่อภิกษุสงฆ์สามเณร คือเรื่อง “ความถูกต้องเป็นความไม่ตาย” http://www.youtube.com/watch?v=7y1No432RYQ
ถึงแม้เทศนาเรื่องความถูกต้องของหลวงพ่อจะเน้นความหลุดพ้นของปัจเจกบุคคล แต่หลวงพ่อยกผลของความไม่ถูกต้องที่เป็นพฤติกรรมองค์การของสถาบันเศรษฐกิจสังคมและการเมืองที่กระทบถึงความอุบาทว์ชาติชั่วฉิบหายเลวทรามต่ำช้าลำบากทุกข์ยากทรมานในชีวิตจริงของบุคคลและส่วนรวม ท่านแสดงด้วยความห่วงใยและชี้ชัดว่าจะควรแก้ไขที่ไหนอย่างไร เท่าที่ทราบหลวงพ่อไม่เคยให้ความสนใจกับนักการเมืองที่ใหญ่โตคับบ้านคับเมืองไม่ว่าจะเป็นคนใต้หรือคนภาคไหน แต่หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ท่านสนใจที่จะเทศนาธรรมสำหรับนักการเมืองเป็นชุดๆ หลวงพ่อสรุปว่าปัญหาเศรษฐกิจสังคมและการเมืองและความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้นทุกอย่างล้วนแต่เป็นเพราะ “ความเห็นแก่ตัว” ของผู้นำประเทศเศรษฐีนักการเมืองและผู้มีการศึกษาสูงๆ ทั้งสิ้น นั่นคือ “ต้นเหตุของปัญหาทุกปัญหาในโลก” “บ้านเมืองฉิบหายเพราะตัวกูของกู” (ของนักการเมือง) นั่นเอง http://www.youtube.com/watch?v=r16IRun84I8&feature=related
“ต้นเหตุของปัญหาทุกปัญหาในโลก” เป็นเทศน์ให้นักศึกษา วปอ.ฟังเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2532 ยาวประมาณ 45 นาที http://www.youtube.com/watch?v=97rhaQpC17c&feature=related หลวงพ่อบอกว่านักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรนี้มาทุกรุ่น ไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปีแล้ว ท่านก็ยินดีและมีความหวังทุกครั้งไป ผมมองโลกในแง่ดีว่า ผู้บัญชาการทหารกองทัพต่างๆ รุ่นแล้วรุ่นเล่าน่าจะเคยฟังเทศน์ของหลวงพ่อมาแล้วอย่างน้อยคนละครั้ง เพราะทหารเป็นผู้มีวินัยและปัญญา ผมไม่กล้าสันนิษฐานว่าคงเป็นการฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แต่ทำไมหนอบรรดาท่านเหล่านั้นจึงปล่อยให้ประเทศตกอยู่ในสภาพปัจจุบันนี้ คือสภาพที่พระเจ้าอยู่หัวตรัสว่ากำลังจะล่มจม
ธรรมดาโรงเรียนเหล่าทัพคัดเลือกนักเรียนที่เฉลียวฉลาดมีไอคิวสูง หากตั้งใจฟังสักนิดคงจะจับความได้ว่า ประเทศจะฉิบหายก็เพราะผู้นำเห็นแก่ตัว ยึดมั่นในตัวกูของกู และไม่รู้ว่าธรรมคือหน้าที่ หลวงพ่อบอกว่าหน้าที่ป้องกันอาณาจักรเป็นหน้าที่ชั้นสูงสุดเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าที่ต้องป้องกันอาณาจักรธรรมให้พ้นจากอธรรม ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้ป้องกันราชอาณาจักรก็ต้องป้องกันให้ปลอดภัย โดยเข้าใจธรรมหรือหน้าที่ของตนให้ตลอด และปฏิบัติให้ดีที่สุด อย่าเห็นแก่ตัวและอย่าติดยึดตัวกู-ของกู
ผมอยากให้ท่านผู้ใหญ่ในกองทัพกลับไปฟังหลวงพ่ออีกสักครั้ง หากจะให้ดีอัดสำเนาเทศนาของหลวงพ่อเป็นวิดีโอนำไปแจกและเปิดให้กำลังพลฟังอย่างทั่วถึงกันทั้ง 3 กองทัพ ยังไม่สายเกินไปที่ท่านจะร่วมกับในหลวงปวงชนปกป้องอาณาจักรธรรมของพระพุทธเจ้า และศาสดาทุกองค์กับราชอาณาจักรไทยของในหลวงและปวงชน
คณะบุคคลอีกคณะหนึ่งที่เวียนไปฟังเทศน์ของหลวงพ่อรุ่นแล้วรุ่นเล่า คือ คณะผู้พิพากษาตั้งแต่ครั้งอาจารย์สัญญาเป็นประธานศาลฎีกา เป็นต้นมา สังคมไทยจึงฝากความหวังลึกๆ ไว้กับสถาบันทหารกับสถาบันศาลว่าคงจะไม่ทรยศต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ขายกองทัพกับศาลในราคาไม่กี่พันล้านให้กับนักการเมืองโคตรชั่วกับผลประโยชน์ต่างประเทศ
