ASTVผู้จัดการรายวัน-สภาสูงระส่ำ! ศาลอาญาสั่งจำคุก 2 ปี "ธีรเดช มีเพียร" ฐานออกระเบียบขึ้นเงินเดือนตัวเอง สมัยดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี "นิคม" เผยต้องพ้นตำแหน่งประธานวุฒิสภาทันที ด้าน สว.สรรหา โดดช่วยเล็งยื่นอุทธรณ์โทษคุก 2 ปี ย้ำถึงเวลา สว.เลือกตั้ง ผงาดประธานสภาสูงบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (25 ก.ค.) ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้จำคุก พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เป็นเวลา 2 ปี กรณีออกระเบียบขึ้นเงินเดือนให้ตนเองโดยมิชอบ สมัยดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อปี 2547 และพิพากษาจำคุก 2 ปี นายพูนทรัพย์ ปิยะอนันต์ อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายปราโมทย์ โชติมงคล อดีตผู้ตรวจการแผ่นดินและที่ปรึกษา พิพากษาจำคุก 1 ปี 4 เดือน แต่ทั้ง 3 คน ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ให้รอลงอาญา 2 ปี
ทั้งนี้ ระหว่างที่ฟังคำพิพากษา ช่วงที่ศาลกำลังอ่านคำวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งหมดมีความผิด ปรากฏว่านายพูลทรัพย์ เกิดอาการหน้ามืดและเป็นลม ซึ่งพล.อ.ธีรเดช และนายปราโมทย์ ได้ช่วยกันประคอง โดยมีเจ้าหน้าที่ รปภ. ของศาลมาช่วยหายาดมและปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้จำเลย พร้อมทั้งมีการเรียกหาพยาบาลมาช่วยดูแล ขณะที่ศาลยังคงอ่านคำพิพากษาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งผ่านไปประมาณ 15 นาที จึงมีอาการดีขึ้น และไม่ต้องเรียกหาพยาบาลมาช่วยปฐมพยาบาล ทั้งนี้ สาเหตุที่จำเลยเป็นลม อาจเพราะมีอายุมาก ประกอบกับสวมชุดสูท
ภายหลังฟังคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ รปภ.ศาลได้พาตัวลงมา โดยทั้งหมดปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์
**สว.สรรหาเล็งยื่นอุทธรณ์โทษคุก 2 ปี
นายสมชาย แสวงการ สว.สรรหา ซึ่งมาให้กำลังใจและร่วมฟังคำพิพากษา ได้ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากนี้จะคัดสำเนาคำพิพากษาไปศึกษาและพิจารณาว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อหรือไม่ ส่วนคำพิพากษาจะส่งผลต่อตำแหน่งประธานวุฒิหรือไม่นั้น จะนำไปเปรียบเทียบกับข้อกฎหมาย ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ตอนนี้
ด้านพล.ต.ต.ภานุรัตน์ มีเพียร ที่ปรึกษาส่วนตัวประธานวุฒิสภา หรือน้องชาย กล่าวว่า หลังมีคำพิพากษาคดีดังกล่าว พี่ชายโอเค ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ เพราะกระบวนการย่อมต้องเป็นไปตามคำพิพากษาอยู่แล้ว เราไปทำอะไรไม่ได้ ต้องรับสภาพ แต่ถ้าให้ตนคิด พี่ชายก็ต้องรู้สึกเสียใจบ้างที่ไม่สามารถทำหน้าที่ประธานวุฒิได้ถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม ในทางคดีเมื่อถูกรอลงอาญาก็สามารถยื่นอุธรณ์ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับพล.อ.ธีรเดช ว่าจะอุธรณ์คดีหรือไม่ ส่วนตำแหน่งประธานวุฒิสภา เชื่อว่าหลังจากนี้น่าจะมีกระบวนการสรรหาคัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมมาทำหน้าที่แทนต่อไป โดยให้นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นผู้ทำหน้าที่รักษาการประธานวุฒิสภาไปก่อน
เมื่อถามว่า พล.อ.ธีรเดช จะมีการแถลงข่าวหรือไม่ พล.ต.ต.ภานุรัตน์ กล่าวว่า คงไม่มี ไม่น่าจะต้องแถลงข่าวใดๆ เพราะก็รู้เท่าๆ กันหมดแล้ว
