วานนี้(29 ก.ค.55) เวลา 16.00 น. ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพฯ (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง พรรคประชาธิปัตย์ เวทีประชาชน "เดินหน้าผ่าความจริง หยุดล้มรัฐธรรมนูญ - ออกกฎหมายล้างผิดคนโกง" ครั้งที่ 15 โดยเป็นเวทีสุดท้ายก่อนที่จะมีการเปิดประชุมรัฐสภา สมัยสามัญทั่วไป ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ทั้งนี้มีแกนนำและส.ส.ของพรรคเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อและกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค
ขณะที่บรรยากาศบริเวณสถานที่จัดกิจกรรมนั้นเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนเข้าฟังการเปิดเวทีดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จนเต็มความจุอาคารกีฬาเวสน์
บนเวทีปราศรัยนั้นเป็นการสลับสับเปลี่ยนของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการปราศรัยโจมตีรัฐบาลในกรณีการพยายามช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์และอดีต รมว.คลัง กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลตลอด 1 ปี ที่ผ่านมาหมดไปกับการพยายามช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเห็นได้ชัดจากการพยายามดึงดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ และออกพระราชบัญญัติปรองดอง โดยไม่สนใจการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนทั้งในการขึ้นค่าแรง 300 บาท ที่ไม่สามารถรับมือกับภาวะของสินค้าแพงทั้งแผ่นดินได้ และนโยบายจำนำข้าวที่ใช้เงินงบประมาณหลายแสนล้านบาท แต่พี่น้องชาวนาไม่ได้รับประโยชน์ อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าหากรัฐบาลยังดำเนินนโยบายแบบนี้อีกไปเรื่อยๆจนครบวาระ 4 ปี เศรษฐกิจไทยจะพังพินาศอย่างแน่นอน
ส่วนนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหาของรัฐบาลของอยู่ที่การไม่ยอมรับการตรวจสอบ ทำให้ละเลยการปฏิบัติตามนิติรัฐ ซึ่งการที่พ.ต.ท.ทักษิณ จัดงานฉลองวันเกิดและสไกป์มายังที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อเปิดห้องสมุดชื่อห้องสมุด "ทักษิณ ชินวัตร"พร้อมกล่าวท้าทายพรรคประชาธิปัตย์ให้ส.ส.ของพรรคไปอ่านหนังสือในห้องสมุดดังกล่าว ซึ่งตนก็มีความตั้งใจอยากจะเข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุดดังกล่าว แต่ดูแล้วไม่ได้ทำให้คนฉลาดแต่กลับทำให้คนโง่ เพราะขาดหนังสือและเอกสาร 2 เรื่อง คือ 1.คำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หมายเลขคดีแดง 1/2553 ที่ยึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 46,000 ล้านบาท และ 2.คำพิพากษาจำคุกพ.ต.ท.ทักษิณ 2 ปี ซึ่งในวันที่ 30 ก.ค.นี้ตนจะส่งหนังสือและเอกสารดังกล่าวไปยังห้องสมุดนี้ เพื่อให้ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยฉลาด หายจากความโง่
**เพื่อไทย จี้ตรวจสอบกลไกรัฐมนตรี
ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ จอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี มีการรายงานสรุปผลการประชุมกลุ่มย่อยเรื่อง “ การปรับขบวนภายใน บทบาทและทิศทางการเมืองของเพื่อไทย” หลังจากมีการประชุมกลุ่มย่อย เพื่อหารือเรื่องการแก้ไข พ.ร.บ.ปรองดอง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การปรับขบวนการทำงานของพรรค เดินหน้าเข้าหาประชาชน และการปรับขบวนการทำงานในสภาไปเมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 ก.ค. โดยที่ประชุมมอบให้ ส.ส.แต่ละภาคสะท้อนมุมมองเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และการปรับขบวนการทำงานของพรรค
