วานนี้(29 ก.ค.55) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงการเลือกประธานวุฒิสภาคนใหม่ แทน พล.อ.ธีรเดช มีเพียร อดีตประธานวุฒิสภา ที่พ้นจากตำแหน่ง ว่า ส.ว.สรรหากับ ส.ว.เลือกตั้ง ไม่มีการแบ่งแยกกันตามที่มีบางคนเข้าใจ เขาอยู่ในสภาก็เห็นทุกคนรักใคร่สนิทสนมกัน เวลาจะพูดคุยกันก็ไม่เห็นมีใครมาดูว่าคนนี้มาจากการเลือกตั้งหรือคนนั้นมาจากการสรรหา อย่าเข้าใจผิดว่ามีการแบ่งแยกกัน แต่อาจมีบางคนที่มีความเห็นทางการเมืองแตกต่างกันไป ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาในระบอบประชาธิปไตย
สำหรับปัญหาเรื่องประธานวุฒิสภาคนใหม่นั้น เห็นว่าขึ้นอยู่กับคุณสมบัติความรู้ความสามารถมากกว่าที่มาของผู้ที่จะมาเป็น ไม่ต้องไปคำนึงถึงที่มาว่าต้องมาจากการสรรหาหรือมาจากการเลือกตั้ง ใครก็ได้ที่มีความเหมาะสมก็เป็นได้ทั้งนั้น แต่ในฐานะที่เคยเป็นรองผบ.ตร. อยู่ในฝ่ายบริหารมาก่อนตามหลักแล้ว เมื่อหัวหน้าฝ่ายบริหารพ้นจาตำแหน่ง ก็ควรจะแต่งตั้งผู้ที่ทำหน้าที่เป็นรองขึ้นมาแทน เพราะผู้ที่เป็นรองเป็นผู้ที่ทำหน้าที่มาอยู่แล้ว มีความรู้ความเข้าใจในหน้าที่อยู่แล้ว เมื่อเข้าทำหน้าที่ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ทันทีต่อเนื่องไปเลย ไม่ต้องมาศึกษางานอะไรกันอีก
"คงเป็นเรื่องแปลกที่เมื่อหัวหน้าฝ่ายบริหารพ้นจากตำแหน่ง แล้วไปเอาคนอื่นกระโดดข้ามเข้ามาเป็นทั้งๆที่รองหัวหน้าฝ่ายบริหารนั้นยังนั่งอยู่ แต่นี่เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติจะทำอย่างไรก็มาคิดกัน แต่สรุปแล้วเห็นว่านายนิคม ไวยรัชพานิช เป็นรองประธานคนที่1 มีความรู้ความสามารถเหมาะสมที่จะเป็นประธานวุฒิสภาคนต่อไปมากที่สุด"พล.ต.อ.จงรักกล่าว
รายงานข่าวจากรัฐสภา แจ้งว่า ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ได้ระบุถึงหลักเกณฑ์ในการเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา ไว้ว่า สมาชิกแต่ละคนมีสิทธิเสนอชื่อสมาชิกได้หนึ่งชื่อ และการเสนอนั้นต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 10 คน และก่อนที่จะดำเนินการเลือกตั้งประธานวุฒิสภานั้น ให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อตามวรรคหนึ่ง ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการที่จะดำรงตำแหน่งต่อประธานวุฒิสภาภายในเวลาที่ประชุมวุฒิสภากำหนด แต่ถ้ามีการเสนอเพียงรายชื่อเดียว ให้ถือว่าผู้นั้นได้รับเลือก แต่ถ้ามีการเสนอมากกว่าสองรายชื่อ ให้ผู้ได้รับคะแนนสูงสุดและมีคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุมเป็นผู้ได้รับเลือก โดยให้มีการลงคะแนนแบบลับ
โดยขณะนี้สมาชิกวุฒิสภามีจำนวนทั้งสิ้น 149 คน โดยแบ่งเป็น ส.ว.สายเลือกตั้ง จำนวน 76 คน และ ส.ว.สรรหา จำนวน 73 คน ทั้งนี้ ไม่รวมนายศรีสุข รุ่งวิศัย ที่ถูกศาลฎีกาแผนกเลือกตั้ง เพิกถอนสิทธิ์ สว.