**ยันพ้นตำแหน่งประธานวุฒิสภาทันที
นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา กล่าวว่า พล.อ.ธีรเดช ต้องพ้นจากตำแหน่งประธานวุฒิสภาโดยทันที ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 124 (4) ที่ระบุว่าประธานวุฒิสภาย่อมพ้นจากตำแหน่งเมื่อต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษ ส่วนตำแหน่งวุฒิสภานั้น พล.อ.ธีรเดช ยังถือว่าดำรงอยู่ ในเบื้องต้นจำเป็นต้องสรรหาประธานวุฒิสภาคนใหม่โดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการประชุมรัฐสภา ซึ่งจำเป็นต้องมีประธานวุฒิสภา ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการเรียกประชุมวุฒิสภาเพื่อสรรหา ได้ในวันที่ 10 ส.ค.นี้
**คาด 11-14-17 ส.ค.เลือกประธานใหม่
นายนิคมกล่าวว่า การสรรหาประธานวุฒิสภาคนใหม่ ได้กำหนดวันไว้ 3 วัน คือ วันที่ 10, 14 และ 17 ส.ค.2555 โดยในระหว่างนี้ ได้มอบหมายให้เลขาวิปวุฒิสภาไปติดตามหลักฐานจากศาลอาญา เพื่อนำมาประกอบการที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้งผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาคนใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการหารือเพื่อกำหนดผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานจะต้องเป็น ส.ว.สรรหา หรือเลือกตั้ง นายนิคม กล่าวว่า ไม่ได้มีการกำหนดในเรื่องนี้ แต่จะต้องมีคุณสมบัติเป็นที่ยอมรับจากสมาชิก และยังไม่ได้หารือถึงตัวบุคคลที่เหมาะสม ส่วนกรณีหากมีผู้เสนอชื่อตนเองขึ้นมาเป็นประธานวุฒิสภานั้น ถ้ามีผู้เสนอชื่อ ตนก็พร้อมที่จะรับตำแหน่ง และเพื่อความสบายใจ ตนก็จะลาออกจากตำแหน่งรองประธานก่อน แต่ถ้าไม่มีผู้เสนอ ตนก็จะยังอยู่ในตำแหน่งรองประธานเช่นเดิม
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ส.ว.สรรหาจะไม่เสนอชื่อ ใช่หรือไม่ นายนิคม กล่าวว่า คงกำหนดไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดเช่นกัน ซึ่งไม่มีวัฒนธรรมหรือประเพณีที่กำหนดเอาไว้ว่าจะต้องเป็น ส.ว.จากการเลือกตั้งเท่านั้นที่จะสามารถเป็นประธานได้
**จะลาออกหรือไม่ขึ้นกับเจ้าตัว
นายวันชัย สอนศิริ สว.สรรหา ในฐานะที่ปรึกษาด้านกฎหมายประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ในประเด็นนี้ พล.อ.ธีรเดช ยังสามารถดำรง ตำแหน่ง สว. ได้ต่อ เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 124 (4) กำหนดในเฉพาะตำแหน่งระดับสูงที่มีความสำคัญเท่านั้น ส่วนกรณีที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 119 (8) ระบุถึงการสิ้นสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาสิ้นสุดลง เมื่อต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แต่กรณีของ พล.อ.ธีรเดช ยังไม่ถือว่าเข้าข่าย เพราะคดีดังกล่าวยังอยู่ในศาลชั้นต้น และไม่มีการพิพากษาถึงที่สุด สำหรับประเด็นความรับผิดชอบทางจริยธรรมของ พล.อ.ธีรเดช จนถึงขั้นลาออกนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าตัว แต่หากดูตามหลักกฎหมายแล้ว ไม่ถึงขั้นต้องออกจากตำแหน่งทางการเมือง