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะตัวแทนภาคอีสาน เสนอว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เราไม่อยากแพ้ จะทำอะไร ขอให้คิดถึงหัวใจประชาชนด้วย เวลาที่ส.ส.เสนอเรื่องประชาธิปไตยในสภา พรรคก็ต้องมีประชาธิปไตยให้พวกตนด้วย และขอให้พรรคเพื่อไทย เร่งแก้ปัญหาราคาข้าว เพราะทุกจังหวัดมีปัญหาเรื่องนี้ รวมถึงการประชุมพรรค ขอให้รัฐมนตรีเข้าประชุมด้วย ถ้าไม่มาฟังแล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร
ขณะที่เรื่องงานในสภา พรรคต้องใส่ใจทุ่มเทมากกว่านี้ เพราะสภา คือหัวใจของสนามรบ ขณะที่การแบ่งโซนตามโครงสร้างใหม่ของพรรค ก็มะงุมมะงาหรา รัฐมนตรีรับโทรศัพท์ไม่เป็น ต่อไปต้องประสานงานในโซนให้ดี ทั้งนี้ในส่วนตำแหน่งรัฐมนตรี ภาคอีสาน มีส.ส.มาก แต่กลับมีรัฐมนตรีน้อย พรรคเพื่อไทย ต้องให้ความจริงใจ ทุ่มเทให้คนอีสานมากกว่านี้ 10 เท่า ถึงจะได้ใจพวกตน
นางบุญรื่น ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส.ส.อีสาน มี 104 เสียง ถือว่าเยอะมาก มีคุณภาพกันทั้งนั้น ก็ขอให้คิดเรื่องการพิจารณาตำแหน่งให้ด้วย เพราะ ส.ส.อีสานสามารถทำได้
นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะตัวแทนภาคเหนือ กล่าวว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ส.ส.ภาคเหนือยืนยันว่า ต้องจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ต้องเดินหน้าต่อไป โดยมี ส.ส.ร. มายกร่าง ตามนโยบายที่หาเสียงไว้ แต่หากจะต้องทำประชามติ ตามคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่เป็นไร แต่หลักสำคัญคือ ต้องจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
ส่วน ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ไม่ควรถอน แต่อาจชะลอไว้ โดยให้เลื่อนเอา พ.ร.บ.ฉบับอื่นมาพิจารณาแทนไป และระหว่างนี้ ให้เอาเวลาไปทำเวทีสานเสวนา เพื่อได้ข้อสรุป จากนั้นค่อยมาพิจารณาเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองต่อไป
ส่วนการปรับปรุงการทำงานของรัฐบาลนั้น สิ่งที่ ส.ส.ภาคเหนือเป็นห่วงคือ การรับจำนำข้าว ที่ต้องมีกระบวนการสื่อสารไปถึงรัฐมนตรี เพราะวันนี้เข้าพบรัฐมนตรียาก ควรมีคณะกรรมการชุดหนึ่ง มาช่วยประสานงานส.ส.เพื่อนำปัญหาไปบอกรัฐมนตรี และขอให้ติดตามดูแลการใช้งบประมาณแผ่นดินไม่ไห้มีการทุจริต เพราะจากการที่ ส.ส.ได้ไปติดตาม เห็นหลายเรื่อง ส่อไปถึงการทุจริต คอร์รัปชัน ขณะที่ปัญหาเรื่องการแบ่งโซน 19 โซน ตามโครงสร้างใหม่นั้น ควรนำระบบภาค กลับคืนมา ไม่ควรแบ่งเป็น 19 โซน เพราะมีปัญหาข้อมูลที่ลงไปถึง ส.ส.ไม่ตรงกัน และขอเสนอให้ทุกสัปดาห์ มีการประชุมภาคร่วมกันทั้งหมด จะได้รู้ปัญหาในภาคตรงกัน
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องรัฐธรรมนูญ รู้สึกสบายใจ ที่นายกฯ ระบุว่า เราถอยเพื่อรุก เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง แต่อย่างน้อยพรรคต้องสร้างความมั่นใจให้คนภายนอกว่า พรรคพร้อมขับเคลื่อนรุกไปข้างหน้า แต่ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะขณะนี้ กองเชียร์ไม่มั่นใจว่า เราถูกกระทำฝ่ายเดียวหรือไม่ จึงอยากให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ช่วยสร้างความมั่นใจให้ประชาชนด้วย
นอกจากนี้ยังเป็นห่วงเรื่องการโยกย้ายทหาร ที่ทหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าประชาชน อาจได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งที่สูงขึ้น อาจจะมีผลกระทบต่อความรู้สึกประชาชนได้ หากปล่อยให้โยกย้าย ขรก.แบบเสรี ไม่ให้มีการให้นโยบาย ก็จะตอบคำถามสังคมลำบาก