ผมเห็นว่าตราบใดที่ไทยเรายังมีระบบศาลเดี่ยว (ซึ่งเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปเป็นระบบหลายศาลแล้ว) ความรู้และมาตรฐานของผู้พิพากษาไทยไม่มีอะไรจะต้องเป็นห่วงเลย ถึงแม้จะมีคนนอกคอกบางเรื่องบางราวหรือบางครั้งบางคราว ผู้ใหญ่และคนส่วนใหญ่ในศาลก็ยังจะเป็นหลักให้ได้อยู่เสมอ แต่นี่เราโดนนักวิชาการเห่อและนักการเมืองขี้เกียจพากันไปลอกเลียนเอาแบบผิดๆ มาจากต่างประเทศเพื่อสนองตัณหาอวิชชา และมิจฉาทิฐิของพรรคพวกตน สังคมที่ปริญญาสูงแต่ปัญญาต่ำจึงพลอยเฮโลเห็นดีเห็นงามไม่ด้วย
นี่ก็เป็นอีกอุทาหรณ์หนึ่ง เรื่อง “ไอ้ชาติโง่ ไม่รู้จักความถูกต้อง”
ทำไมหนอ หลวงพ่อจึงต้องย้ำแล้วย้ำอีก ถึงแม้หมอจะห้าม ถึงแม้จะป่วย ถึงแม้จะเหนื่อย ถึงแม้จะปลงชีวิตสังขาร บอกว่าเหนื่อยแล้ว แลเห็นความตายมาใกล้แล้ว ท่านเองเป็นผู้บอกว่าต้องใช้คำพูดแรงๆ ตรงๆ และหยาบคายเป็นที่สุดแล้ว เพื่อที่จะกระตุ้นความรู้สึก ความเข้าใจ เพราะมันไม่มีอะไร “ขยับเขยื้อนเลื่อนไหวเลย”
หรือว่า “ไอ้ชาติโง่เหล่านี้มันฟังไม่รู้เรื่อง จึงจมอยู่ในความโง่ดักดาน” ประโยคนี้ ผมเป็นคนพูดเองและจะเติมตัวอย่างด้านกลับอาศัยเทศนาของหลวงพ่อเป็นฐาน คือตัวอย่างของ “ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิด” ในสังคมไทย ที่หลวงพ่อเห็นว่าทำให้เกิดปัญหาความอุบาทว์ฉิบหายไร้ความสงบสันติ
1. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์
2. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับพรรคการเมือง
3. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง
4. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับรัฐบาล
5. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับสภา
6. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับศาล
7. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับระบบราชการ
8. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับการศึกษา
9. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับการหาและใช้งบประมาณแผ่นดิน
เชิญท่านผู้อ่านช่วยกันยกตัวอย่าง มีเนื้อที่เหลืออยู่เล็กน้อย ผมจะยกตัวอย่างที่ 1 อย่างสั้นๆ
ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์
1. เข้าใจผิดว่าสถาบันกษัตริย์เป็นอุปสรรคขัดขวางเสรีภาพความเสมอภาคและความอยู่ดีกินดีของประชาชน
2. เข้าใจผิดว่าเมืองไทยมีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพโดยเฉพาะ คือมาตรา 112 ซึ่งเป็นเครื่องมือของอำมาตย์เอาไว้รังแกฝ่ายตรงกันข้าม
3. เข้าใจผิดว่าในหลวงกับอำมาตย์ร่วมมือกันขัดขวางและทำลายประชาธิปไตยที่ประชาชนสร้างขึ้น
ทั้ง 3 ข้อนี้ ไม่ถูกต้องๆๆๆๆ ผิดๆๆๆๆ และเข้าใจผิดๆๆๆๆ “ไอ้ชาติโง่”(ผม)จะได้แสดงเหตุผลและหลักฐานต่อไป
ไอ้ชาติโง่ มันไม่รู้จักความถูกต้องนี้ต่อเป็นตอนที่ 2 คงไม่เผ็ดมันเท่าต้นตำรับของหลวงพ่อแน่ๆ หลวงพ่อเริ่มเทศน์เรื่องความถูกต้องมาตั้งแต่ปี 2528 ชุดแรกเป็นชุดใหญ่มี 10 ตอน เรื่อง ความถูกต้องหรือสัมมตตะ 10 http://www.youtube.com/watch?v=lunCirhTyUc& feature=relmfu