**รองฯนิคม รักษาการต่อเนื่อง
นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่า พล.อ.ธีรเดช ต้องพ้นจากตำแหน่งประธานวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 124 (4) ส่วนกระบวนการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาคนใหม่ ต้องเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ส่วนจะเป็นเมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับสมาชิก ขณะนี้นายนิคม จะทำหน้าที่รักษาการประธานวุฒิสภาไปก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ห้อง พล.อ.ธีรเดช ยังคงเป็นไปอย่างปกติ โดยรายงานข่าวระบุว่า หลังจากที่ พล.อ.ธีรเดช ไปรับฟังคำพิพากษาแล้ว ได้เดินทางไปรับประทานอาหาร และยังไม่ได้เดินทางกลับมาที่ห้องทำงาน ที่อาคารวุฒิสภา ขณะเดียวกันได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมจัดเก็บของใช้ส่วนตัวลงกล่องเก็บของ
**ถึงเวลาสว.เลือกตั้งประธานสภาสูง
นายดิเรก ถึงฝั่ง สว.นนทบุรี กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วย หากนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นประธานวุฒิสภาคนใหม่แทนพล.อ.ธีรเดช เนื่องจากนายนิคมดำรงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาและประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) มาหลายสมัย และมีความรู้ความสามารถในการประสานงานกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับฝ่ายการเมือง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีที่จะทำให้การทำงานร่วมกันของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเป็นไปอย่างราบรื่น
"ถึงเวลาแล้วที่ประธานวุฒิสภาคนใหม่จะต้องมาจาก สว.เลือกตั้ง หลังจากวุฒิสภามีประธานวุฒิสภาจาก สว.สรรหา มาแล้วถึง 2คน ตั้งแต่ปี 2551 จึงสมควรเปิดโอกาสให้ สว.สายเลือกตั้งได้มีโอกาสทำงาน ซึ่งนายนิคมเป็นสว.ฉะเชิงเทรา และมีประสบการณ์ด้านงานการเมืองมาเป็นเวลานาน แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับที่ประชุมวุฒิสภาว่าจะมีความเห็นชอบอย่างไร”นายดิเรกกล่าว
ทั้งนี้ นายดิเรกยังกล่าวยอมรับว่า ตอนนี้ได้รับการติดต่อให้ชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาอีกครั้ง แต่ส่วนตัวยังไม่ได้ตอบรับอะไร เพราะต้องการสอบถามความเห็นจากเพื่อน สว. ด้วยกันก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (25 ก.ค.) ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้จำคุก พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เป็นเวลา 2 ปี กรณีออกระเบียบขึ้นเงินเดือนให้ตนเองโดยมิชอบ สมัยดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อปี 2547 และพิพากษาจำคุก 2 ปี นายพูนทรัพย์ ปิยะอนันต์ อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายปราโมทย์ โชติมงคล อดีตผู้ตรวจการแผ่นดินและที่ปรึกษา พิพากษาจำคุก 1 ปี 4 เดือน แต่ทั้ง 3 คน ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ให้รอลงอาญา 2 ปี
ทั้งนี้ ระหว่างที่ฟังคำพิพากษา ช่วงที่ศาลกำลังอ่านคำวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งหมดมีความผิด ปรากฏว่านายพูลทรัพย์ เกิดอาการหน้ามืดและเป็นลม ซึ่งพล.อ.ธีรเดช และนายปราโมทย์ ได้ช่วยกันประคอง โดยมีเจ้าหน้าที่ รปภ. ของศาลมาช่วยหายาดมและปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้จำเลย พร้อมทั้งมีการเรียกหาพยาบาลมาช่วยดูแล ขณะที่ศาลยังคงอ่านคำพิพากษาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งผ่านไปประมาณ 15 นาที จึงมีอาการดีขึ้น และไม่ต้องเรียกหาพยาบาลมาช่วยปฐมพยาบาล ทั้งนี้ สาเหตุที่จำเลยเป็นลม อาจเพราะมีอายุมาก ประกอบกับสวมชุดสูท
ภายหลังฟังคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ รปภ.ศาลได้พาตัวลงมา โดยทั้งหมดปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์