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เสนอว่า การแยกโซน มีผลเสียมากกว่าผลดี ควรกลับมาประชุมรวมกันเหมือนเดิม ในส่วน กทม. อยากฝากปัญหาการเลือกตั้งกทม. ให้พรรคเร่งดำเนินการเตรียมการ เพราะตั้งแต่เป็นพรรคเพื่อไทย ไม่เคยเตรียมการเรื่องเลือกผู้ว่าฯกทม. ขณะที่เรื่องน้ำท่วมก็อยากให้พรรคไปร่วมแก้ปัญหากับกทม. และรัฐบาลต้องเร่งพิจารณาเรื่องการจ่ายเงินให้เป็นรูปธรรม เพื่อไม่ให้มีการเคลื่อนไหวประท้วง เพราะจะมีปัญหากระทบต่อพรรคและส.ส.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการผอ.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่ ส.ส.ได้สะท้อนมาแสดงให้เห็นว่า ยังมีปัญหาที่พรรคยังไม่สามารถจัดระบบรองรับความต้องการของส.ส. และสะท้อนว่า ยังมีปัญหาความเป็นเอกภาพ ภายในพรรค แต่ตนเพิ่งมารับผิดชอบงานด้านบริหารแค่ 2 สัปดาห์ แม้มีหลายเรื่องที่ตอบสนอง ส.ส.ไม่ได้ แต่เราก็ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนชนะการเลือกตั้ง จะนำปัญหาทั้งหมดที่ส.ส.สะท้อนมา ไปกราบเรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อแก้ปัญหาต่อไป ทั้งนี้ มีหลายเรื่องถ้าได้พูดคุยประสานงานกัน จะคลี่คลายได้ ส่วนเรื่องรัฐมนตรีก็พยายามจัดเวทีให้ได้มีโอกาสคุยกับส.ส. แต่รัฐมนตรีอาจมีภารกิจมาก จนดูเหมือนละเลย คุยกับส.ส. ซึ่งพรรคจะเป็นตัวเชื่อมประสานให้ส.ส.ได้คุยกับรัฐมนตรีเพื่อแก้ปัญหา
นายภูมิธรรม ยังกล่าวเรื่องรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ปรองดองว่า ยืนยันไม่ถอนร่างพ.ร.บ.ปรอดอง และร่างแก้ไขรัฐธรรมนญ ออกจากสภาฯ แต่จะดำเนินการตามขั้นตอนอย่างไร ต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล และ หารือในวิปรัฐบาลต่อไป ยืนยันว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ จะไม่รีบร้อนในการเดินหน้าโหวต วาระ 3 โดยจะดำเนินการทำความเข้าใจกับประชาชน ให้เข้าใจถึงการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า จะช้าหรือเร็ว มีสาเหตุมาจากอะไร ทั้งนี้ อาจจะดำเนินการแก้ไขในบางมาตรา บางประเด็น ที่ยังมีความกังวลใจ เพื่อให้การแก้รัฐธรรมนูญมีความคล่องตัวขึ้น เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่สมาชิกมากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะนำไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล
ขณะที่บรรยากาศบริเวณสถานที่จัดกิจกรรมนั้นเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนเข้าฟังการเปิดเวทีดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จนเต็มความจุอาคารกีฬาเวสน์
บนเวทีปราศรัยนั้นเป็นการสลับสับเปลี่ยนของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการปราศรัยโจมตีรัฐบาลในกรณีการพยายามช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์และอดีต รมว.คลัง กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลตลอด 1 ปี ที่ผ่านมาหมดไปกับการพยายามช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเห็นได้ชัดจากการพยายามดึงดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ และออกพระราชบัญญัติปรองดอง โดยไม่สนใจการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนทั้งในการขึ้นค่าแรง 300 บาท ที่ไม่สามารถรับมือกับภาวะของสินค้าแพงทั้งแผ่นดินได้ และนโยบายจำนำข้าวที่ใช้เงินงบประมาณหลายแสนล้านบาท แต่พี่น้องชาวนาไม่ได้รับประโยชน์ อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าหากรัฐบาลยังดำเนินนโยบายแบบนี้อีกไปเรื่อยๆจนครบวาระ 4 ปี เศรษฐกิจไทยจะพังพินาศอย่างแน่นอน