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะที่ กลุ่ม ส.ว.สายเลือกตั้ง เบื้องต้นจะเสนอชื่อนายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา และรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ขึ้นเป็นประธานวุฒิสภา น่าจะมีเสียงหนุนประมาณ 50-55 เสียง แต่กลุ่ม 40 ส.ว. ไม่หนุนนายนิคม
ทั้งนี้นายนิคม มีนายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ พรรคภูมิใจไทย สนับสนุน แต่มีข้อเสียโดยใกล้ชิดกับฝ่ายพรรคการเมือง ซักรัฐบาล รวมถึงกลุ่ม ส.ว.สรรหาบางส่วนไม่ร่วมสนับสนุน
คนที่สอง นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี มีความใกล้ชิดกับนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย อย่างไรก็ตามอาจจะมีการเสนอ ชื่อนายดิเรก เป็นประธานวุฒิ คนที่ 1 แทนนายนิคม เพื่อไม่ให้เสียงสว.กลุ่มนี้แตกกัน
นอกจากนั้นยังมีชื่อนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี ที่ใกล้ชิดกับนายมานิต นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี กลุ่มมัชฌิมา พรรคภูมิใจไทย รวมถึงสนิทสนมกับสว.สรรหาและเลือกตั้ง
ส่วนสาย สว.สรรหาขณะนี้มีชื่อ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย น.ส.ทัศนา บุญทอง พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ และนายพิเชต สุนทรพิพิธ เป็นแคนนิเดต
สำหรับปัญหาเรื่องประธานวุฒิสภาคนใหม่นั้น เห็นว่าขึ้นอยู่กับคุณสมบัติความรู้ความสามารถมากกว่าที่มาของผู้ที่จะมาเป็น ไม่ต้องไปคำนึงถึงที่มาว่าต้องมาจากการสรรหาหรือมาจากการเลือกตั้ง ใครก็ได้ที่มีความเหมาะสมก็เป็นได้ทั้งนั้น แต่ในฐานะที่เคยเป็นรองผบ.ตร. อยู่ในฝ่ายบริหารมาก่อนตามหลักแล้ว เมื่อหัวหน้าฝ่ายบริหารพ้นจาตำแหน่ง ก็ควรจะแต่งตั้งผู้ที่ทำหน้าที่เป็นรองขึ้นมาแทน เพราะผู้ที่เป็นรองเป็นผู้ที่ทำหน้าที่มาอยู่แล้ว มีความรู้ความเข้าใจในหน้าที่อยู่แล้ว เมื่อเข้าทำหน้าที่ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ทันทีต่อเนื่องไปเลย ไม่ต้องมาศึกษางานอะไรกันอีก
"คงเป็นเรื่องแปลกที่เมื่อหัวหน้าฝ่ายบริหารพ้นจากตำแหน่ง แล้วไปเอาคนอื่นกระโดดข้ามเข้ามาเป็นทั้งๆที่รองหัวหน้าฝ่ายบริหารนั้นยังนั่งอยู่ แต่นี่เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติจะทำอย่างไรก็มาคิดกัน แต่สรุปแล้วเห็นว่านายนิคม ไวยรัชพานิช เป็นรองประธานคนที่1 มีความรู้ความสามารถเหมาะสมที่จะเป็นประธานวุฒิสภาคนต่อไปมากที่สุด"พล.ต.อ.จงรักกล่าว
รายงานข่าวจากรัฐสภา แจ้งว่า ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ได้ระบุถึงหลักเกณฑ์ในการเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา ไว้ว่า สมาชิกแต่ละคนมีสิทธิเสนอชื่อสมาชิกได้หนึ่งชื่อ และการเสนอนั้นต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 10 คน และก่อนที่จะดำเนินการเลือกตั้งประธานวุฒิสภานั้น ให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อตามวรรคหนึ่ง ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการที่จะดำรงตำแหน่งต่อประธานวุฒิสภาภายในเวลาที่ประชุมวุฒิสภากำหนด แต่ถ้ามีการเสนอเพียงรายชื่อเดียว ให้ถือว่าผู้นั้นได้รับเลือก แต่ถ้ามีการเสนอมากกว่าสองรายชื่อ ให้ผู้ได้รับคะแนนสูงสุดและมีคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุมเป็นผู้ได้รับเลือก โดยให้มีการลงคะแนนแบบลับ
โดยขณะนี้สมาชิกวุฒิสภามีจำนวนทั้งสิ้น 149 คน โดยแบ่งเป็น ส.ว.สายเลือกตั้ง จำนวน 76 คน และ ส.ว.สรรหา จำนวน 73 คน ทั้งนี้ ไม่รวมนายศรีสุข รุ่งวิศัย ที่ถูกศาลฎีกาแผนกเลือกตั้ง เพิกถอนสิทธิ์ สว.
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะที่ กลุ่ม ส.ว.สายเลือกตั้ง เบื้องต้นจะเสนอชื่อนายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา และรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ขึ้นเป็นประธานวุฒิสภา น่าจะมีเสียงหนุนประมาณ 50-55 เสียง แต่กลุ่ม 40 ส.ว. ไม่หนุนนายนิคม
ทั้งนี้นายนิคม มีนายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ พรรคภูมิใจไทย สนับสนุน แต่มีข้อเสียโดยใกล้ชิดกับฝ่ายพรรคการเมือง ซักรัฐบาล รวมถึงกลุ่ม ส.ว.สรรหาบางส่วนไม่ร่วมสนับสนุน
คนที่สอง นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี มีความใกล้ชิดกับนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย อย่างไรก็ตามอาจจะมีการเสนอ ชื่อนายดิเรก เป็นประธานวุฒิ คนที่ 1 แทนนายนิคม เพื่อไม่ให้เสียงสว.กลุ่มนี้แตกกัน
นอกจากนั้นยังมีชื่อนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี ที่ใกล้ชิดกับนายมานิต นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี กลุ่มมัชฌิมา พรรคภูมิใจไทย รวมถึงสนิทสนมกับสว.สรรหาและเลือกตั้ง
ส่วนสาย สว.สรรหาขณะนี้มีชื่อ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย น.ส.ทัศนา บุญทอง พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ และนายพิเชต สุนทรพิพิธ เป็นแคนนิเดต