**สว.สรรหาเล็งยื่นอุทธรณ์โทษคุก 2 ปี
นายสมชาย แสวงการ สว.สรรหา ซึ่งมาให้กำลังใจและร่วมฟังคำพิพากษา ได้ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากนี้จะคัดสำเนาคำพิพากษาไปศึกษาและพิจารณาว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อหรือไม่ ส่วนคำพิพากษาจะส่งผลต่อตำแหน่งประธานวุฒิหรือไม่นั้น จะนำไปเปรียบเทียบกับข้อกฎหมาย ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ตอนนี้
ด้านพล.ต.ต.ภานุรัตน์ มีเพียร ที่ปรึกษาส่วนตัวประธานวุฒิสภา หรือน้องชาย กล่าวว่า หลังมีคำพิพากษาคดีดังกล่าว พี่ชายโอเค ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ เพราะกระบวนการย่อมต้องเป็นไปตามคำพิพากษาอยู่แล้ว เราไปทำอะไรไม่ได้ ต้องรับสภาพ แต่ถ้าให้ตนคิด พี่ชายก็ต้องรู้สึกเสียใจบ้างที่ไม่สามารถทำหน้าที่ประธานวุฒิได้ถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม ในทางคดีเมื่อถูกรอลงอาญาก็สามารถยื่นอุธรณ์ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับพล.อ.ธีรเดช ว่าจะอุธรณ์คดีหรือไม่ ส่วนตำแหน่งประธานวุฒิสภา เชื่อว่าหลังจากนี้น่าจะมีกระบวนการสรรหาคัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมมาทำหน้าที่แทนต่อไป โดยให้นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นผู้ทำหน้าที่รักษาการประธานวุฒิสภาไปก่อน
เมื่อถามว่า พล.อ.ธีรเดช จะมีการแถลงข่าวหรือไม่ พล.ต.ต.ภานุรัตน์ กล่าวว่า คงไม่มี ไม่น่าจะต้องแถลงข่าวใดๆ เพราะก็รู้เท่าๆ กันหมดแล้ว
**ยันพ้นตำแหน่งประธานวุฒิสภาทันที
นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา กล่าวว่า พล.อ.ธีรเดช ต้องพ้นจากตำแหน่งประธานวุฒิสภาโดยทันที ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 124 (4) ที่ระบุว่าประธานวุฒิสภาย่อมพ้นจากตำแหน่งเมื่อต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษ ส่วนตำแหน่งวุฒิสภานั้น พล.อ.ธีรเดช ยังถือว่าดำรงอยู่ ในเบื้องต้นจำเป็นต้องสรรหาประธานวุฒิสภาคนใหม่โดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการประชุมรัฐสภา ซึ่งจำเป็นต้องมีประธานวุฒิสภา ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการเรียกประชุมวุฒิสภาเพื่อสรรหา ได้ในวันที่ 10 ส.ค.นี้
**คาด 11-14-17 ส.ค.เลือกประธานใหม่
นายนิคมกล่าวว่า การสรรหาประธานวุฒิสภาคนใหม่ ได้กำหนดวันไว้ 3 วัน คือ วันที่ 10, 14 และ 17 ส.ค.2555 โดยในระหว่างนี้ ได้มอบหมายให้เลขาวิปวุฒิสภาไปติดตามหลักฐานจากศาลอาญา เพื่อนำมาประกอบการที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้งผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาคนใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการหารือเพื่อกำหนดผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานจะต้องเป็น ส.ว.สรรหา หรือเลือกตั้ง นายนิคม กล่าวว่า ไม่ได้มีการกำหนดในเรื่องนี้ แต่จะต้องมีคุณสมบัติเป็นที่ยอมรับจากสมาชิก และยังไม่ได้หารือถึงตัวบุคคลที่เหมาะสม ส่วนกรณีหากมีผู้เสนอชื่อตนเองขึ้นมาเป็นประธานวุฒิสภานั้น ถ้ามีผู้เสนอชื่อ ตนก็พร้อมที่จะรับตำแหน่ง และเพื่อความสบายใจ ตนก็จะลาออกจากตำแหน่งรองประธานก่อน แต่ถ้าไม่มีผู้เสนอ ตนก็จะยังอยู่ในตำแหน่งรองประธานเช่นเดิม
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ส.ว.สรรหาจะไม่เสนอชื่อ ใช่หรือไม่ นายนิคม กล่าวว่า คงกำหนดไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดเช่นกัน ซึ่งไม่มีวัฒนธรรมหรือประเพณีที่กำหนดเอาไว้ว่าจะต้องเป็น ส.ว.จากการเลือกตั้งเท่านั้นที่จะสามารถเป็นประธานได้