หลวงพ่อเทศน์เรื่องความถูกต้องดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงจุดสุดยอดคือ “ไอ้ชาติโง่” หลังจากนั้นไม่ถึงปีหลวงพ่อก็ละสังขาร (8 กรกฎาคม 2536)
ธรรมที่หลวงพ่อแสดงในปีสุดท้ายของชีวิตวนเวียนตอกย้ำอยู่กับความถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ และอีกเทศนาหนึ่งที่เป็นปัจฉิมโอวาท ในวันที่ 14 พฤษภาคม แสดงต่อภิกษุสงฆ์สามเณร คือเรื่อง “ความถูกต้องเป็นความไม่ตาย” http://www.youtube.com/watch?v=7y1No432RYQ
ถึงแม้เทศนาเรื่องความถูกต้องของหลวงพ่อจะเน้นความหลุดพ้นของปัจเจกบุคคล แต่หลวงพ่อยกผลของความไม่ถูกต้องที่เป็นพฤติกรรมองค์การของสถาบันเศรษฐกิจสังคมและการเมืองที่กระทบถึงความอุบาทว์ชาติชั่วฉิบหายเลวทรามต่ำช้าลำบากทุกข์ยากทรมานในชีวิตจริงของบุคคลและส่วนรวม ท่านแสดงด้วยความห่วงใยและชี้ชัดว่าจะควรแก้ไขที่ไหนอย่างไร เท่าที่ทราบหลวงพ่อไม่เคยให้ความสนใจกับนักการเมืองที่ใหญ่โตคับบ้านคับเมืองไม่ว่าจะเป็นคนใต้หรือคนภาคไหน แต่หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ท่านสนใจที่จะเทศนาธรรมสำหรับนักการเมืองเป็นชุดๆ หลวงพ่อสรุปว่าปัญหาเศรษฐกิจสังคมและการเมืองและความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้นทุกอย่างล้วนแต่เป็นเพราะ “ความเห็นแก่ตัว” ของผู้นำประเทศเศรษฐีนักการเมืองและผู้มีการศึกษาสูงๆ ทั้งสิ้น นั่นคือ “ต้นเหตุของปัญหาทุกปัญหาในโลก” “บ้านเมืองฉิบหายเพราะตัวกูของกู” (ของนักการเมือง) นั่นเอง http://www.youtube.com/watch?v=r16IRun84I8&feature=related
“ต้นเหตุของปัญหาทุกปัญหาในโลก” เป็นเทศน์ให้นักศึกษา วปอ.ฟังเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2532 ยาวประมาณ 45 นาที http://www.youtube.com/watch?v=97rhaQpC17c&feature=related หลวงพ่อบอกว่านักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรนี้มาทุกรุ่น ไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปีแล้ว ท่านก็ยินดีและมีความหวังทุกครั้งไป ผมมองโลกในแง่ดีว่า ผู้บัญชาการทหารกองทัพต่างๆ รุ่นแล้วรุ่นเล่าน่าจะเคยฟังเทศน์ของหลวงพ่อมาแล้วอย่างน้อยคนละครั้ง เพราะทหารเป็นผู้มีวินัยและปัญญา ผมไม่กล้าสันนิษฐานว่าคงเป็นการฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แต่ทำไมหนอบรรดาท่านเหล่านั้นจึงปล่อยให้ประเทศตกอยู่ในสภาพปัจจุบันนี้ คือสภาพที่พระเจ้าอยู่หัวตรัสว่ากำลังจะล่มจม
ธรรมดาโรงเรียนเหล่าทัพคัดเลือกนักเรียนที่เฉลียวฉลาดมีไอคิวสูง หากตั้งใจฟังสักนิดคงจะจับความได้ว่า ประเทศจะฉิบหายก็เพราะผู้นำเห็นแก่ตัว ยึดมั่นในตัวกูของกู และไม่รู้ว่าธรรมคือหน้าที่ หลวงพ่อบอกว่าหน้าที่ป้องกันอาณาจักรเป็นหน้าที่ชั้นสูงสุดเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าที่ต้องป้องกันอาณาจักรธรรมให้พ้นจากอธรรม ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้ป้องกันราชอาณาจักรก็ต้องป้องกันให้ปลอดภัย โดยเข้าใจธรรมหรือหน้าที่ของตนให้ตลอด และปฏิบัติให้ดีที่สุด อย่าเห็นแก่ตัวและอย่าติดยึดตัวกู-ของกู
ผมอยากให้ท่านผู้ใหญ่ในกองทัพกลับไปฟังหลวงพ่ออีกสักครั้ง หากจะให้ดีอัดสำเนาเทศนาของหลวงพ่อเป็นวิดีโอนำไปแจกและเปิดให้กำลังพลฟังอย่างทั่วถึงกันทั้ง 3 กองทัพ ยังไม่สายเกินไปที่ท่านจะร่วมกับในหลวงปวงชนปกป้องอาณาจักรธรรมของพระพุทธเจ้า และศาสดาทุกองค์กับราชอาณาจักรไทยของในหลวงและปวงชน
