นายกฯ ใช้วันหยุดขออยู่กับครอบครัว ก่อนรับศึกประชุม ก.ต.ช.คัด ผบ.ตร.ใหม่ พรุ่งนี้ ด้าน “เด็จพี่” เผย เพื่อไทย เรียก กก.บห.วิเคราะห์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 16 ก.ค. อ้างไม่ชัด ชี้ ประชามติเป็นคำแนะนำ งง มีผลผูกพันสภาหรือไม่ คาดยุติก่อนเปิดประชุมสภา ยักคิ้วก๊วนแดงยื่นถอดตุลาการ ยังโวยรับคำร้อง ม.68 บ่น ปชช.โหวตทำเสียงบ 2 ครั้ง เมินปชป.ไล่ ยันรัฐบาลไม่ไขก๊อก หนุนปรับกำลังพระวิหาร ยันผลประโยชน์ทับซ้อนไม่จริง เชื่อคว้าเก้าอี้ซ่อมลำพูนได้
วันนี้ (15 ก.ค.) ที่บ้านพัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บรรยากาศบริเวณโดยรอบบ้านพัก ซอยโยธินพัฒนา 3 ถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา เป็นไปด้วยความเงียบเหงา ซึ่งในวันนี้ นายกรัฐมนตรี ไม่มีภารกิจแต่อย่างใด จึงขอใช้ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์อยู่กับครอบครัวภายในบ้านพัก โดยมีเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและสื่อมวลชนทุกแขนงเฝ้าเกาะติดสถานการณ์ตลอดทั้งวัน
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (16 ก.ค.) นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ได้นัดประชุมคณะกรรมการ ก.ต.ช.ที่ห้องสีเขียว ทำเนียบรัฐบาล โดยมีวาระสำคัญ คือ การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ แทน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ที่จะเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับนายตำรวจยศ พล.ต.อ.เป็นตัวเก็งที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.คนใหม่นั้น มีอยู่ 2 คนด้วยกัน คือ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัติ รองผบ.ตร.ด้านป้องกันและปราบปราม อาวุโสอันดับ 1 นรต.รุ่น 28 เกษียณอายุราชการปี 2556 และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร.ด้านความมั่นคง และรักษาการเลขาธิการ ป.ป.ส.อาวุโสอันดับ 3 นรต.29 เกษียณอายุราชการปี 2557
ด้าน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้เวลา 13 นาฬิกา แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ส.ส.และสมาชิกพรรค เพื่อวิเคราะห์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ยกคำร้องข้อกล่าวหาล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ แต่ตั้งข้อสังเกตถึงคำวินิจฉัยที่ไม่ชัดเจน เช่น เรื่องการทำประชามติ เป็นคำแนะนำไม่ใช่คำสั่ง จึงต้องหารือกันว่ามีผลผูกพันทางรัฐสภาหรือไม่ เพราะคำวินิจฉัยมีความสับสน โดยพรรคจะพิจารณาว่า จะเดินหน้าลงมติวาระ 3 หรือไม่หรือทำประชามติก่อนลงมติวาระ 3 หรือนำข้อเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรามาพิจารณา ซึ่งคาดว่า จะได้ข้อยุติการดำเนินการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญทั่วไปวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ขณะเดียวกันจะมีการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อเดินหน้าผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป ส่วนเรื่องการถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น ยังไม่ได้มีการหารือในพรรค แต่ถ้าประชาชนและนักวิชาการจะยื่นถอดถอนก็สามารถดำเนินการได้
นายพร้อมพงศ์ กล่าวย้ำว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็น การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้โดยตรง เพราะจะมีปัญหาหากหลายฝ่ายยื่นคำร้องจะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญรับภาระการรับคำวินิจฉัยมาก จึงเห็นว่า ควรยื่นต่ออัยการสูงสุดให้พิจารณาก่อน เพราะการที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณาเป็นการก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติ ผิดหลักการแบ่งแยกอำนาจอธิปไตย ส่วนประเด็นทำประชามติก็ผิดหลักการ เพราะในอดีตมีการร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 แล้วจึงทำประชามติ แต่หากให้ทำประชามติก่อนพอแก้รัฐธรรมนูญเสร็จก็ต้องมาลงประชามติอีกหรือไม่ ซึ่งต้องเสียงบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท ถึง 2 ครั้ง
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ คณะรัฐมนตรีลาออกโดยเทียบกับสมัยพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่รัฐบาลไม่สามารถออกพระราชบัญญัติขนส่งของรัฐสภาได้ โดยเห็นว่า เป็นการเล่นเกมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์เพื่อที่จะล้มล้างรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการที่พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวทีปราศรัยกล่าวหารัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยเหลือ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นข้อกล่าวหาเดิมๆ ทั้งที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็เคยระบุว่า เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่กลับไม่ยอมลงมติในวาระ 3 โดยลืมสิ่งที่ตนเองพูดไว้ ทั้งนี้ อยากให้ฝ่ายค้านใช้เวลาติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลในสิ่งที่เป็นประโยชน์มากกว่าการปราศรัยโจมตีรัฐบาลโดยบิดเบือนข้อมูล
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ บอกให้รัฐบาลตัดขาดจากคนเสื้อแดงจะได้บริหารประเทศครบ 4 ปี ว่า เป็นเจตนาดีแต่ประสงค์ร้าย เพราะรัฐบาลไม่ได้มีปัญหากับประชาชนไม่ว่าเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง
นอกจากนี้ นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงการที่นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนกัมพูชาเกิดภาพบรรยากาศที่ดีของความสัมพันธ์ทั้ง 2 ประเทศ และส่วนตัวเห็นด้วยกับการปรับกำลังทหารในพื้นที่เขาพระวิหาร ซึ่งแตกต่างจากภาพของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต ที่มีการปะทะกันของทหารทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ด้านพลังงานในพื้นที่พิพาททางทะเลก็ไม่เป็นความจริง เพราะหากเป็นไปตามข้อกล่าวหาเชื่อว่า ฝ่ายค้านจะนำหลักฐานมาโจมตีรัฐบาลแล้ว พร้อมเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ อย่าค้านทุกเรื่อง หรือใช้จินตนาการมองโลกในแง่ร้ายทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสและเกิดควมตึงเครียดกับเพื่อนบ้าน
โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงการเสียชีวิตของ นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.เขต 2 ลำพูนพรรคเพื่อไทย ซึ่งคณะกรรมการจะคัดสรรตัวบุคคลเพื่อเสนอชื่อบุคคลต่อคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณา โดยเชื่อมั่นว่า จะสามารถยึดเก้าอี้ ส.ส.เขต 2 จังหวัดลำพูนได้อย่างแน่นอน