**จะลาออกหรือไม่ขึ้นกับเจ้าตัว
นายวันชัย สอนศิริ สว.สรรหา ในฐานะที่ปรึกษาด้านกฎหมายประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ในประเด็นนี้ พล.อ.ธีรเดช ยังสามารถดำรง ตำแหน่ง สว. ได้ต่อ เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 124 (4) กำหนดในเฉพาะตำแหน่งระดับสูงที่มีความสำคัญเท่านั้น ส่วนกรณีที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 119 (8) ระบุถึงการสิ้นสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาสิ้นสุดลง เมื่อต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แต่กรณีของ พล.อ.ธีรเดช ยังไม่ถือว่าเข้าข่าย เพราะคดีดังกล่าวยังอยู่ในศาลชั้นต้น และไม่มีการพิพากษาถึงที่สุด สำหรับประเด็นความรับผิดชอบทางจริยธรรมของ พล.อ.ธีรเดช จนถึงขั้นลาออกนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าตัว แต่หากดูตามหลักกฎหมายแล้ว ไม่ถึงขั้นต้องออกจากตำแหน่งทางการเมือง
**รองฯนิคม รักษาการต่อเนื่อง
นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่า พล.อ.ธีรเดช ต้องพ้นจากตำแหน่งประธานวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 124 (4) ส่วนกระบวนการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาคนใหม่ ต้องเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ส่วนจะเป็นเมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับสมาชิก ขณะนี้นายนิคม จะทำหน้าที่รักษาการประธานวุฒิสภาไปก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ห้อง พล.อ.ธีรเดช ยังคงเป็นไปอย่างปกติ โดยรายงานข่าวระบุว่า หลังจากที่ พล.อ.ธีรเดช ไปรับฟังคำพิพากษาแล้ว ได้เดินทางไปรับประทานอาหาร และยังไม่ได้เดินทางกลับมาที่ห้องทำงาน ที่อาคารวุฒิสภา ขณะเดียวกันได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมจัดเก็บของใช้ส่วนตัวลงกล่องเก็บของ
**ถึงเวลาสว.เลือกตั้งประธานสภาสูง
นายดิเรก ถึงฝั่ง สว.นนทบุรี กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วย หากนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นประธานวุฒิสภาคนใหม่แทนพล.อ.ธีรเดช เนื่องจากนายนิคมดำรงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาและประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) มาหลายสมัย และมีความรู้ความสามารถในการประสานงานกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับฝ่ายการเมือง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีที่จะทำให้การทำงานร่วมกันของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเป็นไปอย่างราบรื่น
"ถึงเวลาแล้วที่ประธานวุฒิสภาคนใหม่จะต้องมาจาก สว.เลือกตั้ง หลังจากวุฒิสภามีประธานวุฒิสภาจาก สว.สรรหา มาแล้วถึง 2คน ตั้งแต่ปี 2551 จึงสมควรเปิดโอกาสให้ สว.สายเลือกตั้งได้มีโอกาสทำงาน ซึ่งนายนิคมเป็นสว.ฉะเชิงเทรา และมีประสบการณ์ด้านงานการเมืองมาเป็นเวลานาน แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับที่ประชุมวุฒิสภาว่าจะมีความเห็นชอบอย่างไร”นายดิเรกกล่าว
ทั้งนี้ นายดิเรกยังกล่าวยอมรับว่า ตอนนี้ได้รับการติดต่อให้ชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาอีกครั้ง แต่ส่วนตัวยังไม่ได้ตอบรับอะไร เพราะต้องการสอบถามความเห็นจากเพื่อน สว. ด้วยกันก่อน