ส่วนนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหาของรัฐบาลของอยู่ที่การไม่ยอมรับการตรวจสอบ ทำให้ละเลยการปฏิบัติตามนิติรัฐ ซึ่งการที่พ.ต.ท.ทักษิณ จัดงานฉลองวันเกิดและสไกป์มายังที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อเปิดห้องสมุดชื่อห้องสมุด "ทักษิณ ชินวัตร"พร้อมกล่าวท้าทายพรรคประชาธิปัตย์ให้ส.ส.ของพรรคไปอ่านหนังสือในห้องสมุดดังกล่าว ซึ่งตนก็มีความตั้งใจอยากจะเข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุดดังกล่าว แต่ดูแล้วไม่ได้ทำให้คนฉลาดแต่กลับทำให้คนโง่ เพราะขาดหนังสือและเอกสาร 2 เรื่อง คือ 1.คำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หมายเลขคดีแดง 1/2553 ที่ยึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 46,000 ล้านบาท และ 2.คำพิพากษาจำคุกพ.ต.ท.ทักษิณ 2 ปี ซึ่งในวันที่ 30 ก.ค.นี้ตนจะส่งหนังสือและเอกสารดังกล่าวไปยังห้องสมุดนี้ เพื่อให้ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยฉลาด หายจากความโง่
**เพื่อไทย จี้ตรวจสอบกลไกรัฐมนตรี
ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ จอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี มีการรายงานสรุปผลการประชุมกลุ่มย่อยเรื่อง “ การปรับขบวนภายใน บทบาทและทิศทางการเมืองของเพื่อไทย” หลังจากมีการประชุมกลุ่มย่อย เพื่อหารือเรื่องการแก้ไข พ.ร.บ.ปรองดอง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การปรับขบวนการทำงานของพรรค เดินหน้าเข้าหาประชาชน และการปรับขบวนการทำงานในสภาไปเมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 ก.ค. โดยที่ประชุมมอบให้ ส.ส.แต่ละภาคสะท้อนมุมมองเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และการปรับขบวนการทำงานของพรรค
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะตัวแทนภาคอีสาน เสนอว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เราไม่อยากแพ้ จะทำอะไร ขอให้คิดถึงหัวใจประชาชนด้วย เวลาที่ส.ส.เสนอเรื่องประชาธิปไตยในสภา พรรคก็ต้องมีประชาธิปไตยให้พวกตนด้วย และขอให้พรรคเพื่อไทย เร่งแก้ปัญหาราคาข้าว เพราะทุกจังหวัดมีปัญหาเรื่องนี้ รวมถึงการประชุมพรรค ขอให้รัฐมนตรีเข้าประชุมด้วย ถ้าไม่มาฟังแล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร
ขณะที่เรื่องงานในสภา พรรคต้องใส่ใจทุ่มเทมากกว่านี้ เพราะสภา คือหัวใจของสนามรบ ขณะที่การแบ่งโซนตามโครงสร้างใหม่ของพรรค ก็มะงุมมะงาหรา รัฐมนตรีรับโทรศัพท์ไม่เป็น ต่อไปต้องประสานงานในโซนให้ดี ทั้งนี้ในส่วนตำแหน่งรัฐมนตรี ภาคอีสาน มีส.ส.มาก แต่กลับมีรัฐมนตรีน้อย พรรคเพื่อไทย ต้องให้ความจริงใจ ทุ่มเทให้คนอีสานมากกว่านี้ 10 เท่า ถึงจะได้ใจพวกตน
นางบุญรื่น ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส.ส.อีสาน มี 104 เสียง ถือว่าเยอะมาก มีคุณภาพกันทั้งนั้น ก็ขอให้คิดเรื่องการพิจารณาตำแหน่งให้ด้วย เพราะ ส.ส.อีสานสามารถทำได้
นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะตัวแทนภาคเหนือ กล่าวว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ส.ส.ภาคเหนือยืนยันว่า ต้องจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ต้องเดินหน้าต่อไป โดยมี ส.ส.ร. มายกร่าง ตามนโยบายที่หาเสียงไว้ แต่หากจะต้องทำประชามติ ตามคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่เป็นไร แต่หลักสำคัญคือ ต้องจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
ส่วน ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ไม่ควรถอน แต่อาจชะลอไว้ โดยให้เลื่อนเอา พ.ร.บ.ฉบับอื่นมาพิจารณาแทนไป และระหว่างนี้ ให้เอาเวลาไปทำเวทีสานเสวนา เพื่อได้ข้อสรุป จากนั้นค่อยมาพิจารณาเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองต่อไป