คณะบุคคลอีกคณะหนึ่งที่เวียนไปฟังเทศน์ของหลวงพ่อรุ่นแล้วรุ่นเล่า คือ คณะผู้พิพากษาตั้งแต่ครั้งอาจารย์สัญญาเป็นประธานศาลฎีกา เป็นต้นมา สังคมไทยจึงฝากความหวังลึกๆ ไว้กับสถาบันทหารกับสถาบันศาลว่าคงจะไม่ทรยศต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ขายกองทัพกับศาลในราคาไม่กี่พันล้านให้กับนักการเมืองโคตรชั่วกับผลประโยชน์ต่างประเทศ
ผมเห็นว่าตราบใดที่ไทยเรายังมีระบบศาลเดี่ยว (ซึ่งเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปเป็นระบบหลายศาลแล้ว) ความรู้และมาตรฐานของผู้พิพากษาไทยไม่มีอะไรจะต้องเป็นห่วงเลย ถึงแม้จะมีคนนอกคอกบางเรื่องบางราวหรือบางครั้งบางคราว ผู้ใหญ่และคนส่วนใหญ่ในศาลก็ยังจะเป็นหลักให้ได้อยู่เสมอ แต่นี่เราโดนนักวิชาการเห่อและนักการเมืองขี้เกียจพากันไปลอกเลียนเอาแบบผิดๆ มาจากต่างประเทศเพื่อสนองตัณหาอวิชชา และมิจฉาทิฐิของพรรคพวกตน สังคมที่ปริญญาสูงแต่ปัญญาต่ำจึงพลอยเฮโลเห็นดีเห็นงามไม่ด้วย
นี่ก็เป็นอีกอุทาหรณ์หนึ่ง เรื่อง “ไอ้ชาติโง่ ไม่รู้จักความถูกต้อง”
ทำไมหนอ หลวงพ่อจึงต้องย้ำแล้วย้ำอีก ถึงแม้หมอจะห้าม ถึงแม้จะป่วย ถึงแม้จะเหนื่อย ถึงแม้จะปลงชีวิตสังขาร บอกว่าเหนื่อยแล้ว แลเห็นความตายมาใกล้แล้ว ท่านเองเป็นผู้บอกว่าต้องใช้คำพูดแรงๆ ตรงๆ และหยาบคายเป็นที่สุดแล้ว เพื่อที่จะกระตุ้นความรู้สึก ความเข้าใจ เพราะมันไม่มีอะไร “ขยับเขยื้อนเลื่อนไหวเลย”
หรือว่า “ไอ้ชาติโง่เหล่านี้มันฟังไม่รู้เรื่อง จึงจมอยู่ในความโง่ดักดาน” ประโยคนี้ ผมเป็นคนพูดเองและจะเติมตัวอย่างด้านกลับอาศัยเทศนาของหลวงพ่อเป็นฐาน คือตัวอย่างของ “ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิด” ในสังคมไทย ที่หลวงพ่อเห็นว่าทำให้เกิดปัญหาความอุบาทว์ฉิบหายไร้ความสงบสันติ
1. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์
2. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับพรรคการเมือง
3. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง
4. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับรัฐบาล
5. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับสภา
6. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับศาล
7. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับระบบราชการ
8. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับการศึกษา
9. ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับการหาและใช้งบประมาณแผ่นดิน
เชิญท่านผู้อ่านช่วยกันยกตัวอย่าง มีเนื้อที่เหลืออยู่เล็กน้อย ผมจะยกตัวอย่างที่ 1 อย่างสั้นๆ
ความไม่ถูกต้องและเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์
1. เข้าใจผิดว่าสถาบันกษัตริย์เป็นอุปสรรคขัดขวางเสรีภาพความเสมอภาคและความอยู่ดีกินดีของประชาชน
2. เข้าใจผิดว่าเมืองไทยมีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพโดยเฉพาะ คือมาตรา 112 ซึ่งเป็นเครื่องมือของอำมาตย์เอาไว้รังแกฝ่ายตรงกันข้าม
3. เข้าใจผิดว่าในหลวงกับอำมาตย์ร่วมมือกันขัดขวางและทำลายประชาธิปไตยที่ประชาชนสร้างขึ้น
ทั้ง 3 ข้อนี้ ไม่ถูกต้องๆๆๆๆ ผิดๆๆๆๆ และเข้าใจผิดๆๆๆๆ “ไอ้ชาติโง่”(ผม)จะได้แสดงเหตุผลและหลักฐานต่อไป