ส่วนการปรับปรุงการทำงานของรัฐบาลนั้น สิ่งที่ ส.ส.ภาคเหนือเป็นห่วงคือ การรับจำนำข้าว ที่ต้องมีกระบวนการสื่อสารไปถึงรัฐมนตรี เพราะวันนี้เข้าพบรัฐมนตรียาก ควรมีคณะกรรมการชุดหนึ่ง มาช่วยประสานงานส.ส.เพื่อนำปัญหาไปบอกรัฐมนตรี และขอให้ติดตามดูแลการใช้งบประมาณแผ่นดินไม่ไห้มีการทุจริต เพราะจากการที่ ส.ส.ได้ไปติดตาม เห็นหลายเรื่อง ส่อไปถึงการทุจริต คอร์รัปชัน ขณะที่ปัญหาเรื่องการแบ่งโซน 19 โซน ตามโครงสร้างใหม่นั้น ควรนำระบบภาค กลับคืนมา ไม่ควรแบ่งเป็น 19 โซน เพราะมีปัญหาข้อมูลที่ลงไปถึง ส.ส.ไม่ตรงกัน และขอเสนอให้ทุกสัปดาห์ มีการประชุมภาคร่วมกันทั้งหมด จะได้รู้ปัญหาในภาคตรงกัน
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องรัฐธรรมนูญ รู้สึกสบายใจ ที่นายกฯ ระบุว่า เราถอยเพื่อรุก เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง แต่อย่างน้อยพรรคต้องสร้างความมั่นใจให้คนภายนอกว่า พรรคพร้อมขับเคลื่อนรุกไปข้างหน้า แต่ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะขณะนี้ กองเชียร์ไม่มั่นใจว่า เราถูกกระทำฝ่ายเดียวหรือไม่ จึงอยากให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ช่วยสร้างความมั่นใจให้ประชาชนด้วย
นอกจากนี้ยังเป็นห่วงเรื่องการโยกย้ายทหาร ที่ทหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าประชาชน อาจได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งที่สูงขึ้น อาจจะมีผลกระทบต่อความรู้สึกประชาชนได้ หากปล่อยให้โยกย้าย ขรก.แบบเสรี ไม่ให้มีการให้นโยบาย ก็จะตอบคำถามสังคมลำบาก
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เสนอว่า การแยกโซน มีผลเสียมากกว่าผลดี ควรกลับมาประชุมรวมกันเหมือนเดิม ในส่วน กทม. อยากฝากปัญหาการเลือกตั้งกทม. ให้พรรคเร่งดำเนินการเตรียมการ เพราะตั้งแต่เป็นพรรคเพื่อไทย ไม่เคยเตรียมการเรื่องเลือกผู้ว่าฯกทม. ขณะที่เรื่องน้ำท่วมก็อยากให้พรรคไปร่วมแก้ปัญหากับกทม. และรัฐบาลต้องเร่งพิจารณาเรื่องการจ่ายเงินให้เป็นรูปธรรม เพื่อไม่ให้มีการเคลื่อนไหวประท้วง เพราะจะมีปัญหากระทบต่อพรรคและส.ส.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการผอ.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่ ส.ส.ได้สะท้อนมาแสดงให้เห็นว่า ยังมีปัญหาที่พรรคยังไม่สามารถจัดระบบรองรับความต้องการของส.ส. และสะท้อนว่า ยังมีปัญหาความเป็นเอกภาพ ภายในพรรค แต่ตนเพิ่งมารับผิดชอบงานด้านบริหารแค่ 2 สัปดาห์ แม้มีหลายเรื่องที่ตอบสนอง ส.ส.ไม่ได้ แต่เราก็ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนชนะการเลือกตั้ง จะนำปัญหาทั้งหมดที่ส.ส.สะท้อนมา ไปกราบเรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อแก้ปัญหาต่อไป ทั้งนี้ มีหลายเรื่องถ้าได้พูดคุยประสานงานกัน จะคลี่คลายได้ ส่วนเรื่องรัฐมนตรีก็พยายามจัดเวทีให้ได้มีโอกาสคุยกับส.ส. แต่รัฐมนตรีอาจมีภารกิจมาก จนดูเหมือนละเลย คุยกับส.ส. ซึ่งพรรคจะเป็นตัวเชื่อมประสานให้ส.ส.ได้คุยกับรัฐมนตรีเพื่อแก้ปัญหา
นายภูมิธรรม ยังกล่าวเรื่องรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ปรองดองว่า ยืนยันไม่ถอนร่างพ.ร.บ.ปรอดอง และร่างแก้ไขรัฐธรรมนญ ออกจากสภาฯ แต่จะดำเนินการตามขั้นตอนอย่างไร ต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล และ หารือในวิปรัฐบาลต่อไป ยืนยันว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ จะไม่รีบร้อนในการเดินหน้าโหวต วาระ 3 โดยจะดำเนินการทำความเข้าใจกับประชาชน ให้เข้าใจถึงการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า จะช้าหรือเร็ว มีสาเหตุมาจากอะไร ทั้งนี้ อาจจะดำเนินการแก้ไขในบางมาตรา บางประเด็น ที่ยังมีความกังวลใจ เพื่อให้การแก้รัฐธรรมนูญมีความคล่องตัวขึ้น เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่สมาชิกมากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะนำไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล
